How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13
in , ,

รวมการตั้งค่าให้ iPhone ที่อัปเดตเป็น iOS 13 ไหลลื่นและประหยัดแบตเตอรี่

หลังจากที่อัปเดต iOS 13 กันเรียบร้อยแล้ว สำหรับใครที่อยากจะตั้งค่าให้ iPhone สามารถใช้งานได้ไหลลื่นและประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น เรามาชมกันเลยดีกว่าต้องตั้งค่าตรงไหนบ้าง ไม่จำเป็นต้องตั้งค่าทุกข้อ แต่ให้ตั้งค่าตามความสะดวกในการใช้งาน

หลายคนอาจจะพอทราบมาบ้างแล้วเกี่ยวกับการตั้งค่า iPhone ให้ประหยัดแบตเตอรี่ แต่ใน iOS 13 ได้มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่รวมถึงโยกย้ายเมนูบางอย่างในการตั้งค่า ทีมงานจึงได้นำมาอัปเดตให้ชมกันค่ะ

รวมการตั้งค่าให้ iPhone ที่อัปเดตเป็น iOS 13 ไหลลื่นและประหยัดแบตเตอรี่

1. ตรวจสอบ Battery Life

สิ่งสำคัญในการประหยัดแบตเตอรี่อย่างแรกคือต้องตรวจสอบก่อนว่าแอปใดใช้แบตเตอรี่เยอะ เมื่อทราบแล้วเราก็สามารถตั้งค่าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องใน iOS 13 กันได้เลย

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แบตเตอรี่ (Battery) > เลื่อนดูส่วนการใช้านแบตเตอรี่ของแอป (Battery Usage) > แตะที่ชื่อแอป จะแสดงการใช้งานแบตเตอรี่ว่าใช้แอปไหนเยอะมากที่สุด และแต่ละแอปใช้ไปเท่าไหร่

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 1

2. ปิด Background App Refresh

Background App Refresh เป็นการทำงานเบื้องหลังถึงแม้ว่าเราจะปิดแอปไปแล้ว ซึ่งใช้ทรัพยากรอย่างหน่วยความจำและแบตเตอรี่ค่อนข้างเยอะ แนะนำว่าให้เลือกปิดแอปที่ไม่ค่อยได้ใช้และเลือกเปิดเฉพาะแอปที่ต้องการให้อัปเดตเท่านั้น เช่น Facebook, Line, Line@, อีเมล เป็นต้น

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > ดึงข้อมูลแอปจากเบื้องหลัง (Background App Refresh) > เลือกปิดแอปที่ไม่ต้องการให้มีการทำงานเบื้องหลัง

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 2

หรือจะปิด Background App Refresh ทั้งหมดก็ได้ ถ้าไม่ต้องติดตามข้อมูลจากแอปบ่อยๆ

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > แตะ ดึงข้อมูลแอปจากเบื้องหลัง (Background App Refresh) > แตะ ดึงข้อมูลแอปจากเบื้องหลัง (Background App Refresh) > เลือก ปิด

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 3

3. ปิด Cellular เมื่อใช้ Wi-Fi

การเลือกเปิดเฉพาะ Wi-Fi จะทำให้ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น ถ้าหากกลัวว่าจะลืมเปิด Cellular หรือ 3G, 4G เมื่อไม่ได้อยู่ในระยะที่มี Wi-Fi ก็สามารถตั้งค่าเปิด Cellular ในบางแอปที่เราต้องการติดตามตลอดเวลาได้

เปิด Control Center > แตะ ปิดไอคอน Cellular

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 4

4. ปิดการเชื่อมต่อที่ไม่ได้ใช้งาน

หากไม่ใช้การเชื่อมต่อใดๆ ใน Control Center เช่น เวลานอนเราไม่ได้ใช้งานการเชื่อมต่อก็ปิด Wi-Fi, Bluetooth, AirDrop หรือ Hotspot ไว้ เพื่อไม่ให้มีการใช้งานพลังแบตเตอรี่โดยเปล่าประโยชน์

เปิด Control Center > แตะในส่วนการเชื่อมต่อ > ปิดไอคอนการเชื่อมต่อที่ไม่ได้ใช้งาน

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 5

5. เปิด Wi-Fi Assist

เมื่อสัญญาณ Wi-Fi อ่อนมากหรือสัญญาณไม่ดี Wi-Fi Assist จะทำหน้าที่เปลี่ยนการใช้งานจาก Wi-Fi ไปใช้ 4G (Cellular) แทน เครื่องของเราก็จะไม่พยายามเชื่อมต่อ Wi-Fi หลายๆ รอบ ซึ่งกินแบตค่อนข้างมาก

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แตะเซลลูลาร์ (Cellular) > เลื่อนลงมาเลือกแตะเปิด ช่วยเหลือ Wi-Fi (Wi-Fi Assist)

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 6

6. ปิด Widgets ที่ไม่ได้ใช้

บาง Widgets เรียกใช้ Location Service เช่น พยากรณ์อากาศ, แผนที่การเดินทาง เป็นต้น ซึ่งใช้แบตเตอร์ค่อนข้างมาก ดังนั้นการเลือกปิด Widgets บางอันที่ไม่จำเป็น เพื่อไม่ให้มาแสดงในหน้า Lock Screen จะช่วยให้ประหยัดแบตได้มากขึ้น

เปิดหน้าจอ Lock Screen เลื่อนไปทางขวา เพื่อเปิดหน้าวิตเจ็ต > เลื่อนลงมาด้านล่างสุดแล้ว > แตะ แก้ไข (Edit) > เลือกลบการแสดง Widgets ที่ไม่จำเป็นหรือไม่ได้ใช้ออก

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 7

7. เปิดโหมดประหยัดพลังงาน

Low Power Mode ยังคงเป็นฟีเจอร์ที่ดีสุดในการยืดอายุแบตเตอรี่ เพราะ Low Power Mode จะช่วยลดการทำงานบางอย่างที่เราไม่สามารถไปปิดหรือควบคุมเองได้

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แตะแบตเตอรี่ (Battery) > เปิด โหมดพลังงานต่ำ (Low Power Mode)

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 8

สามารถตั้งค่าให้มีเมนูโหมดประหยัดพลังงานใน Control Center ได้ ซึ่งเปิด-ปิดใน Control Center ได้เลย

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 9

8. คว่ำหน้า iPhone ลง เพื่อไม่ให้แสดงการแจ้งเตือน

เวลาทำงานหรือไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ก็สามารถการวาง iPhone แบบคว่ำหน้าแนบลงกับพื้นวางจะช่วยปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ที่เด้งขึ้นมา แสดงว่าหน้าจอการแสดงผลก็ไม่ต้องใช้พลังงานเยอะมาก เป็นวิธีการประหยัดแบตเตอรี่ที่ง่ายที่สุด

เทคโนโลยี, Iphone X, Iphone ของ, โทรศัพท์

ภาพจาก pixabay

9. ปิดโหมด “หวัดดี Siri”

การเปิดใช้ “หวัดดี Siri” เครื่องจะต้องคอยฟังและตอบสนองอยู่ตลอดเวลา หากเราไม่จำเป็นต้องใช้ Siri ก็ให้ปิด “หวัดดี Siri” แล้วเลือกใช้การเปิดกดปุ่ม Home ค้างเพื่อเรียก Siri แทน

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แตะ Siri และการค้นหา (Siri & Search) > เลือกปิด ฟัง “หวัดดี Siri” (Listen for “หวัดดี Siri”)

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 10

10. เปิดลดการเคลื่อนไหว

การเปิดลดการเคลื่อนไหว (Reduce Motion) จะช่วยลดเอฟเฟ็คต์การเคลื่อนไหวบนหน้าจอ จึงช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้ดี เพราะการเคลื่อนไหวใน iPhone มีลูกเล่นหลายรูปแบบจึงทำให้เปลืองแบตเตอรี่ ถ้าเปิด Reduce Motion แล้วความ Smooth ในการเปิด-ปิดแอปและการเลื่อนต่างๆ จะน้อยลง

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > การช่วยการเข้าถึง (Accessibility) > การเคลื่อนไหว > เปิด ลดการเคลื่อนไหว (Reduce Motion)

How To Settings Iphone Ipod Touch After Update Ios 13 19

11. เปิด Auto-Brightness

การเปิด Auto-Brightness (ปรับความสว่างอัตโนมัติ) ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ เพราะเซ็นเซอร์วัดแสงจะทำการปรับแสงของหน้าจอเพิ่มขึ้นและลดลงตามสภาพแวดล้อมของเราให้เหมาะสม ทำให้อุปกรณ์ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่สูงตลอดเวลา ซึ่งใน iOS 13 ได้มีการย้ายเมนูอีกแล้ว

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > การช่วยการเข้าถึง (Accessibility) > จอภาพและขนาดข้อความ > เปิด ปรับความสว่างอัตโนมัติ (Auto-Brightness)

How To Settings Iphone Ipod Touch After Update Ios 13 15 1

12. เปิดโหมดมืด (Dark Mode)

โหมดมืด (Dark Mode) เป็นฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 13 ที่ผู้ใช้สามารถปรับธีมการใช้งานให้เป็นโทนสีดำ จะช่วยให้การใช้งานในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อยสะดวกมากขึ้น และช่วยประหยัดแบตใน iPhone ที่มีหน้าจอเป็น OLED อย่าง iPhone X, XS, XS Max, 11 Pro, 11 Pro Max สามารถเปิดปิดได้หลายวิธีดังนี้

ไปที่การตั้งค่า (Settings) > จอภาพและความสว่าง (Display & Brightness) > แตะเลือก มืด (Dark) ถ้าต้องการให้มีการเปิดปิดโหมดมืดแบบอัตโนมัติก็สามารถแตะเลือกเปิด อัตโนมัติ ได้เลย จากนั้นก็ตั้งเวลาหรือจะเลือกการเปิดโหมดมืดจนถึงดวอาทิตย์ขึ้นก็ได้

How To Settings Iphone Ipod Touch After Update Ios 13 13

หรือจะเปิดปิดโหมดมืดในส่วน Control Center ได้อีกด้วย โดยการแตะค้างที่ส่วนปรับความสว่างของหน้าจอ และเลือกไอคอนโหมดมืด หรือถ้าตั้งให้โหมดมืดเป็นหนึ่งเมนูใน Control Center ก็สามารถแตะ เพื่อเปิดปิดได้เลย

How To Settings Iphone Ipod Touch After Update Ios 13 14

13. ปิดยกขึ้นเพื่อปลุก (Raise to Wake)

Raise to Wake เป็นคุณสมบัติที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ในการดูการแจ้งเตือน เพียงแค่ยกเครื่องขึ้นมา แต่การยกขึ้นมาดูบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้แบตเตอรี่หมดไวเช่นกัน หากไม่จำเป็นต้องใช้ก็ปิดยกขึ้นเพื่อปลุก (Raise to wake) มาใช้การกดปุ่ม Power หรือปุ่ม Home แทนเมื่อต้องการดูหน้าจอ

ไปที่ การตั้งค่า (Settings)> จอภาพและความสว่าง (Display & Brightness) > ปิด ยกขึ้นเพื่อปลุก (Raise to Wake)

How To Settings Iphone Ipod Touch After Update Ios 13 17

14. ปิดการแจ้งเตือนในบางแอป

สำหรับบางแอปที่เราไม่สนใจหรือไม่ต้องการให้มีการแจ้งเตือนเมื่อมีข่าวสารใหม่ๆ ก็สามารถเลือกปิดการแจ้งเตือนไว้ นอกจากจะประหยัดแบตเตอรี่แล้วยังช่วยลดการรบกวนอีกด้วย แต่บางแอปที่เราต้องการติดตามความเคลื่อนไหว (แอป Social) ก็เปิดการแจ้งเตือนทิ้งไว้ปกติ

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > การแจ้งเตือน (Notifications) > เลือกแอปที่ต้องการปิดการแจ้งเตือน > ปิด อนุญาตการแจ้งเตือน (Allow Notifications)

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 11

15. ปิด iCloud ในแอปที่ไม่จำเป็น

หากใช้อุปกรณ์ iOS เพียงเครื่องเดียวก็ไม่จำเป็นจะต้องเก็บข้อมูลของบางแอปไปเก็บ iCloud เพราะการอัปโหลดข้อมูลไป iCloud นั้นทำให้แบตเตอรี่หมดไว และแนะนำว่าให้เปิดการเก็บข้อมูลบน iCloud สำหรับข้อมูลที่สำคัญ เช่น รูปภาพ การสำรองข้อมูล สุขภาพ เตือนความจำ เป็นต้น

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แตะ Apple ID > iCloud > เลือกปิดแอปที่ไม่ต้องการเก็บข้อมูลใน iCloud

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 12

16. ตั้งค่าความถี่ในการเรียกข้อมูล (Fetch New Data)

การเรียกข้อมูลอีเมลแบบ Real time จะทำให้แบตเตอรี่ของเราหมดไวขึ้น เพราะว่าอุปกรณ์จะมีการเรียกข้อมูลอยู่ตลอดเวลา สามารถตั้งค่าให้เรียกข้อมูลไม่ถี่ได้ดังนี้

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > รหัสผ่านและบัญชี (Accounts & Passwords) > ดึงข้อมูลใหม่ (Fetch New Data) > เลือก ทุกชั่วโมง

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 13

17. ปิดการแชร์ข้อมูล Analytic

การแชร์ข้อมูล Analytic จะส่งข้อมูลวิเคราะห์อุปกรณ์ทั้ง iPhone และ Apple Watch ของเราให้ Apple อัตโนมัติ เพื่อไปพัฒนาและปรับปรุง iOS ในอนาคตให้ดีขึ้น (จริงๆ ควรเปิดไว้) แต่การส่งข้อมูลมักใช้แบตเตอรี่มาอยู่พอสมควร ใครที่ไม่ได้ใช้งาน Apple Watch ก็สามารถปิดได้

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ความเป็นส่วนตัว (Privacy) > การวิเคราะห์ (Analytics) > ปิด การแชร์วิเคราะห์ iPhone และ Watch และปิด แชร์การวิเคราะห์ iCloud

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 14

18. ตั้งค่า System Service

การตั้งค่า System Service ใน Location Services ให้ใช้เฉพาะเท่าที่จำเป็น แนะนนำให้เลือกเปิดไว้เฉพาะที่ต้องใช้งานเท่านั้น

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ความเป็นส่วนตัว (Privacy) > บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง (Location Services) > เลื่อนลงมาด้านล่างแล้วแตะ บริการของระบบ (System Services)

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 15

เลือกปิดบริการระบบที่ไม่จำเป็นต้องใช้งาน เช่น การแจ้งเตือนตามตำแหน่งที่ตั้ง คำแนะนำตำแหน่งที่ตั้ง โฆษณาของ Apple ตามตำแหน่งที่ตั้ง เป็นต้น (โดยขึ้นอยู่กับความต้องการและความจำเป็นของแต่ละบุคคล)

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 16

19. เปิด Limit Ad Tracking

Limit Ad Tracking เป็นการป้องกันและจำกัดการติดตาม Location ที่จะนำข้อมูลไปวิเคราะห์การโฆษณา ช่วยให้ท่องอินเตอร์เน็ตอย่างเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ความเป็นส่วนตัว (Privacy) > การโฆษณา (Advertising) > เปิด จำกัดการติดตามโฆษณา (Limit Ad Tracking)

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 17

20. ปิด Fitness Tracking

Fitness Tracking จะติดตามการออกกำลังกายในแต่ละวันของเรา แต่ก็ในการติดตามนั้นก็มาพร้อมกับการใช้แบตเตอรี่ ถ้าหากเราไม่ต้องการให้ Fitness Tracking ติดตามการเคลื่อนไหวของเราตลอดทั้งวันก็สามารถปิดฟังก์ชันนี้ได้

แต่ใครที่ใช้คู่กับ Apple Watch ไม่ควรปิดการติดตามฟิตเนส ให้เปิดไว้ เพื่อให้ Apple Watch สามารถติดตามการออกกับกายและบันทึกข้อมูลการเคลื่อนไหวได้

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ความเป็นส่วนตัว (Privacy) > การเคลื่อนไหวและฟิตเนส (Motion & Fitness) > ปิด การติดตามฟิตเนส (Fitness Tracking)

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 18

21. ปิด Hand Off

หากเราไม่ได้เชื่อมต่อ iCloud หรืออยู่ใกล้อุปกรณ์ของ Apple อย่าง Mac ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดใช้ฟีเจอร์นี้

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > Handoff > ปิด Handoff

How To Setting Iphone Ipad Save Battery 29

22. ปิดการดาวน์โหลดและอัปเดตอัตโนมัติใน App Store

ถ้าหากเราเปิดการดาวน์โหลดและอัปเดตอัตโนมัติใน App Store ใน iPhone แน่นอนว่าอุปกรณ์อื่นๆ ของเราก็จะดาวน์โหลดแอปนั้นด้วยเช่นกัน (เช่น iPad, iPod touch) ทำให้อัุปกรณ์เปลืองแบตไปด้วยทั้งๆ ที่อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ดังนั้นควรจะดาวน์โหลดและอัปเดตด้วยตนเองจะดีกว่าเพราะเราสามารถควบคุมและตรวจสอบได้

การตั้งค่า (Settings) > iTunes Store และ App Stores > ปิด รายการดาวน์โหลดอัตโนมัติทั้งหมด และปิดรายการดาวน์โหลดอัจโนมัติ ในส่วนข้อมูลเซลลูลาร์ด้วย

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 19

23. เปิด Airplane Mode เมื่ออยู่ในที่ที่ไม่มีสัญญาณมือถือ

ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเครื่องทำการค้นหาสัญญาณและเชื่อมต่อกับสัญญาณแบบนั้นยิ่งทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วมากขึ้นมากๆ ดังนั้นเมื่อหากไม่มีความจำเป็นในช่วงนั้นก็ให้เปิดโหมดเครื่องบินเอาไว้แทน เพื่อระงับการเชื่อมต่ออื่นๆ และการชาร์จพร้อมกับเปิดโหมดเครื่องบินยังช่วยทำให้ชาร์จได้เร็วขึ้นอีกด้วย

How To Setting Iphone Save Battery In Ios 13 20

ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการตั้งค่า iPhone ให้ใช้งานได้อย่างไหลลื่นและประหยัดแบตเตอรี่ใน iOS 13 ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำตามทุกข้อ แต่แนะนำให้เลือกทำตามความจำเป็นและเหมาะสมกับการใช้งานนะคะ

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Zakura Kim

Bachelor degree of science, Software engineering major, Payap University