in ,

12 สิ่งที่ควรทราบใน iPhone SE รุ่นที่ 3

iPhone SE รุ่นที่ 3 เป็น iPhone รุ่นเดียวที่ยังคงใช้ดีไซน์แบบมีปุ่มโฮมและยืนยันตัวตนด้วย Touch ID แต่การเปิดตัวครั้งนี้ก็มีการอัปเกรดสเปคมากมาย สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อ iPhone SE 3 อยู่ ทีมงานมี 12 สิ่งที่ควรทราบใน iPhone SE รุ่น 3 มาแนะนำให้ชมกันค่ะ

12 สิ่งที่ควรทราบใน iPhone SE รุ่นที่ 3

1. รองรับ 5G

iPhone SE รุ่นที่ 3 รองรับการเชื่อมต่อ 5G แบบ sub-6 GHz หมายความว่า เราสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วผ่าน 5G ของเครือข่ายมือถือที่รองรับ ไม่ว่าจะเป็นการรับชมวิดีโอที่คมชัด การอัปโหลดหรือดาวน์โหลดรูปภาพ เพลง ไฟล์ต่าง ๆ ที่รวดเร็ว รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ บน Cloud ก็รวดเร็วทันใจเช่นกัน

นอกจากนี้การใช้งาน 5G ยังเหมาะกับการใช้งานร่วมกับเทคโนโลยี AR และ VR ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ซึ่งการทำกิจกรรม AR/VR นั้นจำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอย่าง 5G ด้วย

2. ชิป A15 Bionic

iPhone SE รุ่นที่ 3 ใช้ชิปประมวลผล A15 Bionic ที่ใช้แบบเดียวกันใน iPhone 13 ซีรีส์ เป็นชิปประมวลผลที่แรงที่สุดที่ใช้ใน iPhone ในตอนนี้ แน่นอนว่าประสิทธิภาพการประมวลผลของ iPhone SE รุ่นที่ 3 นั้นเร็วและแรงกว่าเดิม เราจะได้สัมผัสการกับการทำงานที่ลื่นไหล รวมถึงประสิทธิภาพด้านกราฟิกสำหรับการเล่นเกมก็ลื่นไหลไม่มีสะดุดด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้การมี Nueral Engine ถึง 16-core นั้นยังช่วยเสริมประสิทธิภาพด้าน AI ให้กับชิปด้วย ทำให้การถ่ายภาพบน iPhone SE รุ่นที่ 3 สวยขึ้น มีลูกเล่นมากขึ้น และยังรองรับฟีเจอร์ Live Text ใน iOS 15 ด้วย

3. แบตเตอรี่ใช้ได้นานขึ้น

ชิป A15 Bionic เป็นชิปประมวลผลที่จัดการพลังงานแบตเตอรี่ได้ดี จึงส่งผลให้ iPhone SE รุ่นที่ 3 มีแบตเตอรี่ที่อึดขึ้น มีเวลาใช้งานได้นานมากขึ้น

จากข้อมูลทางเทคนิคของ Apple ระบุว่า สามารถเล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 15 ชั่วโมง นานกว่า iPhone SE รุ่นที่ 2 สูงสุด 2 ชั่วโมง (ดูหนังได้อีก 2 เรื่องเลยทีเดียว) ก็ถือว่าแบตอึดขึ้นกว่ารุ่นเดิม

4. ใช้ RAM 4GB

ข้อมูลจาก Xcode 13.3 เผยว่า iPhone SE รุ่นที่ 3 มี RAM 4GB ให้มาเยอะกว่า iPhone SE รุ่นที่ 2 ที่มี RAM 3GB ส่งผลให้การทำงานและการรับ-ส่งข้อมูลทำได้เร็วขึ้น

การเพิ่ม RAM เข้ามาให้เหมาะสมกับ CPU นั้น ส่งผลให้ผู้ใช้ใช้ประโยชน์ด้านการแต่งรูปหรือตัดต่อวิดีโอได้ดีขึ้น เนื่องจาก RAM มีความสามารถในการดึงข้อมูลมากขึ้น และยังช่วยให้การทำงานเบื้องหลังของแอปและหน้าเว็บใน Safari ดีขึ้นด้วย

5. กล้องหลังถ่ายรูปได้สวยขึ้น

กล้องหลังของ iPhone SE รุ่นที่ 3 ใช้กล้อง Wide ความละเอียด 12MP รูรับแสง ƒ/1.8 ที่ทำงานร่วมกับชิปประมวลผล A15 Bionic ที่ทำให้ความสามารถในการถ่ายภาพคุณสมบัติขั้นสูง ถ่ายรูปได้ดีขึ้นกว่าเดิม สรุปไฮไลท์เด่น ๆ ได้ดังนี้

  • องรับคุณสมบัติ “สไตล์ภาพถ่าย”: เลือกสไตล์ภาพถ่ายที่เราชอบ ไม่ว่าจะเป็นโทนอุ่นหรือโทนเย็น ก็สามารถตั้งค่าเพียงครั้งเดียว จากนั้นใช้โทนภาพนั้นถ่ายรูปได้เลย โดยภาพที่ได้นั้นยังรักษาโทนสีของท้องฟ้าและสีผิวให้ดูเป็นธรรมชาติ
  • รองรับ Deep Fusion: ช่วยวิเคราะห์ค่าแสงที่ต่างกันแบบพิกเซลต่อพิกเซล เพื่อบันทึกรายละเอียดที่เล็กที่สุด พื้นผิว และลวดลายต่าง ๆ ได้ภาพคมชัดสวยงาม
  • HDR อัจฉริยะ 4: ช่วยปรับคอนทราสต์ แสง และโทนสีผิวของคนในภาพให้สวยขึ้นโดยอัตโนมัติได้สูงสุดถึง 4 คน เพื่อให้ทุกคนดูดีที่สุดในแบบของตัวเอง

6. ไม่มีโหมดกลางคืน (Night Mode)

ถึงแม้ว่ากล้องหลังของ iPhone SE รุ่นที่ 3 จะปรับสเปกที่ดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่มีคุณสมบัติโหมดกลางคืน (Night Mode) เหมือนกับ iPhone 11, iPhone 12 และ iPhone 13 ทำให้ iPhone SE รุ่นที่ 3 ถ่ายภาพในที่มืดหรือถ่ายภาพในเวลากลางคืนได้ไม่ดีมากนัก

7. การบันทึกวิดีโอไม่มีโหมดภาพยนตร์

สำหรับการบันทึกวิดีโอบน iPhone SE รุ่นที่ 3 สามารถบันทึกวิดีโอระดับ 4K สูงสุดที่ 60 fps, รองรับวิดีโอ QuickTake และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชั่นที่เหมือนกับ iPhone SE รุ่นที่ 2 และ iPhone รุ่นอื่น ๆ

หลายคนอาจะคิดว่า iPhone SE รุ่นที่ 3 สามารถถ่ายภาพบุคคลพร้อมโบเก้ที่สมจริงได้ ก็อาจจะรองรับการบันทึกวิดีโอโหมดภาพยนตร์ด้วย แต่จริง ๆ แล้ว iPhone SE รุ่นที่ 3 ไม่รองรับคุณสมบัติการถ่ายวิดีโหมดภาพยนตร์ ที่โฟกัสบุคคลในฉากให้ชัดและเบลอพื้นหลัง เมื่อมีบุคคลอื่นเข้ามาในฉากการเปลี่ยนโฟกัสก็จะไปจับอีกบุคคลหนึ่งได้อย่างราบรื่น ซึ่งโหมดนี้มีในเฉพาะ iPhone 13 ซีรีส์เท่านั้น

นอกจากจากนี้การบันทึกวิดีโอบน iPhone SE รุ่นที่ 3 ยังไม่รองรับการบันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision, การซูมเสียง และไทม์แลปส์ในโหมดกลางคืน

8. กล้องหน้าที่ดีขึ้น

นอกจากจะมีการปรับปรุงกล้องหลังแล้ว ส่วนของกล้องหน้า iPhone SE รุ่นที่ 3 ก็มีการปรับปรุงเช่นกัน กล้องหน้าของ iPhone SE รุ่นที่ 3 เป็นกล้อง FaceTime HD ความละเอียด 7MP รูรับแสง ƒ/2.2 มาพร้อมคุณสมบัติ HDR อัจฉริยะ 4 ปรับโทนสีภาพให้สวยงาม ซึ่งรุ่นเดิมไม่มีคุณสมบัตินี้

และยังรองรับคุณสมบัติ “สไตล์ภาพถ่าย” ที่ตั้งค่าโทนสีก่อนถ่ายรูปได้เหมือนกับกล้องหลัง รวมถึงรองรับ Deep Fusion ที่ถ่ายภาพเก็บรายละเอียดคมชัดด้วย ส่วนการถ่ายวิดีโอยังเพิ่มการถ่ายวิดีโอสโลว์โมชั่นความละเอียด 1080p ที่ 120 fps ด้วย ซึ่งใน iPhone SE รุ่นที่ 2 ไม่รองรับ

แต่ด้วยกล้องหน้าที่ใช้กล้อง FaceTime HD จึงไม่รองรับคุณสมบัติ Memoji และ Animoji นะคะ

9. มาพร้อม 2 สีใหม่

ถ้ามองดูเผิน ๆ เราอาจจะคิดว่า iPhone SE รุ่นที่ 3 มาพร้อมกับ 3 สีเดิม ก็คือสีขาว สีดำ และสีแดง PRODUCT(RED) แต่ถ้าสังเกตดูดี ๆ จะพบว่า iPhone SE รุ่นที่ 3 นั้นมาพร้อม 2 สีใหม่

สีแรกเป็นโทนสีขาวเรียกว่า “สีสตาร์ไลท์” ที่เป็นโทนขาวครีม ดูนวลกว่าสีขาวแบบเดิม ส่วนโทนสีดำสีใหม่ เรียกว่า “สีมิดไนท์” ที่มีโทนดำสุขุมกว่าสีดำแบบเดิม ส่วนสีแดง PRODUCT(RED) ก็ยังคงเป็นสีแดงเหมือนเดิมนะคะ

10. มี 3 ความจุให้เลือก

iPhone SE รุ่นที่ 3 มาพร้อม 3 ความจุ ได้แก่ 64GB ราคา 15,900 บาท, 128GB ราคา 17,900 บาท และ 256GB ราคา 21,900 บาท เราสามารถเลือกซื้อได้ตามความจุที่ต้องการ คนที่ต้องการใช้พื้นที่เยอะก็อาจจะเลือก 256GB ส่วนคนที่ใช้พื้นที่น้อยก็อาจจะเลือกเป็น 64GB หรือ 128GB แทน

ซึ่งก่อนที่จะเปิดตัว iPhone SE รุ่นที่ 3 ทาง Apple ได้วาง iPhone SE รุ่นที่ 2 เพียง 2 ความจุเท่านั้น ได้แก่ 64GB และ 128GB (ปัจจุบันเลิกขายแล้ว)

11. ไม่รองรับการ์ชาร์จ MagSafe

iPhone SE รุ่น 3 ยังคงรองรับการชาร์จไร้สายแบบ Qi แต่ไม่รองรับการชาร์จ MagSafe (ชาร์จแบบมีแม่เหล็ก) ส่วนการชาร์จผ่านพอร์ตนั้นก็ยังคงรองรับการชาร์จเร็ว ชาร์จได้สูงสุด 50% ใน 30 นาที ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 20W ขึ้นไป (ซื้อแยก)

12. ในกล่องไม่มีอะแดปเตอร์ชาร์จและหูฟัง

และเช่นเคยสำหรับ iPhone รุ่นใหม่ ๆ นั้น Apple จะให้เพียงตัวเครื่อง สายชาร์จและคุ่มือมาในกล่องเท่านั้น ซึ่ง iPhone SE รุ่นที่ 3 ก็จะไม่มีอะแดปเตอร์ชาร์จและหูฟังให้มาในกล่องเหมือนกับ iPhone SE รุ่นที่ 2 จะมีเพียงตัวเครื่องและสายชาร์จแบบ Lightning to USB-C พร้อมคู่มือ ตามการเน้นความเป็นกลางทางคาร์บอนของ Apple

ฝากไว้อีกนิด iPhone SE รุ่นที่ 3 เปิดตัวในปีนี้จะสามารถใช้งานร่วมกับ iOS ใหม่ ๆ ได้อีกหลายปีเลยทีเดียว ถ้าเทียบกับ iPhone SE รุ่นที่ 1 เปิดตัวในปี 2016 ที่ยังคงรองรับ iOS 15 อยู่ นับว่าเดินทางมาได้ยาวนานถึงเกือบ 6 ปีเลยทีเดียว ถ้าซื้อ iPhone SE รุ่นที่ 3 ตอนนี้ก็จะได้ใช้ต่ออีกยาว ๆ

และนี่ก็เป็นสิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับ iPhone SE รุ่นที่ 3 สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจซื้อก็ลองพิจารณากันดูนะคะ iPhone SE รุ่นที่ 3 จะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันที่ 18 มีนาคม 2022 นี้ และวางจำหน่ายในวันที่ 25 มีนาคม 2022 นี้ค่ะ

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Zakura Kim

Bachelor degree of science, Software engineering major, Payap University