หูฟัง Bluetrek Musicall แค่ชื่อก็คงไม่ต้องบอกแล้วว่าเหมาะสำหรับเพลงเป็นอย่างยิ่ง แต่ที่น่าแปลกใจก็คือผมไม่ค่อยจะเห็นคนไทยใช้หูฟังที่เป็น Bluetooth เสียเท่าไหร่ ยกเว้นแต่มันจะแถมมากับชุด ซึ่งก็ไม่ค่อยทราบเหมือนกันว่าทำไม (แต่จะว่าไปผมก็ไม่ได้ใช้นะ) บางคนอาจคิดว่าการที่มันมีสายก็ไม่ได้ทำให้เกะกะเสียเท่าไหร่ ซึ่งก็ถูกครับ แต่พอได้ใช้งานเอาเข้าจริงรู้สึกว่าการใช้งาน Bluetooth นั้นทำให้เราสะดวกขึ้นมากกว่าเดิมเยอะเลย เป็นประสบการณ์แบบที่ผมไม่เคยสัมผัสมาก่อน ซึ่งของแบบนี้ต้องลองสัมผัสเอาเองครับ เนื่องจากมันสะดวกมากขึ้นจริง ๆ จากที่เคยเดินถือ iPhone ไปไหนมาไหน แต่พอไม่ต้องถือแล้วมันโล่ง ๆ แบบบอกไม่ถูก ไม่ต้องเสี่ยงต่ออุบัติเหตุเวลาสายหูฟังไปเกี่ยวกับอะไรสะดุด หรือว่า iPhone ร่วงหลุดจากมืออีกด้วย
ตัวผลิตภัณฑ์มาแบบสวยงาม กล่องสีฟ้าสดใส มีการบอกรายละเอียดในส่วนต่าง ๆ อย่างชัดเจน สมกับราคาดีจริง ๆ ซึ่งเรามาดูคุณสมบัติของมันกันเถอะครับ ว่าทำอะไรได้บ้าง?
- สนับสนุนชุดหูฟังและแฮนด์ฟรี
- สนับสนุนโปรไฟล์ A2DP
- คุณสามารถสตรีมเพลงสเตริโอคุณภาพสูงจากโทรศัพท์ไปยังชุดหูฟังไร้สาย ขณะที่คุณกำลังฟังเพลง ฟังก์ชั่นแฮนด์ฟรีจะพร้อมใช้งาน และเพลงจะหยุดชั่วคราวเพื่อให้คุณรับสายเรียกเข้า
- สนับสนุนโปรไฟล์ควบคุมเสียง/วิดีโอระยะไกล (Audio/Video Remote Control Profile – AVRCP)
- โปรไฟล์บลูทูธช่วยให้คุณควบคุมเครื่องเล่นเพลงบนโทรศัพท์ของคุณผ่านทางชุดหูฟังบลูทูธไร้สาย
- โทรซ้ำเลขหมายโทรออกล่าสุด – เก็บโทรศัพท์ของคุณไว้ในกระเป๋าและดับเบิลคลิกที่ปุ่มหลักบนชุดหูฟัง เพื่อโทรเลขหมายที่คุณโทรออกครั้งล่าสุด
- จับคู่อุปกรณ์ได้อย่างง่ายดาย
- ไม่ต้องใช้รหัส PIN สำหรับอุปกรณ์พกพารุ่นล่าสุด
- แจ็คเสียง 3.5 มม.
- รองรับชุดหูฟังสเตริโอที่สามารถเปลี่ยนชุดหูฟังแบบใช้สายที่คุณชื่นชอบให้กลายเป็นแบบไร้สายได้
- ไฟสัญญาณสองสี (ฟ้าและแดง)
- แสดงสถานะการชาร์จไฟ, ยุติการชาร์จ, แบตเตอรี่เหลือน้อย, สแตนด์บายและสื่อสาร
- เสียงสัญญาณ
- เสียงสัญญาณเปิด/ปิดเครื่อง, มีสายเรียกเข้า, พลังงานเหลือน้อย, ปิดเสียงไมโครโฟน, ปรับระดับเสียงสูงสุด หรือต่ำสุด ฯลฯ
- VoIP
- สนับสนุนคอมพิวเตอร์ที่รองรับบลูทูธสำหรับโทรศัพท์ VoIP เช่น Skype
- ฟีเจอร์เพิ่มเติมอื่น ๆ
- เพิ่มระดับเสียง, ลดระดับเสียง, ปิดเสียง, ยกเลิกการปิดเสียง, โอนสายระหว่างโทรศัพท์และชุดหูฟัง, รอสาย, ปฏิเสธการรับสาย, โทรซ้ำเลขหมายโทรออกล่าสุด, โทรออกด้วยเสียง ฯลฯ
*ฟีเจอร์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับโทรศัพท์มือถือของคุณ ฯลฯ
ราคาเปิดตัว : 2,150.- (VAT included)
มีการระบุอย่างชัดเจนหน้ากล่องว่า Compatable iPhone หรือก็คือเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยอย่างดีกับ iPhone
คุณลักษณะเฉพาะ
- เวลาสนทนาสูงสุด 6 ชั่วโมง
- เวลาสแตนด์บายสูงสุด 10 วัน
- สตรีมเพลงสูงสุด 6 ชั่วโมง
- น้ำหนัก 15 กรัม สำหรับตัวบอดี้ และ 26 กรัม เมื่อรวมหูฟัง
- ขนาด (ยาว x กว้าง x สูง) 43 x 34 x14 มม.
- บลูทูธ v2.1, เข้ากันได้กับรุ่นก่อนหน้า
การใช้งานหน้ากล่องได้ระบุไว้อย่างละเอียดว่าสามารถใช้คุยหรือฟังเพลงได้ถึง 6 ชั่วโมง และถ้าเปิดทิ้งไว้เฉย ๆ ได้ถึง 10 วัน !!! โอ้ … นานดีแท้จริง ๆ เลยหนอ เดี๋ยวเราจะมาลองกันดูว่าสามารถใช้ได้ถึงตามที่สเปคบอกไว้หรือปล่าว?
เมื่อแกะสินค้ามาจะพบกับตัว Bluetrek Music & Call พร้อมหูฟังแบบ in ear ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Noise Lock™ สำหรับการขจัดเสียงรบกวน เสียงลม และเสียงสะท้อน เพื่อให้เสียงสนทนาชัดใสทั้งในส่วนของผู้โทรและผู้รับสาย และยางจุกหูฟังขนาดต่าง ๆ 3 ระดับ รวมถึงสายชาร์จคอมฯ และกระเป๋าเก็บ
จุกยางหูฟังแบบ in ear มีทั้งหมด 3 ขนาดด้วยกัน เล็ก กลาง ใหญ่ ซึ่งสำหรับหูคนไทยผมแนะนำว่าอันกลางน่าจะเหมาะที่สุดครับ ซึ่งหากบางคนใช้แล้วไม่ถนัดก็ลองเปลี่ยนขนาดกันดู
มีซองใส่หูฟังแถมด้วย ถึงแม้จะไม่ค่อยดูดีเท่าไหร่ แต่ก็พอใช้งานเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ให้ไปขูดกับ iPhone สุดรักของเราได้ครับ
ที่ชาร์จไฟผ่าน USB เข้ากับ Jack 3.5 โดยอุปกรณ์นั้นจะไม่แถมตัวชาร์จให้ ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องชาร์จกับเครื่องคอมฯ หรือที่ Adapter เอาเอง (ซึ่งคนใช้ iPhone คงจะไม่มีปัญหาเรื่องนี้อยู่แล้ว ผู้ผลิตคงจะเข้าใจในข้อนี้ เลยไม่ได้แถมมา บางคนอาจจะร้องโห !!! ทำไมงกจัง แต่อย่าลืมนะครับว่า iPod Touch ของ Apple ก็ยังไม่แถม Adapter เหมือนกัน ^^
เมื่อต่อหูฟังแล้วจะเป็นดังภาพสีดำตลอดทั้งชิ้น ตัวหูฟัง In ear นั้นจะมีการทุกองศาเล็กน้อย (จริง ๆ ก็ไม่ได้น้อยนะ) เพื่อให้แนบได้สนิทกับรูปหูของเรา เมื่อต่อแล้วจะสนิทมาก ๆ มากเสียจนไม่ได้ยินเสียงบริเวณโดยรอบเลย ซึ่งของสารภาพตามตรงว่าผมได้หลงละเมอกับเสียงมันไปเสียนาน ๆ มาก ๆ นานเสียจนเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงเลยทีเดียว เมื่อใส่ไปแล้วทุกอย่างรอบตัวคือเงียบ !!! เงียบสนิทไร้ซึ่งเสียงอันใด กลายเป็นโลกไร้เสียงไปเลย
ตรงบริเวณควบคุมเสียง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “รีโมท” เป็นอันเล็ก ๆ คล้าย ๆ กับ iPod Shuffle สามารถใช้ควบคุมเสียงได้ ปรับเลือกเพลง เล่นเพลง หรือปรับเสียง ลักษณะเป็นกลีบ ๆ คล้ายดอกไม้ ซึ่งสามารถใช้ควบคุมเปิด-ปิดตัวรีโมทเอง รวมถึงรับสาย วางสาย หรือแม้กระทั่งพักสายได้ด้วย เท่านั้นยังไม่พอยังสามารถโอนสาย โทรออกเบอร์ล่าสุดหรืออื่น ๆ ได้ด้วย (อ่านคำสั่งได้ในคู่มือด้านล่าง)
สำหรับการควบคุมนั้นสามารถควบคุมกดค่อนข้างลำบากนิดนึง เนื่องจากปุ่มนั้นแข็งมาก ต้องออกแรงหน่อย แต่ก็ดีเพราะจะได้ไม่ต้องไปเผลอโดน ซึ่งการที่มันเป็นกลีบ ๆ คล้ายดอกไม้นั้นสามารถทำให้ควบคุมได้ง่ายมาก หากใช้จนชินสามารถกดได้โดยที่จะไม่ต้องมองได้เลย
ด้านหลังเป็นคลิปสำหรับหนีบกับเสื้อหรือวัสดุต่าง ๆ โดยมีการสกรีนคำว่า Bluetrek เด่นอยู่ด้านหลังคลิป
มีช่องสำหรับใส่แจ็คหูฟัง และไมค์อยู่บนตัวรีโมทเอง ซึ่งตัวไมค์ให้เสียงที่คมชัดมากส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะ เทคโนโลยี Noise Lock™ สำหรับการขจัดเสียงรบกวน เสียงลม และเสียงสะท้อน เพื่อให้เสียงสนทนาชัดใสทั้งในส่วนของผู้โทรและผู้รับสาย ซึ่งจากการทดสอบให้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาด สามารถใช้งานและหวังผลการติดต่อได้จริง ๆ ครับ ตัดเสียงรบกวนดีเสียกว่า Smalltalk ที่แถมมาเสียงอีก
ตัว Bluetrek Music & Call เองนั้นมีไฟ LED แสดงสถานะต่าง ๆ เช่น การค้นหาอุปกรณ์ หรือแม้กระทั่งสถานะการชาร์จช่วยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น
ส่วนหนึ่งของตัวอย่างคู่มือที่แถมมาครับ
คำสั่งที่ใช้ควบคุมในโหมด HEADSET CONTROL
คำสั่งที่ใช้ควบคุมในโหมด LISTENING MUSIC
สำหรับโทนเสียงที่ได้จากหูฟังของตัวนี้จะเป็นแนวเน้นเบสหนักกว่าปกติเล็กน้อย ให้รายละเอียดเสียงที่ดีครบทุกย่าน โดยจะมีเบสหนักกว่าทุกย่านเล็กน้อยครับ หากใครชอบฟังเพลงแนว เบสหนัก ๆ นิด ๆ แบบไม่หนักเวอร์ชนิดปวดหัว ตัวนี้จะตอบโจทย์ได้เหมาะที่สุดครับ
ก่อนใช้งาน Bluetrek Music & Call อย่าลืมเปิด Bluetooth ที่มือถือแล้ว Pair ครั้งแรกก่อนนะครับ ซึ่งตัวนี้นี้เครมมาว่าจะสามารถ Pair ได้ถึง 2 เครื่องด้วยกัน
เมื่อฟังเพลงจะมีคำสั่งให้ใช้งานเพิ่มขึ้นมาอีกตัวหนึ่งทางด้านขวาสุด ทำให้สามารถที่จะเลือกได้ว่าจะส่งข้อมูลเสียงไปทางไหน เช่น ลำโพงเครื่อง, หูฟัง หรือแม้กระทั่งตัว Bluetrek เอง
สรุป Bluetrek Music & Call
เป็นหูฟังที่มาราคาค่อนข้างสูง แต่ก็ถือว่าถูกกว่าแต่ก่อนมาก แต่ก่อนจะได้ใช้เทคโนโลยี Bluetooth เท่ห์ ๆ หล่อ ๆ เหมือนในหนังฝรั่งอาจจะต้องเสียเงินถึง 4-6 พันบาท ตัวนี้ผมยังแนะนำมากกว่าหลาย ๆ ตัวครับ เพราะนอกจากจะใช้คุยปกติได้แล้วยังสามารถใช้ฟังเพลง หรือควบคุมเพลงได้ด้วย
สำหรับคนที่ใช้ Smalltalk ทุก ๆ วันอย่างผมแล้ว การเปลี่ยนมาเป็นเจ้าตัวนี้ก็ไม่เลวนัก อีกทั้งยังใช้ฟังเพลงได้อีกด้วย เสียอย่างเดียวที่แบตฯ อยู่ได้สั้นไปนิด (6 ชั่วโมงสำหรับการฟังเพลง) ทำให้ต้องชาร์จทุกวันหากใช้งานหนัก ๆ แต่ถ้าใช้น้อยก็วันเว้นวัน
หากคุณใช้ Smalltalk บ่อย ๆ และชอบฟังเพลงผมแนะนำตัวนี้เลยครับ แต่ถ้าไม่ค่อยได้ใช้ Smalltalk ล่ะก็ผมบอกได้เลยว่าอย่าซื้อมาเลยเสียดายตังค์ เพราะจุดเด่นหรือจุดเทพของไอ้เจ้าตัวนี้คือ เทคโนโลยี Noise Lock ของ Bluetrek ที่อยู่ภายในต่างหาก
ขอขอบคุณ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สำหรับอุปกรณ์ทดสอบ