เคสตัวนี้เป็นเคสในฝันที่ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงอยากได้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของมัน ทำด้วยวัสดุ Aluminum เกรด A ช่วยปกป้อง iPhone4 สุดรักได้เป็นอย่างดี นับว่าเป็นงานระดับ Premium ชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว สำหรับคนที่ชื่นชอบในเคสที่ดูแมน ๆ แข็งแรง และน้ำหนักเบาเหมือนผมบอกได้คำเดียวว่า เพียงคุณใช้ Case-Mate Jett Metal คุณจะลืมทุกเคสที่เคยลองมาเลย นอกจากนั้นทาง Case-Mate Jett Metal ยังสร้างความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์เหนือ เคส Vapor, เคส Element, เคส Blade ด้วยการเพิ่มปุ่มที่ครอบบริเวณปุ่ม Mute, ปุ่ม Power และ ปุ่ม Volume เรียกว่าให้การปกป้องที่เต็มประสิทธิภาพในทุก ๆ ด้านเลยทีเดียว เท่านั้นยังไม่พอเคส Case-Mate ยังไม่ทำให้ iPhone4 ดูเสื่อมลงแต่อย่างใด ว่าแล้วเราก็อย่ามาเสียเวลาเลยเถิด … เรามารับชมการรีวิว Case-Mate Jett Metal จาก iPM ได้ ณ บัดนี้
ตัว Case สามารถหาซื้อได้ตามห้างทั่วไปหรือที่ BBiPhone.com จะถูกกว่าหน่อย ราคา 1,990 บาท
(ก่อนอื่นขอขอบคุณ – BBiPhone.com ผู้สนับสนุนสินค้าในการทดสอบครั้งนี้)
ตัวเคสเป็นกล่องดูธรรมดาบ้าน ๆ เรียบ ๆ มากเลยครับ สำหรับบรรจุภัณฑ์ผมยังไม่ค่อยประทับใจนัก แต่ก็อย่างว่าแหล่ะถ้าบรรจุภัณฑ์สวยมันก็มีชัยไปกว่าครึ่ง แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่สำคัญเท่าตัวสินค้าด้านใน คุณว่าจริงไหม?
ด้านหลังของกล่องมีคำอธิบายหายภาษาซึ่งเท่าที่เห็นยังไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรนัก ยกเว้นภาพด้านบนที่พอสื่อความหมายได้ว่ามีการปกป้องทั้ง 4 ด้าน ซึ่งมันจะเป็นอย่างไรเราไปดูกัน
อ่ะ ๆ ๆ … พึ่งสังเกตุเห็นว่ามีสติกเกอร์จากร้าน BBiPhone.com ด้วยแหล่ะ อิอิ … แอบแซว ๆ สวยดี ๆ แต่ถ้าจะให้ดีมีเบอร์โทรแนบด้วยจะสะดวกสำหรับบางคนมากกว่านะ
อุปกรณ์ที่แถมมาในกล่องมีหลายอย่างด้วยกันไม่ว่าจะเป็นตัวเคส น๊อต ไขควง ตัวครอบปุ่มปรับเสียง ตัวครอบปุ่มหยุดเสียง ตัวครอบปุ่มเปิดเครื่อง อีกทั้งยังมีกันรอยหน้า-หลังแบบใสอย่างดีให้ 1 คู่ (แค่กันรอยถ้าซื้อแยกเอาก็ 3 ร้อยกว่าบาทแล้ว) พร้อมผ้าเช็ดจอและการ์ดสำหรับไล่ฟองอากาศ
บริเวณด้านล่างของเครื่องมีการสกรีนสีขาวเป็นคำว่า Case-Mate (เล็ก ๆ แทบจะมองไม่เห็น) ตรงนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสกรีนสีขาวไปทำไมเพราะแทบจะมองไม่เห็นเลยถ้าไม่สังเกตุ แต่เดาว่าคงมีไว้กันของ Copy มากกว่า เอาเป็นว่าหากใครเจอซื้อที่ไหนราคาถูกกว่า 2 พันมาก ๆ ก็ขอให้ระวังไว้หน่อย แต่ถ้าสั่งจากร้าน BBiPhone.com ผมกล้าเอาหัวผมเป็นประกันเลยว่าได้ของแท้แน่นอน เพราะร้านนี้เขาไม่ขายของปลอม !
บริเวณส่วนหัว จับดูแข็งมาก ๆ ขนาดผู้ชาย หล่อ ๆ แข็งแรงอย่างผมยังพยายามดัดให้งอไม่ได้เลย แข็งแรงมาก ๆ จริง ๆ ลองคิดเอาง่าย ๆ ว่ามันแข็งเสียจนไม่สามารถดันเคสให้ใส่ลงไปได้ก็แล้วกัน (ต้องใช้น็อตไขยึด) ซึ่งเคสแนว ๆ นี้ก็จะมีพวก เคส Vapor, เคส Element, เคส Blade เท่านั้นนอกจากนี้ไม่เจอเลย ส่วนใครคิดจะซื้อของ Copy ผมแนะนำว่าอย่าครับ ! เพราะจุดเด่นของเคสแนวนี้คืองานต้องเนี๊ยบและแข็งแรง ซึ่งมันหาในของ Copy ไม่ได้เลย ซื้อมาเคสเบี้ยว สีลอกปล่าว ๆ ดีไม่ดีลาก iPhone4 ของเราไปเป็นรอยด้วยอีก ซวยไป …
ความหนาของเคส (ซ้าย) เมื่อเทียบกับ iPhone4 (ขวา) จะเห็นได้ว่าแทบจะไม่ได้แตกต่างกันมากเลย ใส่แล้วไม่ให้อารมณ์หนาหรือเกะกะแต่อย่างใด เมื่อเฉลี่ยความหนาทั้ง 2 ด้าน (บนและล่าง) แล้วจะเห็นได้ว่ามันห่างขึ้นแค่ “นิดเดียว” เอง ส่วนสาเหตุที่ต้องมีความหนาขึ้นมาบางเล็กน้อยคือเพื่อยกระดับ iPhone4 ให้สูงขึ้นจากพื้นเล็กน้อย ไม่ให้ต้องแปดเปื้อน เป็นรอยเมื่อยามสัมผัสกับพื้นนั่นเอง
(ขออภัยภาพนี้ถ่ายเบลอไม่รู้ตัว) ลองดูมุม ๆ จะเห็นว่ามีวัสดุนิ่ม ๆ คล้าย ๆ โฟมติดไว้เพื่อไม่ให้เครื่องต้องเสียดสีหรือกระแทกกับตัวเคส เป็นอันจะทำให้เครื่องต้องเกิดเป็นรอย สำหรับใคร ๆ ที่เป็นห่วงเรื่องนี้ขอให้วางใจได้เลยครับ
บริเวณตรงกลางเครื่องก็มีนะ เพื่อกั้นไม่ให้เครื่องมันสัมผัสกับเคส หรือเสียดสีกัน แต่ก็ไม่ทำให้เกิดช่องว่างหรือน่าเกลียดนะ เป็นอันว่าคล้าย ๆ กับการรองรับแรงกระแทก หรือถุงลมนิรภัยมากกว่า
ปุ่มสำหรับปรับเสียง หยุดเสียง และเปิด-ปิดเครื่องซึ่งได้ครอบเอาไว้อีกทีหนึ่ง คือเอกลักษณ์สุดพิเศษที่ เคส Vapor, เคส Element, เคส Blade ไม่มี
ระวัง !!! นี่คือการใส่เคสที่ไม่ถูกต้อง คือการลืมใส่ที่ครอบปุ่ม (ภาพเลื่อนไปดูด้านบน) จะให้ผลแบบนี้ครับ ซึ่งถือว่า Noob มาก ๆ ดังนั้นจงอย่าทำ !!! เพราะนอกจากจะไม่เท่ห์แล้วยังทำให้ไม่สามารถกดปุ่มได้ ปล.จริง ๆ แล้วผมไม่ได้โง่นะ เพียงแต่ใส่แบบนี้ให้ดูเป็นกรณีศึกษา จริงจริ๊งงงงง …
ภาพจากมุมด้านบน เมื่อได้ติดเคส Case-Mate Jett Metal เรียบร้อยแล้วดูเป็นหนึ่งเดียวกับ iPhone4 มาก ๆ ดูเผิน ๆ ไม่รู้เลยว่าเป็นวัสดุที่เป็นส่วนเกินออกมา เข้ากันได้ดีและสวยงาม ทำไม Apple ไม่แถมกับเครื่องไปเลยให้มันรู้แล้วรู้รอดนะ
ตัวเคสนั้นไม่มีปัญหาเรื่องการกดทับ หรือเกาเหลากับกันรอยแต่อย่างใด หลาย ๆ คนถามว่าผมเพ้ออะไร? คือแบบนี้ครับพวกเคสตระกูลแบบนี้ (ผมขอเรียกว่าตระกูลแกร่งขันน๊อตก็แล้วกัน) มักจะมีปัญหากับกันรอยเสียส่วนมากคือการมีการกดทับมากเกินไป ทำให้กันรอยถูกบีบและโปร่งขึ้นมาเป็นฟองอากาศ (ใครเคยเจอคงทราบดี) ว่ามันช่างน่ารำคาญและไม่สวยเลย แต่สำหรับเคส Case-Mate Jett Metal นี้ไม่มีการกดทับส่วนใด ๆ บนหน้าจอเลยครับ ทำให้ปัญหานี้ไม่มีเลยหรือ 0% ก็ว่าได้
ส่วนเรื่องของสัญญาณก็เหมือนกัน บางเคสในตระกูลขันน๊อตจะมีปัญหาเรื่องนี้คือรับสัญญาณไม่ค่อยดี 3G มีปัญหา GPS เบี้ยว ฯลฯ แต่เท่าที่ผมทดสอบในเคสตัวนี้แล้วเป็นเวลา 7 วันด้วยกัน (ใช้งานจริง มีโทรเข้า-ออก เล่นเน็ต 3G ตลอด) ปรากฎว่าไม่พบปัญหาที่ว่า แต่ถึงพบก็คงน้อยมากจนไม่รู้สึกหรือวัดค่าไม่ได้เลย ปัญหานี้ถือว่าตกไปครับ เพราะว่าไม่พบปัญหาใด ๆ ในการใช้งานจริง
ด้านข้างมีการสกรีน Laser อย่างดีไม่ใช้ใสทาทับใด ๆ ทั้งสิ้น ปัญหาหลุด ลอก ล่อน คงไม่เจอในกรณีนี้ เนื้อวัสดุ Aluminum เป็นเนื้อเดียวกันทุกชั้น ถึงมีรอยขีดขูด ก็ยังไม่น่าเกลียด
บริเวณท้ายเครื่องที่จะต้องขันน๊อตทุกครั้งเมื่อเข้าออก ดังนั้นไม่เหมาะกับคนที่ต้องสลับซิมบ่อย ๆ แน่นอน มีการเจาะรูเล็ก ๆ สำหรับให้เสียงลำโพงออก ซึ่งรูที่เจาะนั้นมีขนาดเล็กกว่าความเป็นจริง แต่ก็ยังไม่ถึงกับขนาดทำให้เสียงตันหรือลดทอน ด้านขวามือของท่านผู้อ่าน (ด้านซ้ายของเครื่อง) มีการเจาะรูเว้นไว้ให้สำหรับห้อยอะไรกุ๊กกิ๊ก ๆ ได้ด้วย
บริเวณด้านข้างเมื่อใส่ปุ่มเรียบร้อยแล้วจะนูน ๆ ขึ้นมาให้กดง่าย ๆ แบบนี้ แถมยังเคาะได้ ตีได้ ไม่ต้องกลัวเครื่องเป็นรอยแต่อย่างใด เพราะเคสเขาทำมาได้ดีและแข็งแรงมาก ๆ
ตรงหัวเครื่องมีช่องให้ใส่หูฟัง 3.5 มม. และปุ่มสำหรับเปิด-ปิดเครื่อง ในฐานะที่ผมเป็นสื่อก็อยากจะเตือนคนที่ซื้อ Case-Mate Jett Metal ว่าขอให้สำรวจหูฟังตัวโปรดของท่านให้ดี ๆ ว่าตรงแจ๊คต่อ 3.5 มม. นั้นเป็นรูปตัว L หรือ ตัว I เพราะหากตัว L ที่ออกแบบมาไม่ค่อยดีอาจทำให้มีปัญหาในการใช้งานได้ แต่หากใครใช้หูฟัง 3.5 มม. ของ Apple ที่แถมมานั้นขอให้วางใจได้เลย เพราะมันเป็นแบบตัว I ใส่ใช้งานได้ปกติไม่พบปัญหาใด ๆ ตรงนี้ผมไม่ได้ฟันธงนะว่าจะมีปัญหากับแจ๊คหูฟังแบบ 3.5 มม. แบบตัว L ผมแค่เผื่อไว้ว่า “อาจจะ” เท่านั้น ขอเตือนไว้แล้วกันครับ
ภาพจากด้านหลังเมื่อติดตั้ง Case-Mate Jett Metal เรียบร้อยแล้ว ดูดีไม่มีที่ติ ขนาดผมเองยังชอบเลย ส่วนที่มันไม่มีการปกป้องด้านหลังนี่ผมก็ชอบนะ มันดูไม่หนาและรกจนเกินไปดี เพียงแค่ติดกันรอยธรรม ๆ ก็เพียงพอแล้ว ได้โชว์หลังสวย ๆ ส่วนเรื่องรอยผมคิดว่าคงจะไม่มีเกิดหรอกเพราะ 1. เราติดกันรอยแล้ว 2. ถึงมีอุบัติเหตุก็ไม่น่าจะโดน เพราะบริเวณโดยรอบนั้นมันหนามากกว่าตัว iPhone4 เอง บวกกับความที่มันแข็งมากจนไม่ยอมงอเหมือนเคสพลาสติกทั่ว ๆ ไป จึงทำให้โอกาสที่เคสเราจะสัมผัสพื้น (เรียบ) นั้นแทบไม่มีเลย ยกเว้นว่าไปทำร่วงลงบนกองหินหรือถนนรุกรัง
ดูสังเกตุมุมให้ดี ๆ ครับว่าเก็บงานได้ดีเอาเสียมาก ๆ ไม่มีเสี้ยนหรืออะไรที่เป็นส่วนเกินออกมาเลย สมกับราคาและยี่ห้อจริง ๆ
บริเวณด้านหลัง ไม่มีการกดทับเครื่องแต่อย่างใด ดูเหมือนจะทำการล็อคกับแกนกลางเครื่องมากกว่า แล้วมีฟองน้ำรองอีกที เพื่อไม่ให้เครื่องและเคสทำการเสียดสีกัน
สรุป : เป็นเคสรุ่นนึงที่อาจจะแพงไปซักนิดสำหรับหลาย ๆ คน แต่สำหรับคนที่ชอบงาน Aluminum สวย ๆ เนี๊ยบ ๆ หรู ๆ แล้วถือว่าไม่แพงเลย เพราะ เคส Vapor, เคส Element, เคส Blade นั้นแพงกว่าเยอะ แต่ผมไม่แนะนำอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องแกะหรือสลับซิม 3G บ่อย ๆ เพราะเคสตัวนี้ไม่มีช่องให้สำหรับเปลี่ยนซิม ต้องแกะออกมาเอง ซึ่งลำบากมาก ๆ ครับ ต้องไขน๊อตอะไรอีกด้วย แต่สุดท้ายแล้วสำหรับเคสตัวนี้แล้วยังเป็นงานทางเลือกที่ดีและคุ้มค่ากับราคามากกว่า แต่เรื่องความสวยและการเล่นสีอาจจะไม่เท่า เพราะโทนของ Case-Mate Jett Metal ออกแนวเรียบ ๆ หรู ๆ อีกทั้งยังแถมกันรอยหน้า-หลังให้อีกตั้งคู่นึงแน่ะ (แค่กันรอยถ้าซื้อแยกเอาก็ 3 ร้อยกว่าบาทแล้ว) ดังนั้นเคสนี้ถือว่าไม่แพงเลยครับ อ้อ… มีน๊อตสำรองให้คู่นึงด้วยนะ สำหรับใครที่ชอบงานแกร่ง ๆ ใช้ทน ๆ แบบผู้ชายที่ไม่ชอบเปลี่ยนมาก ผมแนะนำว่าให้ซื้อไปเถอะครับ อาจะไม่สวยเท่าพวก เคส Vapor, เคส Element, เคส Blade แต่ราคาและคุณภาพเป็นมิตรกว่ากันเยอะเลย
เพิ่มเติมนะครับ : เมื่อกี้มี FANPAGE จาก iPhoneMod.net เข้ามาแนะนำเพิ่มเติมครับ จากคุณ Poranat Nuchachartpong ผมขอยกข้อความมาเลยก็แล้วกัน
“ผมใช้ตัวนี้มาประมาณ2เดือนกว่าแล้วคับ โดยรวมแล้วถือว่าโอเคเลย เรื่องสัญญาณหายที่มักเป็นปัญหาของเคสที่เป็นAluminumนั้นไม่มีเลยคับ แต่อยากจะบอกสำหรับใครที่ชอบเสียบdockของลำโพงสำหรับiphoneนี่ไม่แนะนำนะคับ เพราะช่องมันค่อนข้างเล็กและหนาอยู่หน่อยนึง ทำให้มันเสียบไม่เข้า แต่ไม่รู้ว่าเป็นกับลำโพงทุกรุ่นทุกยี่ห้อรึปล่าวนะคับ :)”
ผมจึงได้เอาไปทดสอบกับ Dock JBL ที่ผมมีอยู่ปรากฎว่าเสียบไม่ได้เหมือนกัน แต่พอเปลี่ยนไปใช้ Dock อีกอันของน้องสาวปรากฎว่าเสียบเล่นได้แฮะ … ลำโพง Dock แต่ละอันมีพื้นที่ มีความกว้างไม่เหมือนกันนะครับ ถ้ายังไงใครจะใช้เคสนี้โปรดตรวจสอบอุปกรณ์ลำโพง Dock (ถ้ามี) ของท่านก่อนนะครับ เพราะการแกะเคสนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ขอขอบคุณ : ร้าน BBiPhone.com ที่เอิ้อเฟื้อเคสคุณภาพมาให้ทีมงานได้ทดสอบ
(หากท่านสนใจสินค้าตัวที่ทีมงานรีวิวนี้สามารถคลิกสั่งซื้อได้ ที่นี่)