Apple Watch Series 4 Review After 11 Month Cover
in , ,

รีวิว Apple Watch Series 4 กับ 11 เดือนที่ผ่านมาประสบการณ์ใช้งานเป็นอย่างไรบ้าง

Apple Watch Series 4 เปิดตัวเมื่อ 12 กันยายน 2018 ผ่านมา 11 เดือนกว่าแล้วเรามาดูกันว่าผ่านมาจะครบ 1 ปี สำหรับรุ่นนี้ประสบการณ์ใช้งานที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้างและถ้ารุ่นใหม่(อาจจะ)ออกมาในเดือนกันยายแล้วรุ่นนี้จะน่าใช้งานอยู่ไหม มาติดตามพร้อมกันครับ

รีวิว Apple Watch Series 4 กับ 11 เดือนที่ผ่านมาประสบการณ์ใช้งานเป็นอย่างไรบ้าง

ก่อนเข้ารีวิวขอนำสเปกของ Apple Series 4 มาให้ชมกันก่อนครับ และนี่คือสเปกพื้นฐานของ Apple Watch Series 4 ที่เปิดตัวในปี 2018

Apple Watch Series 4 Cellular Aluminium Unbox 1177145
Apple Watch Series 4
  • ตัวเรือนมี 2 ขนาดให้เลือกคือ 40 มม. และ 44 มม.
  • จอภาพ LTPO OLED Retina พร้อม Force Touch ความสว่าง 1,000 นิต
  • เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth, Wi-Fi และ รองรับการเชื่อมต่อ LTE ในตัวอีกด้วย (สำหรับรุ่น Cellular ซึ่ง Apple Watch ต่อสัญญาณมือถือและเล่นอินเทอร์เน็ตได้ในตัวเลยไม่ต้องพก iPhone ก็ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การฟังเพลงผ่าน Apple Music, การสั่งงาน Siri เป็นต้น) เป็นรุ่นที่ 2 ที่รองรับ Cellular
  • ตัวเรือนมีให้เลือกทั้งอะลูมิเนียมและสแตนเลสสตีล
  • มี GPS และ GLONASS ในตัว
  • โปรเซสเซอร์ S4 แบบ Dual-core 64 บิต ถือว่าเป็นครั้งแรกใน Apple Watch โดยมีความเร็วมากกว่า Apple Watch Sereis 3 ถึง 2 เท่า
  • เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า (ECG) เป็นรุ่นแรกที่มีระบบนี้
  • เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคอลรุ่นที่ 2
  • การตรวจจับการล้ม (Fall Detection) เป็นรุ่นแรกที่มีระบบนี้
  • W3 ชิพระบบไร้สายของ Apple
  • Digital Crown พร้อมการตอบสนองแบบสั่น
  • มาตรวัดความสูงแบบวัดความดันบรรยากาศ
  • ความจุ 16GB
  • อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ดียิ่งขึ้นตรวจจับแรง G สูงสุด 32 G
  • ไจโรสโคปที่ดียิ่งขึ้น
  • เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ
  • ทนน้ำที่ระดับ 50 เมตร
  • กระจก Ion-X อันแข็งแกร่ง
  • ฝาหลังเซรามิกและผลึกแซฟไฟร์ทั้งหมดในทุกรุ่นของ Series 4 นี้
  • Wi-Fi (802.11b/g/n 2.4GHz)
  • Bluetooth 5.0
  • แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนชนิดชาร์จซ้ำได้ภายในตัวเครื่องสูงสุด 18 ชั่วโมง
  • มาพร้อม watchOS 5
  • มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเงิน, สีทอง จะแตกต่างอีกเล็กน้อยในฝั่งของโทนดำ ถ้าในรุ่นอะลูมิเนียมจะมีเทาสเปซเกรย์ ส่วนรุ่นสแตนเลสสตีลจะมีสีดำสเปซแบล็ค(เคลือบ DLC)

รีวิวนี้เป็นการเล่าประสบการณ์ของการใช้งาน Apple Watch Series 4 ตั้งแต่เปิดขายวันแรกในเดือน กันยายน 2018 จนถึงปัจจุบันว่าฟีเจอร์ที่ใช้งานบ่อย ๆ นั้นเป็นยังไง, การใช้งานทั่วไปเป็นอย่างไร, ระบบตอบสนองดีไหม, eSIM จำเป็นหรือเปล่า ฯลฯ

1. แบตเตอรี่อึดโดนใจ

Apple Watch Series 4 Battery

แบตเตอรี่ใน Apple Watch Series 4 เป็นอะไรที่ประทับใจมากเมื่อเทียบกับ Apple Watch ใน Series ก่อนหน้า ในรุ่นนี้หากไม่ได้ใช้งานหนัก ๆ เพียงเอาไว้ดูเวลาและดู Notification ทั่วไปจะสามารถใช้งานได้ราว ๆ 2 วันเลยทีเดียว ซึ่งรุ่นก่อนหน้านั้นได้ 1 วันก็หรูแล้ว ด้วยความที่รุ่นนี้มาพร้อมชิป Apple S4, W3 Wireless และ Bluetooth 5.0 ตัวใหม่ ที่ทำให้กินไฟน้อยลงจึงช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานขึ้นนั่นเอง

2. Apple S4 ซีพียู 64-bit ทำให้เครื่องตอบสนองได้เร็วดังใจ

Apple Watch Series 4 เป็นครั้งแรกที่ Apple ใช้ CPU 64-bit แบบ Dual-Core เข้ามาส่งผลให้การประมวลภาพรวมเร็วกว่า Apple Watch Series 3 ถึง 3 เท่า หากวัดกันที่การตอบสนองต่อการทำงานของแอปทั่วไปแล้ว Apple Watch Series 4 ตอบสนองได้ดีกว่าทุกรุ่นที่ผ่านมาอย่างชัด เช่น จากแอปที่เคยเปิดแล้วค้างต้องมีการปิดเปิดใหม่บ่อยครั้งตัวอย่างแอปที่ใช้บ่อย ๆ ก็อย่าง Nike Run Club แอปนี้จะกินทรัพยากรเยอะมาก ผมเคยเจอปัญหาตอนใช้ Apple Watch Series 3 และต่ำกว่า ตัวแอปนั้นจะปิดตัวเองและเปิดใหม่ตลอด ทำให้วิ่งเก็บสิถิติได้ไม่จบ แต่ใน Apple Watch Series 4 นั้น ใช้งานได้ดีแม้จะมีบางจังหวะที่หน่วง  อีกตัวอย่างในการเรียกใช้งานแอปกล้องเพื่อควบคุมการถ่ายรูปผ่าน iPhone, Apple Watch Series นั้นตอบสนองได้เร็วเลยทีเดียว

3. หน้าจอใหญ่เต็มตา

Favorit Things In Apple Watch Series 4 1
Apple Watch Series 4 vs 3

ขนาดตัวเรือนเท่าเดิมกับรุ่นที่ผ่านมาแต่ว่าส่วนของการแสดงผลนั้นใหญ่ขั้น จากขนาดเดิม 38 มม. กลายเป็น 40 มม. และจาก 42 มม. กลายเป็น 44 มม. หากดูเพียงตัวเลขจะเห็นว่าเพิ่มขึ้นมาเพียง 2 มม. แต่ทว่าเมื่อดูจากการแสดงผลบนตัวเรือนจริงแล้วพบว่า Apple Watch Series 4 นั้นพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นมามีผลอย่างมากต่อการใช้งาน แถมยังใช้กับสาย Apple Watch Band เดิมได้อีกด้วย

4. Watch Face ใหม่ สะดวกมากขึ้น

How To Install Jingwatch Apple Watch Face 10

ใน Apple Watch Series 4 มี Watch Face ใหม่เพิ่มเข้ามา ส่วนตัวแล้วมองว่า ​Watch Face แบบนี้ควรจะมีตั้งนานแล้วเพราะว่าเมนูการแสดงผลต่าง ๆ ที่จำเป็นไม่ว่าจะเป็น เวลา, อุณหภูมิ, ค่า UV Index, วันที่, Activity, ค่า AQI ฯลฯ ทั้งหมดนี้สามารถแสดงผลพร้อมกันในหน้าปัดเดียวซึ่งดูแล้วสะดวกมาก ๆ ไม่ต้องเปิดเข้าแอปเพื่อดูให้เสียเวลา และอีกทั้งเรายังปรับแต่งหน้าปัดเหล่านั้นไว้เพื่อเลือกใช้งานตามโอกาสต่าง ๆ ได้อีกด้วย

5. ECG ฟีเจอร์ดี แต่ยังใช้งานในประเทศไทยไม่ได้

Apple Watch Detect Pvc Ecg And Useful For Deaf Customer 1

ECG เป็นฟีเจอร์สำหรับการวัดคลื่นหัวใจซึ่งจะมีความแตกต่างจากการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ โดยจุดเด่นของ ECG นั่นจะเป็นเหมือนผู้ช่วยที่คอยตรวจสอบว่าคลื่นหัวใจของเราทำงานปกติหรือไม่ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่มีภาวะความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคหัวใจ หลายเคสในต่างประเทศที่ ECG ช่วยแจ้งเตือนให้ผู้ป่วยทราบว่าตัวเองกำลังมีอันตรายและผลต่อมาคือผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันเวลา แต่น่าเสียดายที่ฟีเจอร์นี้ชาวไทยยังไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องด้วยยังไม่ได้รับอนุมัติจากภาคส่วนที่ดูแลเรื่องนี้ ทำให้ฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ขนาดนี้ยังไม่สามารถใช้ในบ้านเราได้นั่นเอง

6. Fall Detection ฟีเจอร์ตรวจสอบการล้มที่ยังไม่เจอกับตัว

ฟีเจอร์ตรวจสอบการหกล้มใน Apple Watch Series 4 หน้าที่ของเขาคือ เมื่อผู้ใช้งานหกล้ม(จริง) และไม่สามารถลุกขึ้นด้วยตนเองจากนั้น Apple Watch จะทำการโทรออกไปยังเบอร์ฉุกเฉินเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งฟีเจอร์นี้ดีโดยเฉพาะกับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถใช้เหลือตัวเองได้อย่างดีเท่าที่ควร หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมาอย่างน้อยก็มีแจ้งขอความช่วยเหลือได้ ส่วนตัวสำหรับฟีเจอร์นี้ยังไม่เคยใช้งานกับตัวเองเลย (เอาจริง ๆ ก็ไม่อยากเกิดเหตุการณ์แบบนั้น) แต่ก็อย่างว่าแหละ “มีไว้ไม่ได้ใช้ ดีกว่าตอนจะใช้แล้วไม่มี”

7. eSIM สะดวกดี มีก็ดีไม่มีก็ได้

Apple Watch Series 4 Cellular

Apple Watch กับการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายสัญญาณมือถือ (Cellular) มีให้เห็นตั้งแต่ Apple Watch Series 3 (2017) เป็นต้นมา หลายคนถามว่ารุ่น eSIM นั้นมีความจำเป็นไหมควรจะซื้อดีหรือเปล่า? สำหรับความเห็นส่วนตัวนั้นหากคุณเป็นคนที่ติดมือถือมากและเรียกได้ว่า iPhone แทบจะอยู่ข้างกายไม่หายไปไหน ดังนั้น Apple Watch รุ่นที่ใช้ eSIM ก็ไม่ได้มีความจำเป็นกับคุณแต่อย่างใดแถมค่าเครื่องถูกกว่าและไม่ต้องเสียค่าบริการรายเดือนของ eSIM อีกด้วย

แต่ทว่า eSIM นั้นก็มีประโยชน์สำหรับผู้ใช้ที่ไม่อยากพก iPhone ในบางโอกาส เช่น การไปวิ่งออกกำลังกายชิวๆ สัก 1-2 ชั่วโมง โดยการใช้ Apple Watch ในการจับเวลาและสถิติการวิ่ง โดยฟังเพลงสตรีมมิ่งจาก Apple Music ให้เสียงถูกถ่ายทอดผ่านทาง AirPods หรือ Powerbeats Pro ทำให้คุณไม่ต้องพก iPhone ออกมาด้วยให้หนัก แถมเวลามีคนโทรเข้าก็ยังสามารถรับสายได้โดยไม่พลาดการติดต่อที่สำคัญ และอีกกรณีคือ iPhone แบตเตอรี่หมดก็ยังสามารถโทรออกรับสายได้ผ่าน Apple Watch Series 4 Cellular นั่นเองครับ

8. ออกกำลังกายแค่มี Apple Watch กับ AirPods ไม่ต้องพกเยอะ

ฟีเจอร​์นี้ผมใช้งานค่อยข้างบ่อยเลยอย่างที่บอกเอาไว้ในหัวข้อ eSIM นั่นเป็นตัวอย่างการใช้งาน Apple Watch และ AirPods สำหรับการออกกำลังกาย มันช่วยลดน้ำหนักจาก iPhone ได้และไม่ต้องกำ iPhone ไปวิ่งด้วยให้เมื่อย แถมวิ่งไปฟังเพลงไปชิว ๆ ได้อีก c

9. ถ่ายรูป Selfie ด้วยตัวเองใช้ Apple Watch เป็นรีโมท

การไปเที่ยวคนเดียวปัญหาคืออยากจะได้รูปมุมไกลโดยไม่ต้องถ่ายจากกล้องหน้าปัญหาคือจะดู Composition ของรูปยังไงถ่ายที่จะถ่าย ผมก็ใช้ Apple Watch Series 4 นี่แหละเป็นตัวที่จะพรีวิวดูรูปก่อนที่จะถ่าย ก่อนหน้านี้ใน Apple Watch รุ่นเก่าพบว่ากว่าจะเปิดใช้งานแอปกล้องบน Apple Watch ให้แสดงภาพพรีวิวได้นั้นต้องรอนานมากบางทีเปิดแทบไม่ขึ้นเลย ยอมรับเลยว่าหงุดหงิด แต่ใน Apple Watch Series 4 ความเร็วของ CPU ที่เพิ่มขึ้น ช่วยให้ฟีเจอร์นี้ใช้งานได้รวดเร็วและดีกว่าเดิมมากครับ

10. watchOS 6 ยิ่งทำให้น่าใช้งานมากขึ้น

Apple Watch Series 4 Watchos 6 App Store

ใน watchOS 6 beta ที่ทาง Apple เปิดตัวเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2019 ที่ผ่านมานั้น ได้มีการปรับปรุงฟีเจอร์ใหม่ ๆ ค่อนข้างเยอะไม่จะเป็น App Store บน Apple Watch ที่ช่วยให้ผู้ใช้ดาวน์โหดลแอปลงที่ Apple Watch ได้โดยตรง, หน้าปัด Watch Face แบบใหม่ เพิ่มความสวยงามและมินิมอลให้กับ Apple Watch, แอป Noise ใหม่ ฟีเจอร์ใหม่นี้จะดูแลสุขภาพในเรื่องของการได้ยิน โดย Apple Watch ช่วยให้ผู้ใช้ ทราบถึงระดับเสียงในสภาพแวดล้ อมต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการได้ยิน ฯลฯ นั่นทำให้เห็นว่า Apple Watch Series 4 ก็ยังจะสามารถใช้ฟีเจอร์ใหม่ได้อย่างต่อเนื่องอย่างต่ำก็ 2-3 ปีต่อจากนี้

11. Apple Watch Series 4 เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ก่อนที่ Apple Watch Series 5 จะเปิดตัว

ณ ตอนนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือ Apple Watch ที่สมบูรณ์ที่สุดทั้งแง่ของประสิทธิภาพความเร็วการประมวลผล, แอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่มีให้เลือกมากมาย, ดีไซน์ที่สวยงามอย่างเป็นเอกลักษณ์, สายและอุปกรณ์เสริมที่มีให่เลือกเพียบ, ฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่ Apple ให้ความใส่ใจในการวิจัยและพัฒนาอยู่ตลอด ทำให้ Apple Watch Series 4 เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการจะซื้อ Apple Watch ใช้ ณ วันนี้ ตอนนี้

แต่ช้าก่อน หากรอไหวหละรอเราแนะนำให้รอดู Apple Watch Series 5 ก่อน ที่คาดว่าจะเปิดตัวในเดือนกันยายน 2019 นี้ เพื่อดูว่าจะมีฟีเจอร์เด็ดอย่างไรเพิ่มเติมจากรุ่นปัจจุบันบ้าง ถ้าตอนนั้นเมื่อ Apple Watch Series 5 ออกมาแล้วเรารอสอย Apple Watch Series 4 ที่ราคาถูกลง ณ ตอนนั้นก็ยังไม่สาย

สรุป

Apple Watch Series 4 7

ภาพรวมของ Apple Watch Series 4 ผมชอบมากกว่า Apple Watch Series 3 และมากกว่าทุก ๆ รุ่นก่อนหน้า

ผมว่า Apple Watch Series 4 นั้นมันลงตัวมากขึ้นทั้งเรื่องของการออกแบบหน้าจอใหม่ ความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมทั้ง W3 Wireless ชิปไร้สายที่ช่วยให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไร้สายอย่าง AirPods และ Powerbeats Pro ได้โดยง่าย

ถ้าใครอยากจะหา Apple Watch เอาไว้คู่กายสักอันถ้าให้เลือกระหว่าง Apple Watch Series 3 มือ 1 กับ Apple Watch Series 4 มือ 2 ยังไงซะผมก็จะเลือกอย่างหลังมากกว่า

ราคาและการจัดจำหน่าย Apple Watch Series 4 ในประเทศไทย

Apple Watch Series 4 Price List Update 1

Apple Watch Series 4 GPS ตัวเรือนอะลูมิเนียม และรุ่น Nike+

  • ขนาด 40 มม. — ราคา 14,400 บาท
  • ขนาด 44 มม. — ราคา 15,400 บาท

Apple Watch Series 4 GPS + Cellular

ตัวเรือนอะลูมิเนียมและรุ่น Nike+

  • ขนาด 40 มม. — ราคา 17,900 บาท
  • ขนาด 44 มม. — ราคา 18,900 บาท

ตัวเรือนสแตนเลสสตีล พร้อมสาย Sport Band

  • ขนาด 40 มม. — ราคา 24,900 บาท
  • ขนาด 44 มม. — ราคา 26,900 บาท

ตัวเรือนสแตนเลสสตีล พร้อมสาย Milanese Loop

  • ขนาด 40 มม. — ราคา 28,400 บาท
  • ขนาด 44 มม. — ราคา 30,400 บาท

รุ่น Hermes

  • ขนาด 40 มม. — ราคาเริ่มต้น 44,900 บาท
  • ขนาด 44 มม. — ราคาเริ่มต้น 46,900 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติมของ Apple Watch Series 4 Apple Store Online ประเทศไทย

นอกจาก Apple Store แล้วยังสามารถหาซื้อได้ตามร้านตัวแทนจำหน่ายอย่าง Studio 7 ได้ทั่วประเทศ

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Attapon Thaphaengphan

ศิษย์เก่าวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ม. ขอนแก่น ผู้ก่อตั้ง iPhoneMod.net ตั้งแต่ปี 2009
อดีต Dell Technical Support รู้จัก ​Apple เพราะ Macbook Pro และใช้ iPhone ตั้งแต่รุ่น 3G จนถึงปัจจุบัน