in

รีวิว – Blackberry Bold 9900/9930 ในมุมมองของผู้ใช้ iPhone

สำหรับผู้ใช้งาน BB แล้วกระแสที่มาแรงที่สุดในตอนนี้คงหนีไม่พ้นมือถือแชทสุด Geek อย่าง 9900 แต่ที่ผมจะนำมารีวิวจะเป็นรุ่น 9930 ซึ่งความแตกต่างของมันสำหรับมือใหม่อาจจะงกเล็กน้อย โดย 9900 กับ 9930 นั้นจะเหมือนกันทุกอย่างต่างกันตรงที่ตัว 9900 นั้นจะเป็นแบบ GSM/EDGE Qualband และ HSPA+ แบบ Tri-Band ในขณะที่ตัว 9930 นั้นรองรับเป็น Dual-Band CDMA/EV-DO Rev., Dual-Band HSPA+ และรองรับ Quadnamd GSM/EDGE ซึ่งหากถามว่าตัวไหนดีกว่าคงเป็นที่เรื่องความถี่ที่ใช้ ซึ่งผมคงแนะนำตัว 9900 มากกว่าเพราะศูนย์จะนำเข้าตัวนี้มา และอีกอย่าง CDMA เขาจะเลิกใช้กันแล้ว – – v แต่ถ้าหากซื้อมาใช้ธรรมดาทั่วไปก็ไม่ต่างกันเลย (เหลือดีกว่าขาด)

เครื่องที่ได้เป็นเครื่องหิ้วครับ ไม่ใช่เครื่องที่มีจำหน่ายจริงในประเทศไทย ซึ่งคีย์บอร์ดจะเป็นภาษาไทยและไม่มีตราสัญลักษณ์เครือข่าย หรือถ้าให้พูดก็คือเป็นรุ่น 9900 โดยในฐานะที่ผมเป็นผู้ใช้ iOS มาช้านานและแทบไม่เคยจับมือถือของ Blackberry มาก่อน วันนี้จะมาลองดูรีวิวในมุมมองของผมกันครับ ซึ่งอาจจะแตกต่างกว่าเจ้าอื่นนิดนึง

แพคเกจด้านในครับ ประกอบไปด้วยอุปกรณ์หลาย ๆ ชนิด ตามภาพ แต่!!! ไม่มี Smalltalk แถมไม่รู้ทำไมเหมือนกันครับ ผมเป็นอันงงพยายามหา ๆ เขี่ย ๆ ดูแล้วก็ไม่ยักจะเจอแฮะ = =” แปลก ๆ ๆ

อุปกรณ์ทั้งหมดที่แถมมาในเครื่องครับ หลัก ๆ ที่ใช้งานได้ชัด ๆ ก็มี

  • เครื่อง BB9930
  • ที่ชาร์จ
  • สายต่อคอมฯ
  • เคสหนังอย่างดีพร้อมคลิปหนีบ
  • ผ้าสำหรับทำความสะอาดจอ (แถมเพื่อ?)

โลโก้ด้านซ้ายสุดจะเป็นตรา Verizon หรือก็คือเครือข่ายมือถือของทางฝรั่งอเมริกาเขา ซึ่งจริง ๆ แล้วการขายแบบติดสัญญาแบบนี้ทาง iPhone ก็มีเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าจะไม่โชว์โลโก้หราขนาดนี้ อีกทั้งการใช้ iPhone มีสิทธิที่เครื่องจะถูก Lock ได้ง่ายกว่ามาก ๆ เรียกได้ว่าเป็นที่ทับกระดาษได้แบบไม่รู้ตัวกันเลยทีเดียว ดังนั้นมือใหม่ต้องระวัง !

ก่อนอื่นมาดูสเปคของเจ้า BB9930 กันคร่าว ๆ ดีกว่าครับ

– ขนาดตัวเครื่อง (ยาว x กว้าง x หนา) 115 x 66 x 10.5มม, น้ำหนัก 130กรัม
– หน้าจอสัมผัสขนาด 2.8″ capacitive touch screen display – VGA (640×480), 287 dpi resolution
– คีย์บอร์ด QWERTY และออพติคัลแทร็คแพด
– ชิพประมวลผลความเร็ว 1.2 GHz, หน่วยความจำ RAM 768MB, หน่วยความจำในตัวขนาด 8GB และรองรับ microSD ความจุสูงสุดถึง 32GB cards รองรับ NFC technology
– กล้องถ่ายภาพความละเอียด 5.0MP, ถ่ายวิดีโอ HD ที่มาตรฐานความละเอียด 720p
– เซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหว (Accelerometer), เข็มทิศอีเล็คทรอนิกส์ (Magnetometer), GPS / aGPS
– Dual-Band Wi-Fi® – 802.11 b/g/n at 2.4 GHz and 802.11 a/n at 5 GHz
– รองรับ Bluetooth® 2.1+EDR support
– Wireless Network support:9930:Dual-Band CDMA/EV-DO Rev., Dual-Band HSPA+ และรองรับ Quadnamd GSM/EDGE
– แบตเตอรี่ความจุ 1230 mAh

จะเห็นได้ชัดว่าคีย์บอร์ดจะไม่มีภาษาไทยอยู่เลย เนื่องจากไม่ได้เป็นเครื่องที่มีขายจริงในประเทศไทยที่เป็น 9900 แต่มันจะไม่เป็นปัญหาเลยหากคนที่พิมพ์บ่อยจนคล่องแล้ว เท่าที่ได้ลองทดสอบกับสาว ๆ เซียน Chat ดูเหมือนว่าจะได้เสียงตอบรับเป็นเสียงเดียวกันคือ “อุ๊ย !!! ปุ่มนิ่มอ่ะ พิมพ์ง่ายจัง”

พื้นผิวด้านหลังออกแนวเกือบระนาบไปกับพื้น ใช้วัสดุที่ดูดีขึ้นกว่าเดิมมากเลยทีเดียว

มีคำว่า Bold ขึ้นเด่นหราเลยทีเดียว เหมือนกลัวเขาไม่รู้ = =” โดยกล้องและแฟลชอยู่ห่างกันช่วยให้ลดปัญหาที่เกิดจากแสงสะท้องจากเคสเหมือนใน iPhone4 ได้หมดจรดเลยทีเดียว

ภาพด้านหลังโดยรวม ๆ มองแล้วหรูหรา คล้าย ๆ กับติดเคฟล่าเอาไว้ (แต่จริง ๆ ไม่ได้ติด) น้ำหนักเบาเหลือเชื่อ

ถัดมาเรามาดูบริเวณด้านข้างของเครื่องกันดีกว่า ทางฝั่งซ้าย (เมื่อถือเครื่อง) นั้นประกอบด้วย Jack หูฟังมาตรฐาน 3.5 มม. และถัดมาเป็นช่องเสียบ MicroUSB ที่เป็นมาตรฐานของมือถือทั่ว ๆ ไปสมัยนี้ ยกเว้น iPhone ซึ่งไม่เหมือนชาวบ้านและหาสายใช้งานลำบากมาก

ตรงบริเวณหัวเครื่องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คือมีปุ่มสำหรับ Lock เครื่องอยู่ ซึ่งดีไซน์ลักษณะนี้ไม่เคยมีมาก่อนในมือถือตระกูล Blackberry (มั้งนะ)

ส่วนอีกมุมหนึ่งของเครื่องจะเป็นปุ่มที่ควบคุมเรื่องของเสียง และถัดไปจะเป็นปุ่มชัตเตอร์สำหรับถ่ายภาพ

พูดกันมาอาจจะจินตนาการภาพไม่ถูก ผมจึงได้ทดสอบลองถ่ายเทียบกับรุ่นที่สุดฮิตมากที่สุดในแดนสยาม คือ BlackBerry Curve 8520 (ยอดขายคิดเป็น 60% ของ Blackberry ทั้งหมดในไทยเลยเชียวนะ) ซึ่งเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเปรียบผมจึงหาเครื่องหิ้วมาทั้งคู่ -..-?

เมื่อเทียบกับขนาดแล้วจะพบว่าขนาดนั้นต่างกันมากอยู่ โดยสังเกตุได้จากหน้าจอ อีกทั้งปุ่มกดที่ยังมีขนาดต่างกันมาก ด้วยความที่ใหญ่กว่าและได้พื้นที่มากกว่า เลยทำให้ตัว 9930 พิมพ์ง่ายกว่ามากกว่าเยอะเลย

ความหนาของตัว 9930 นั้นบางกว่า 8520 อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทาง RIM เขาได้เครมไว้ว่าเป็น BB รุ่นที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยความหนาวัดได้ประมาณ 1 เซนติเมตร โดยประมาณการ

เทียบกันจากมุมด้านข้าง

ตรงบริเวณริมเครื่องเป็นวัสดุคล้าย ๆ สแตนเลส เหมือนกับ iPhone4 ครับ ซึ่งดูดีมีราคากว่ามาก

วัสดุด้านหลัง LOGO ของ RIM ยังคงหันไปทางด้านเดียวกันอยู่ (บอกทำไมฟะ = =”)

บริเวณมุมหน้ากล้อง 5MP

ของตัว 9930 จะมีการปรับปรุงเรื่องไฟใต้คีย์บอร์ดที่จะปรับปรุงได้ดีกว่า สังเกตุตรงที่ว่าไฟตรงคีย์บอร์ดและปุ่มต่าง ๆ จะทำได้สว่างกว่า และให้แสงที่สม่ำเสมอกันมากกว่า ถึงแม้จะเป็นเครื่องที่มีราคาต่างกันมากก็เถอะ แต่คุณภาพงานก็ตามราคาเลย

นอกจากนี้องศาในการมองก็ยังต่างกันอีกด้วย จากที่ได้ทดสอบมา 9930 ทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด

รายละเอียดของ Software ในตัว OS ใหม่นั้นต่างไปเยอะ เนื่องจากที่ว่าตัว 9930 นั้นหน้าจอเป็น Touch Screen ในตัวด้วย ทำให้คำสั่งในการทำงานนั้นจะค่อนข้างละเอียดมากกว่า สามารถบีบ-ย่อรูปด้วย 2 นิ้วได้แบบ iOS แต่เสียดายว่าหมุนภาพด้วยนิ้วมือไม่ได้ ซึ่งอาจจะมีการปรับปรุง Firmware ในอนาคต สำหรับฟีเจอร์อื่น ๆ

ตัว iCon บริเวณด้านล่าง ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าภาษา BB เขาเรียกว่าอะไร ดังนั้นผมขอตั้งชื่อมันว่า Dock iCon (บ้านนอกมาก ;P) สามารถใช้นิ้วเลื่อนขึ้น-ลง เพื่อปรับได้ครับว่าจะโชว์หน้าแรกที่บรรทัด หรือไม่โชว์เลยก็ยังได้

ภาพเมื่อยืดแบบเต็ม 3 บรรทัด แบบนี้สะดวกดี ปลดล็อคเครื่องแล้วก็ใช้ได้เลย เหมาะสำหรับคนชอบโชว์ >,<

อันนี้เป็น Avatars ชุดใหม่ครับ (ไม่รู้ดียังไง – -*) เห็นเพื่อน ๆ เขาบอกกันว่าใน OS เก่าไม่มี เลยเอามาให้ดูกัน ใครพอมีข้อมูลแย้งได้นะครับ ^^

มันมีมาในเครื่องแบบนี้เลยครับ Avatars น่ะ

อ้อ… มีเรื่องฮา ๆ อีกเรื่อง สำหรับใครทีเล่นตัว 8520 แล้วเบื่อเซง ที่มันติดดีเลย์ตอน Chat กับเพื่อนเหลือเกิน คิดว่าถอยเครื่องใหม่แล้วจะ Chat ได้ไวขึ้นเร็วขึ้น อันนี้ไม่เกี่ยวนะครับ สรุปคือยังดีเลย์เหมือนเดิม 555+ ยกเว้นแต่ว่าเปลี่ยนไปใช้ 3G ซึ่งมันก็จะเร็วขึ้นกว่าเดิมในบางการทำงานนิดนึง ใช่ครับ นิดนึงจริง ๆ และดูเหมือนจะเป็นการเกาที่ไม่ถูกจุดนัก

รายละเอียดของ Firmware ที่ใช้ทดสอบครับ เป็นตัว OS7.0.0.254 Platform 5.0.0.459 ซึ่งต้องขอแสดงความเสียใจกับ “ทุกรุ่น” ก่อนหน้าด้วย เพราะว่า “ไม่สามารถอัพเกรดได้” ต้องซื้อใหม่อย่างเดียว หากต้องการใช้ OS7 ของ RIM ซึ่งผมยืนยันได้ว่ามัน “ลื่น หัว แตก” (เลียนแบบ มัน ไก่ มาก หน่อยไม่ว่ากัน >,<) คงต้องซื้อเครื่องใหม่สถานเดียว

ทดสอบเรื่องกล้องจากภาพถ่ายจริง สามารถคลิกที่ภาพเพื่อดูภาพจริงได้เลยครับ (BB9930 vs iPhone4)

จากภาพด้านบนนะครับ โดยบนสุดจะเป็นภาพจากกล้อง BB9930 ส่วนถ่ายถัดลงมาจะเป็นจากกล้อง iPhone4 ซึ่งผู้เขียนได้พยายามควบคุมตัวแปรต่าง ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ เวลาที่ถ่ายแสงค่อนข้างมืดเป็นเวลา 2 ทุ่ม และใช้โหมด AUTO ทั้งคู่โดยไร้การตกแต่งภาพครับ บริเวณเป็นหน้าคอนโด ซึ่งไม่ค่อยมีแสงไฟรบกวนครับ


ภาพถัดมาเหมือนเดิมครับ โดยบนสุดจะเป็นภาพจากกล้อง BB9930 ส่วนถ่ายถัดลงมาจะเป็นจากกล้อง iPhone4 อันนี้ผมถ่ายกระเป๋าตัวเอง ซึ่งถ้าให้บอกก็คือ BB9930 มันซีดกว่าตัวจริงมาก และ iPhone4 มันสดกว่าตัวจริงเวอร์ อันนี้คงต้องแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลแล้วครับ เนื่องจากกล้องนั้นเพี๊ยนทั้งคู่ แต่ที่เห็นได้ชัดคือภาพจาก iPhone4 จะมี Noise (สิ่งรบกวน) น้อยกว่าครับ


ส่วนอันนี้ก็เหมือนเดิมครับ แต่เป็นบรรยากาศในห้องที่มีแสงไฟนีออนจำนวน 2 ดวงใหญ่ใกล้กัน โดยบนสุดจะเป็นภาพจากกล้อง BB9930 ส่วนถ่ายถัดลงมาจะเป็นจากกล้อง iPhone4 ซึ่งเห็นได้ชัดว่า iPhone4 ได้เริ่งค่าความสว่างของสีให้ขาวขึ้นเยอะมาก ๆ (สาว ๆ อาจจะชอบ) ในขณะเดียวกันก็ให้ภาพที่โฟกัสคมชัดกว่ามาก ซึ่ง BB9930 นั้นไม่ทำการ Auto Focus ให้ครับ ตรงนี้หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่ากล้อง BB9930 นั้นกากแต่จริง ๆ แล้วไม่กากนะครับ สเปคมันเป็นกล้อง Auto Focus ซึ่งผมได้ทำการ Mail ไปถามกับบริษัทแม่ของ RIM แล้วได้คำตอบมาว่า “เรื่อง Auto Focus นั้นสามารถทำได้แน่นอน และดีมากเสียด้วย เพียงแต่เกิดปัญหาเล็กน้อยใน Firmware ตัวนี้” ซึ่งเขาก็ไม่ได้พูดเกินจริงครับ ไม่ช้าก็เร็วคงได้เห็นการปรับปรุงกล้องที่ดีขึ้นผ่าน Firmware ใหม่

ขอจบการรีวิวสั้น ๆ แต่เพียงเท่านี้ครับ (ว่ะ !!! สั้นจัง) ต่อไปนี้ขอแนะนำเคสเสริมครับ

ตัวนี้เป็นเคสที่เราได้ถูก ยัดเยียด แถมมาพร้อมกับตอนรับเครื่องรีวิวเช่นกัน ซึ่งเป็นของ Otter ครับ แน่นอนว่าผมไม่รู้จัก แล้วก็ภาวนาให้คุณไม่รู้จักด้วย เพราะเดี๋ยวจะอดลุ้นกันพอดี อ้อ… อีกเรื่อง สำหรับคนที่ซื้อ BB9930 นะครับ ถ้าไม่ซื้อเคสมันก็จะมีแถมในกล่องนะครับ (สำหรับเครื่องศูนย์ BB9900 นี้ไม่แน่ใจ ขอให้เช็คก่อนซื้อ) ซึ่งถ้าคุณไม่พอใจเคสหนีบเข็มขัดที่ RIM แถมให้คุณแทบไม่มีสิทธิหาซื้อเคสข้างนอกเลยครับ เพราะหายากมาก ดังนั้น “มีอะไรให้ใส่ไปก่อน อย่าเรื่องมาก” กันกระแทกไว้ครับ ปลอดภัยไว้ก่อน ^^

สำหรับเคส Otter ที่ผมนำมารีวิวต่อให้ดูในวันนี้มี 2 รุ่นนะครับ IMPACT SERIES และ COMMUTER SERIES ซึ่งอย่างที่บอกครับ “มีอะไรให้ใส่ไปก่อน อย่าเรื่องมาก” สำหรับคนที่ชอบเคสสี ๆ คงต้องรอพักใหญ่ ๆ ถึงจะหาซื้อได้ง่าย ๆ นะครับ โดยหากคนชอบเรียบ ๆ แบบผม ตัวนี้ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ มามะ มาชมกัน -3-

จะให้รีวิวทั้ง 2 อันพร้อมกันคงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะผมมีกล้องตัวเดียว -..-” ดังนั้นผมขอเริ่มทีละตัวโดยเริ่มจากตัว COMMUTER SERIES ก่อนก็แล้วกันครับ ด้านในมีคู่มือการใส่ให้พร้อมสรรพ

อ้อ… เท่านั้นยังไม่พอ Otter ยังได้แอบซุกกันรอยแถมไว้ให้ด้านในซะด้วย มันอยู่ในกระดาษอีกทีนะ อย่าเผลอทิ้งซะล่ะ !!! ซึ่งตัวนี้มาพร้อมผ้าเช็ดจอเล็ก ๆ และแผ่นรีดฟองอากาศครับ น่ารักใช้ได้เลยทีเดียว ลายอีกัวน่าทะเล นาก หรือตุ่นอะไรก็ไม่รู้ แต่ช่างมันเถอะ O,o!

จะว่าไปชีวิตคนเรามันก็เหมือนรายการทำอาหารแหล่ะครับ ถัดไปฉากเดียวไวเหมือนโกหก มันทำอาหารเสร็จแล้ว = =” ตรูยังจดเครื่องปรุงไม่เสร็จเลย ซึ่งแน่นอนว่ารีวิวของผมก็เช่นกัน 555+ เคสถูกใส่เรียบร้อยแล้วครับ ดูไม่ค่อยออกเลยชิมิ ๆ ล่าาาาา !!!

เคสของ Otter รุ่น COMMUTER SERIES นั้นเป็นซิลิโคนด้านในแล้วด้านนอกเป็นพลาสติกแข็งครับ อาจจะดูลำบากนิดนึง ลองสังเกตุดี ๆ นะครับ ตัวด้านข้างเครื่องและตูดนั่นแหล่ะครับ พลาสติก … ซึ่งผมชอบดีจังเลย เพราะมันสวย แข็งแรง อีกทั้งไม่ย้วยและดึงฝุ่น เวลาดึงออกจากกระเป๋ากางเกงอีกด้วย

ด้านหลังเป็นพลาสติกทั้งอัน สวยงาม ไม่ดูดฝุ่น <<< แน่นอนว่าซื้อแค่เคสมือถือ จะแถมเครื่องดูดฝุ่นให้ตรูได้ไง ไม่ย้อมมมม ไม่ยอมมมม และที่สำคัญยังไม่ทำให้เครื่องเป็นรอยจากเคสอีกด้วย เพราะด้านในเป็นซิลิโคน

ช่องต่าง ๆ นั้นได้ปิดมาอย่างดีทุกช่อง ยกเว้นรูกล้องแล้วแฟลช (ดีแล้ว) ทำให้ปกป้องจากละอองน้ำได้เป็นอย่างดี แต่ข้อเสียก็คือแกะยากและยัดยากเสียหน่อย ต้องค่อย ๆ ทำอย่างอดทนครับ ส่วนเรื่องแกะซิมให้ลืมไปได้เลย เพราะต้องแกะเคสออกหมด และที่สำคัญ เคสแกะยากมาก ๆ ๆ ๆ ๆ (เติมไปอีกหลาย ๆ ตัว) ซึ่งผมไม่แนะนำอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องแกะซิมบ่อย ๆ ครับ เพราะแกะยากมาก แต่เคสนี้ก็น่าใช้และทนทานมาก ๆ ครับ ขอจบเรื่องเคส Otter ชุด COMMUTER SERIES แต่เพียงเท่านี้ เชิญพบกับอีกรุ่นได้เลยครับ

ตัวนี้เป็นเคส Otter เหมือนกันครับ เพียงแต่เป็นรุ่น IMPACT SERIES ที่เป็นยางซิลิโคนอย่างเดียว ไม่มีพลาสติกหุ้มครับ ดูคล้าย ๆ เคสจีนแดงไม่ค่อยมีอะไรหน่อย ซึ่งพูดตามตรงผมแนะนำเคส Otter ชุด COMMUTER SERIES มากกว่า

ใส่เสร็จแล้วครับ อาจารย์ยิ่งศักดิ์ไวจริง ๆ O,O! เมื่อใส่แล้วจะเป็นแบบนี้ครับ ตัวซิลิโคนคลุมตัวมือถือเยอะมาก จนเกือบถึงหน้าจอ ลองเปรียบเทียบกับตัว COMMUTER SERIES ดูครับ แต่งานก็ไม่หยาบนะ เนี๊ยบดี มีการเว้นช่องไฟต่าง ๆ ได้ดี ที่สำคัญยางมันแน่นมาก ๆ ไม่ย้วยเหมือนขอบกางเกงในหรือเคสถูก ๆ ตามร้านมาบุญครองเลย ;D

เข้าไปดูงานใกล้ ๆ กันชัด ๆ ว่าทำออกมาได้ดีขนาดไหน ไม่เห็นรอยเกินของยางอันเนื่องมาจากเวลาแกะออกจากแบบเลย ^3^ ตรงมุมต่าง ๆ ไม่มีเจ่อหรือลอยยื่นออกมาให้ดูเกะกะรำคาญหัวใจ ^0^

ตัวเคส IMPACT SERIES เรียบ ๆ เข้ม ๆ สไตล์ Blackberry หากใครเห็นแล้วชอบคงชอบเลย แต่หากใครไม่ชอบคงไม่ชอบเลย สำหรับดีไซน์ธรรมดา ๆ แบบนี้ +_+

ช่องมุมกล้องด้านหลังเก็บมาได้พอดีเป๊ะ ๆ เหมือนหล่อจากโรงงานเดียวกัน ส่วนปุ่มด้านข้างเป็นเคสซิลิโคนหุ้มอีกทีครับ กดซ้ำไปได้เลย

ส่วนบริเวณช่องที่เป็นรูหรือเป็น Port จะมีการเว้นที่ว่างไว้ให้เพื่อเสียบได้สะดวกครับ สรุปแล้วเคสตัวนี้กันกระแทกได้ดีมาก ๆ ครับ เพราะตัวซิลิโคนทำออกมาได้หนามาก ๆ ซึมซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดีกว่าเคสทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าให้พูดในฐานะสื่อที่เป็นกลางแล้ว บอกตามตรงว่าผมก็ยังชอบเคสชุด COMMUTER SERIES มากกว่าอยู่ดีแหล่ะครับ อิอิ… (-3-)

สรุป : Blackberry Bold 9900/9930 ในมุมมองของผู้ใช้ iPhone (และเคสเสริม)

คงต้องขอพูดแบบพระเอก ๆ ว่า “แล้วแต่คนชอบครับ ^^” กร๊าก ๆ ๆ ๆ … (ไม่ได้ช่วยอะไรเลย) เอาจริง ๆ แบบมีสาระคือว่า มือถือเดิมทีมันคนละกลุ่มผู้ใช้งานอยู่แล้วครับ แต่ผมผิดเองที่จับมันมาชนกัน T^T เพื่อให้ผู้อ่านได้ศึกษารายละเอียดต่าง ๆ รวมถึงความรู้อันน้อยนิดที่เขามี แต่ถ้าให้พูดคือตัวนี้ราคายังค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน ถ้าหากคนชอบ BB ก็คงอาจจะซื้อมาใช้ แต่คนใช้ iPhone อาจจะคิดอย่างนึง เพราะถ้ากลุ่มเพื่อนไม่ใช้ BB จะให้ซื้อมาแชทบ้าคนเดียว ก็ดูเหมือนจะหดหู่ไปหน่อย เอาเป็นว่าขอสรุปว่า “แล้วแต่คนชอบครับ ^^” แต่ขอเพิ่มเติมให้นิดนึง ถ้าคุณซื้อมาบ้า Chat อย่างเดียวดูเหมือตัว 8520 จะเป็นทางเลือกที่คุ้มกว่าครับ แต่ถ้าคุณอยากได้ SmartPhone ในแบบฉบับของ BB ที่มันสมาร์ทจริง แรงจริง ครบเครื่องจริง ตัว 9900/9930 คือทางออกครับ ซื้อครั้งเดียวใช้ให้คุ้มไปเลย (เหมือนผม ตอนซื้อ iPod Touch ใหม่ ๆ … ^^)

ส่วนเรื่องเคสผมยังคงจะแนะนำตัว Otter รุ่น COMMUTER SERIES ครับ เพราะมันดูดีมีราคากว่า และน่าใช้มากกว่าในสายตาของผมผู้ทดสอบแล้วลองใช้เคสแบบต่าง ๆ มาแล้วหลายร้อยอัน เว้นเสียแต่ว่าคุณต้องสลับซิม + แบตฯ บ่อย ๆ ผมแนะนำให้ใช้ตัว IMPACT SERIES ครับ สะดวกกว่าเยอะ

ขอขอบคุณ ร้านค้าออนไลน์ http://www.ysrshop.com สำหรับอุปกรณ์ทดสอบ

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย yugioh2500

หากตรงไหนแปลหรือเขียนผิดสามารถชี้แนะได้ครับ
ติดต่อ-สอบถาม-พูดคุย-แลกเปลี่ยนกันได้ที่
Twitter: @yugioh2500

4 Comments

  1. ผมสงสัยมากครับที่ จขกท ได้บอกว่า 9900 มี AF อยากทราบว่า จริงหรอครับไม่ได้ป่วนนะครับ คือพอดีซื้อมาแล้วรู้เลยว่ากล้องกากมาก เลยอยากจะขายทิ้ง ถัาจะมี AF จริงๆ อาจจะไม่ขายทิ้งครับ ขอบคุณครับ

  2. เค้าบอกว่ากล้องที่มามันออโต้โฟกัส แต่ต้องรอทางbbอัพเฟริ์มแวร์ครับ ขายทำไม้สียดายรออัพเฟริ์มแวร์ดีกว่า

  3. วันนี้ไปเอาเครื่องพี่มาใช้คะเป็น bold 9900 พอใส่ซิมเรา มันขึ้นว่า you're using a new simcard,sing in and get more from blackberry service คืออะไรอ่ะคะ แล้วมีวิธีแก้มั๊ย

  4. รบกวนตอบทางอีเมลล์ก็ได้นะคะ