yugioh2500
พูดถึงเรื่องฟิล์มกันรอย ในปัจจุบันก็มีให้เลือกมากมายหลายแบบ มีตั้งแต่แผ่นละ 50.- ไปจนถึงพันกว่าบาท ซึ่งยี่ห้อที่ผมไม่แนะนำก็พวก Focus (แล้วก็ยี่ห้อแปลก ๆ ที่ร้านมักชอบใช้กันน่ะ) ส่วนยี่ห้อที่โดนใจผมที่สุดเลยก็จะเป็นของ SGP ซึ่งมีคุณภาพสูงเอาเสียมาก ๆ รองมากก็ ZAAG (อันนี้ในเมืองไทยหาซื้อยากมาก) แต่ใช้ไปใช้มากก็เริ่มเบื่อ จนตอนนี้อยากจะเปลี่ยนเป็น iPhone 4S ละ เครื่อง iPhone 4 จะเป็นตายร้ายดียังไงเริ่มไม่ค่อยสนใจ –*- จนกระทั่งไปสะดุดฟิล์มแผ่นนี้เข้า ซึ่งจะเรียกฟิล์มกันรอยก็คงจะไม่ถูก ขอเรียกมันว่า “Skin” น่าจะเหมาะสมกว่า ซึ่งสามารถปิดด้านหลังได้หมดเลย ส่วนด้านหน้าก็ปิดเฉพาะส่วนที่ไม่เป็น Touch Screen เท่านั้น ซึ่งตัวผมเองนั้นก็ไม่อยากเสียเวลา คิดว่าหลาย ๆ คนคงจะไม่อยากอ่านแล้ว เรามาเริ่มรีวิวกันเลยดีกว่า
กันรอบ iPhone 4/4S “iPhone Slim Skin” สามารถซื้อออนไลน์ได้ที่ iKulcase.com
โดยราคาจะอยู่ที่ 350 บาท (EMS ฟรี) หรือที่ร้าน Loft ทุกสาขา B2S ชั้น 2 Mega Bangna ก็มีขายครับ
ด้านหลังมีให้เลือกซื้อหลายลายด้วยกัน ราคาอยู่ที่ 5800 วอน ซึ่งแน่นอนว่าถ้าใครไม่อยากไปสั่งเองถึงเกาหลี หรือว่าออเดอร์ให้เสียค่าขนส่งเองเล่น ๆ ก็สามารถใช้บริการผู้สนับสนุนการรีวิวด้านบนได้ครับ ราคาไม่หนีไปเท่าไหร่นัก
สำหรับลายที่ผมเลือกมารีวิวในวันนี้จะเป็นลาย lamb-lamb ซึ่งเป็น Special limited edition หรือก็คือลายคุณแกะนั่นเอง – – v
ดูกันใกล้ ๆ อีกซักนิด อันนี้รองรับทั้ง iPhone 4 และ iPhone 4S ด้วยนะครับเผื่อหลาย ๆ คนกังวล
สำหรับลายแปะหน้าจอ มีให้เลือกถึง 2 ลายด้วยกัน (เอาไว้สำรองก็ได้นะ)
แผ่นปิดเป็นสติกเกอร์แบบบาง ๆ ที่ไม่ทิ้งคราบกาวเหนียวเหนอะไว้ภายหลัง (เขาว่างั้น) แต่จริง ๆ ผมว่ามันก็ต้องมีคราบกาวบ้างแหล่ะ แต่คงจะนิดเดียวไม่ได้เยิ้มเหมือนสติกเกอร์เท่านั้นเอง
บางมาก ๆ เลยครับ ซูมกันชัด ๆ อีกที
วิธีติดง่ายมาก ๆ คือค่อย ๆ แปะลงไป ไม่ต้องกังวลเรื่องฟองอากาศนะครับ เพราะถึงมีเราก็มองไม่เห็น – -*
ด้านหน้าอีกที น่าเสียดายน่าจะมีขอบข้าง ๆ เสียหน่อย ส่วนพื้นหลัง (Wallpaper) นี่เราสามารถโหลดจากเว็บไซต์ผู้ผลิตมาลงไดเองเลยครับ เป็น App ชื่อว่า “Lamb-Lamb” หาโหลดจาก App Store ได้เลย ฟรี !!!
ตรงปุ่ม Home ออกแบบได้พอดีมาก
ด้านบนเก็บรายละเอียดดี ไม่ว่าจะเป็นรูรับแสง ก็เปิดไว้เช่นกัน
อันนี้ผมแปะทับกันรอยไปเลยนะครับ (โหดมาก) ก็ไม่ได้ทำให้เครื่องหนาขึ้นซักเท่าไหร่นัก
ยังเหลือด้านหน้าไว้สำรองอีกชุดนึง หรือจะขายต่อเพื่อนมันเลยก็ได้ ประหยัดตังค์เราดี (ฮา)
ทดสอบใส่กับเคสอื่นก็สวยงามดีครับ ดูเข้ากันดี (จริง ๆ สีมันเข้ากันด้วยแหล่ะ)
มาดูกันตรง ๆ อีกมุมหนึ่ง
หากจะใส่เคสแนะนำให้ซื้อเคสที่เปิดด้านหลังด้วยจะสวยมากครับ ซึ่งตอนนี้ผมก็แนะนำ Aprolink, X-Doria Defense 360 (คลิกเข้าไปอ่านรีวิวได้เลยครับ) ส่วนเคสเปิดหลังยี่ห้ออื่น ๆ ก็ลองนึก ๆ เอาดูแล้วกันครับ ผมนึกไม่ออกแล้ว –*-
อีกรูปนึงน่า ไหน ๆ ก็ถ่ายมาแล้วจะได้ดูหลาย ๆ มุม *0*)/
ลายอื่น ๆ ครับ เผื่อใครไม่ชอบลายที่ผมรีวิวจริง ๆ ลายมันมีเยอะมาก ๆ เลย
นี่ก็อีกลายนึงสาวมาก ๆ จนผมเองไม่กล้าใช้นะฮ้าพพพพ …
สรุป : ราคาไม่แพงสามารถซื้อได้สบาย ๆ ซึ่งได้ด้านหน้าได้ถึง 2 ลาย 2 ชุดด้วยกัน เอาไปแบ่งให้เพื่อนหรือเก็บไว้สำรองก็ได้อีก สติกเกอร์ที่ใช้เนื้อดีมาก ไม่หลุด ไม่มีคราบกาวออกมา บางคนใช้บอกว่าอยู่ได้ 1-2 เดือนก็เริ่มเปื่อยแล้ว แต่ของผมใช้มา 4 เดือนแล้วยังดีอยู่นะ สงสัยไม่ค่อยโดนเหงื่อซักเท่าไหร่ ซึ่งใครจะใช้ก็ดูแลนิดนึงนะครับ ขอสรุปกันตรง ๆ เลยว่ามันอาจจะไม่ค่อยทนเท่าไหร่นัก หากคิดจะใช้เป็นปี ๆ ผมว่ามันเป็นไปได้ยาก ส่วนเรื่องความสวยงามผมใช้ติดด้านหลังแทนกันรอยก็สวยดี ใส่ไปที่ไหนมีแต่คนทัก *0*)/ แต่ถ้าหากหาเคสเปิดหลังแจ่ม ๆ มาใส่ด้วยได้นี่จะสวยมากเลยครับ
ขอขอบคุณ : ร้าน iKulcase.com ที่เอิ้อเฟื้อเคสคุณภาพมาให้ทีมงานได้ทดสอบ
(หากท่านสนใจสินค้าตัวที่ทีมงานรีวิวนี้สามารถคลิกสั่งซื้อได้ ที่นี่)
