in

Apple นำเงินมูลค่า 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐจาก Green Bond ไปใช้ในการสร้างพลังงานสะอาด 1.2 กิกะวัตต์

โครงการพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อไม่นานมานี้ในคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ของ Apple เป็นส่วนหนึ่งของการใช้จ่ายเงินมูลค่า 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐจาก Green Bond เพื่อนำพลังงานสะอาดมาสู่ชุมชนท้องถิ่นพร้อมกับลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

Apple นำเงินมูลค่า 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐจาก Green Bond ไปใช้ในการสร้างพลังงานสะอาด 1.2 กิกะวัตต์

ในปี 2020 Apple ได้ลงทุนในโครงการ Green Bond 17 โครงการเพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนโดยเฉลี่ย 921,000 เมตริกตันต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการนำรถยนต์เกือบ 200,000 คันออกจากท้องถนน โครงการนี้จะช่วยผลิตพลังงานหมุนเวียน 1.2 กิกะวัตต์ทั่วโลก และ Apple ยังเพิ่มพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่งติดตั้งใหม่อีกกว่า 350 เมกะวัตต์เมื่อปีที่แล้วในเนวาดา อิลลินอยส์ เวอร์จิเนีย และเดนมาร์ก โดยการออก Green Bond ของ Apple ถือเป็นการออกตราสารหนี้ที่ใหญ่ที่สุดของภาคเอกชน

“Apple มุ่งมั่นที่จะปกป้องโลกของเราด้วยโซลูชันที่สนับสนุนชุมชนที่เราทำงานอยู่” Lisa Jackson รองประธานฝ่าย Environment, Policy และ Social Initiatives ของ Apple กล่าว “เราทุกคนมีหน้าที่ในการทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการลงทุนมูลค่า 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐที่ได้รับจาก Green Bond ก็เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในความพยายามของเรา สุดท้ายแล้ว พลังงานสะอาดถือเป็นธุรกิจที่ดี”

Apple ได้นำรายได้จากการออก Green Bonds สามฉบับไปสนับสนุนโครงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลก นับตั้งแต่เกิดข้อตกลงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งประวัติศาสตร์ในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP21) ประจำปี 2015 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2016 บริษัทได้ออก Green Bond มูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรก

ตามด้วยรอบที่สองซึ่งมีมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในเดือนมิถุนายน 2017 หลังจากที่อดีตฝ่ายบริหารของสหรัฐอเมริกาประกาศความตั้งใจที่จะถอนตัวจากข้อตกลงของ COP21 ในเดือนพฤศจิกายน 2019 Apple ได้ออก Green Bond ชุดที่สามและเป็นครั้งแรกในยุโรปโดยประกอบด้วยพันธบัตร 2 ชุด ชุดละ 1 พันล้านยูโร (มูลค่ารวมประมาณ 2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ)

นอกเหนือจากรายละเอียดที่แสดงในรายงาน Green Bond Impact ของ Apple แล้ว Apple ยังให้การสนับสนุนโครงการใหม่ๆ ที่สนับสนุนการออกแบบและวิศวกรรมแบบคาร์บอนต่ำ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้พลังงานหมุนเวียน การลดคาร์บอน และการกักเก็บคาร์บอนอย่างต่อเนื่อง อีกด้วย Apple ได้จัดสรรงบประมาณที่ได้จากการออก Green Bond ไว้กว่าครึ่ง นั่นคือ 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐและจะยังคงลงทุนในโครงการที่แก้ปัญหาเรื่องการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อไป

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดเผยแผนในการทำให้ธุรกิจทั้งหมด รวมทั้งซัพพลายเชนการผลิต และวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030 โดยปัจจุบัน การดำเนินงานขององค์กรทั่วโลกของ Apple มีความเป็นกลางทางคาร์บอนอยู่แล้ว และพันธกิจใหม่นี้หมายความว่าอุปกรณ์ทั้งหมดที่ Apple จำหน่ายจะต้องไม่ส่งผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้นต่อสภาพอากาศภายในปี 2030

การลงทุนล่าสุดของ Apple ในด้านพลังงานหมุนเวียน

โครงการโซลาร์ในไซต์งานนอกเมืองเรโน รัฐเนวาดา: ไซต์งานขนาด 180 เอเคอร์ที่ตั้งอยู่ภายใน Reno Technology Park กำลังผลิตพลังงานแก่ศูนย์ข้อมูลเนวาดาของ Apple โครงการนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็น “โครงการระดับยูทิลิตี้แห่งปี” โดยนิตยสาร Solar Builder เพราะเป็นโครงการที่ช่วยสร้างงานก่อสร้างด้านพลังงานสะอาดถึง 236 ตำแหน่งให้กับผู้คนซึ่งมากกว่า 90% เป็นผู้อยู่อาศัยในเนวาดา และสร้างการลงทุนมากกว่า 60 ล้านดอลลาร์ใน Washoe County ไซต์นี้สามารถผลิตพลังงานหมุนเวียน 50 เมกะวัตต์ให้กับ Apple และเมื่อคิดรวมกับพลังงานสะอาดที่ผลิตในโครงการเนวาดาอื่นๆ จะได้ถึง 270 เมกะวัตต์

ฟาร์มกังหันลมนอกเขตชิคาโก้: สัญญาซื้อขายไฟฟ้าเสมือนจริงปริมาณ 112 เมกะวัตต์กับฟาร์มกังหันลมในรัฐอิลลินอยส์แห่งนี้เป็นแหล่งไฟฟ้าของ Apple ในเขตชิคาโก้ โครงการนี้ได้มีการรวมกลุ่มผู้ซื้อเข้ามา จึงทำให้บริษัทอื่นๆ ที่มีกำลังซื้อน้อยสามารถเข้าถึงพลังงานหมุนเวียนคุณภาพสูงได้เช่นเดียวกับ Apple

โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในเมือง Fredericksburg รัฐเวอร์จิเนีย: Apple ได้ตกลงร่วมมือกับ Etsy, Akamai และ SwissRE เพื่อพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนโดยใช้แสงอาทิตย์เพื่อผลิตไฟฟ้าขนาด 165 เมกะวัตต์นอกเมือง Fredericksburg รัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งตอนนี้เริ่มจ่ายพลังงานไปยังกริดไฟฟ้าในภูมิภาคแล้ว

กังหันลมบนบกที่ใหญ่ที่สุดในเดนมาร์ก: Apple ก่อสร้างกังหันลมบนบกที่ใหญ่ที่สุดในโลก 2 แห่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานทดแทนที่สะอาดและตอนนี้กำลังใช้งานอยู่ กังหันลมสูง 200 เมตรที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองเอสบีเยร์ของเดนมาร์กนี้คาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้ 62 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ซึ่งเพียงพอที่จะจ่ายไฟให้บ้านเกือบ 20,000 หลัง และยังทำหน้าที่เป็นสถานที่ทดสอบกังหันลมนอกชายฝั่งที่ทรงพลังอีกด้วย ไฟฟ้าที่ผลิตในเอสบีเยร์จะจ่ายให้กับ ศูนย์ข้อมูลของ Apple ในวีบอร์กโดยพลังงานส่วนเกินจะจ่ายไปยังกริดของเดนมาร์ก

รายงานผลกระทบประจำปีของ Apple จะกล่าวถึงการจัดสรรรายได้จากตราสารหนี้ Green Bond ปี 2019 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมในระหว่างวันที่ 29 กันยายน 2019 ถึง 26 กันยายน 2020 ซึ่งเป็นปีงบประมาณ 2020 ของ Apple รายงานผลกระทบของตราสารหนี้ Green Bond, การอัปเดตในปีงบประมาณ 2020 อยู่ใน investor.apple.com.

Apple มีการปฏิวัติเทคโนโลยีสำหรับส่วนบุคคลด้วยการเปิดตัวเครื่อง Macintosh ในปี 1984 ในวันนี้ Apple คือผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมด้วย iPhone, iPad, Mac และ Apple Watch สี่แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ของ Apple iOS, OS X, watchOS และ tvOS ให้ประสบการณ์ที่ราบรื่นในทุกอุปกรณ์ Apple และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับบุคคลด้วยบริการที่ก้าวล้ำรวมถึง App Store, Apple Music, Apple Pay และ iCloud พนักงานของ Apple นับแสนคนทุ่มเทสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลกเพื่อให้โลกเป็นโลกที่ดีกว่า

ข้อมูลจาก Apple Newsroom

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Zakura Kim

Bachelor degree of science, Software engineering major, Payap University