in , ,

Xiaomi 14 Series เปิดตัวแล้ว! พร้อมกล้อง Leica และสินค้า AIoT อีกเพียบ เข้าไทยเร็วๆ นี้

Xiaomi 14 Series เปิดตัว Global เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชูจุดเด่นกล้อง Leica ภายใต้ซอฟต์แวร์ Xiaomi HyperOS พร้อมกับเปิดตัวสินค้า AIoT อีกมากมาย

Xiaomi 14 Series เปิดตัวแล้ว! พร้อมกล้อง Leica และสินค้า AIoT อีกเพียบ เข้าไทยเร็วๆ นี้

บาร์เซโลน่า สเปน 25 กุมภาพันธ์ 2567 – เสียวหมี่ ผู้นำนวัตกรรมระดับโลกประกาศเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ Xiaomi 14 Series แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่าง Xiaomi กับ Leica ด้วยการนำเลนส์ออปติกส์ Leica Summilux มาใช้ การผสมผสานครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดด้านออปติคอลและการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยที่สุด ทำให้เสียวหมี่นั้นแข็งแกร่งขึ้นในฐานะผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมการถ่ายภาพบนมือถือ

นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังเปิดตัว Xiaomi Pad 6S Pro 12.4 พร้อมด้วยอุปกรณ์สวมใส่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสายรัดข้อมืออัจฉริยะ Xiaomi Smart Band 8 Pro, นาฬิกา Xiaomi Watch S3 และนาฬิกา Xiaomi Watch 2 ที่พร้อมยกระดับประสบการณ์ให้กับผู้ใช้ในทุกด้านของการเล่นกีฬา สุขภาพ และไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพที่ดี

Xiaomi 14 Ultra

Xiaomi 14 Ultra ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสุนทรียศาสตร์ของกล้องแบบดั้งเดิม มาพร้อมด้วยโมดูลกล้องทรงกลมที่โดดเด่น พร้อมดีไซน์ด้านหลังที่แบนเรียบ โดยวางจำหน่าย 2 สี ได้แก่ สี Black และ White ในต่างประเทศ

กรอบเครื่องอะลูมิเนียมแข็งแรงขึ้น

Xiaomi 14 Ultra ออกแบบด้วยโครงสร้างของ Xiaomi Guardian Structure ที่ประกอบไปด้วยกรอบอะลูมิเนียมความแข็งแรงสูง หนังวีแกน Xiaomi nano-tech และกระจกป้องกัน Xiaomi Shield Glass Xiaomi 14 Ultra ที่ถูกหลอมขึ้นจากบล็อกอะลูมิเนียมชิ้นเดียว จึงทำให้มีกรอบที่แข็งแรงขึ้นถึง 1.38 เท่า ในขณะที่หนังวีแกน Xiaomi nano-tech มาพร้อมกับสูตรที่พัฒนาขึ้นใหม่ ส่งผลให้ผิวเคลือบบางลงและเบาขึ้น พร้อมทนทานต่อการสึกหรอดีขึ้น 6 เท่า

ส่วนกระจกป้องกันใช้วัสดุ Xiaomi Shield Glass สำหรับหน้าจอ All Around Liquid Display ด้วยการสร้างความโค้งที่สมมาตรกันในทุกด้านและทุกมุม ผสานเข้ากับรูปลักษณ์ที่สวยงามของจอแบนที่เข้ากับการตอบสนองการสัมผัสของขอบโค้งได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ Xiaomi 14 Ultra ยังมาพร้อมหน้าจอแสดงผล AMOLED C8 WQHD+ ขนาด 6.73 นิ้ว ที่เสียวหมี่ปรับขึ้นเอง พร้อมด้วยความละเอียด WQHD+ (3200 x 1440) ความหนาแน่นของพิกเซล 522 พิกเซลต่อนิ้ว (PPI) และอัตรารีเฟรช 1 – 120Hz ความสว่างสูงสุด 3,000 nits

กล้องระดับมืออาชีพ

Xiaomi 14 Ultra มาพร้อมกล้องระดับมืออาชีพสี่ตัวพร้อมช่วงโฟกัสตั้งแต่ 12 – 120 มม. โดยกล้องหลักมาพร้อมรูรับแสงแบบปรับได้อยู่ที่ ƒ/1.63-ƒ/4.0 ช่วยให้ปรับค่าแสงได้อย่างราบรื่นในสถานการณ์ที่หลากหลาย ผสานเข้ากับเซ็นเซอร์รับภาพ LYT-900 ขนาด 1 นิ้ว ช่วงไดนามิกสูงถึง 14EV โดยกล้องทั้งสี่ตัวประกอบไปด้วย

  • กล้องเทเลโฟโต้ลอยตัว Leica 75 มม.
  • กล้อง Periscope Leica 120 มม.
  • กล้องอัลตร้าไวด์ Leica 12 มม.

รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K ที่ 30fps บนกล้องทั้งสี่ตัวของอุปกรณ์ ด้วยเลนส์ Leica และเซ็นเซอร์ความละเอียด 50MP จึงได้ภาพที่คมชัดที่ไม่มีใครเทียบได้ ช่วยให้ตัดต่อขั้นตอนหลังการถ่ายทำได้อย่างมืออาชีพ กล้องหลักรองรับการถ่ายภาพ 4K ที่ 120fps และยังปรับให้เข้ากับเอฟเฟกต์สโลว์โมชั่นได้อีก 5 เท่า นอกจากนี้ความละเอียด 4K ยังให้คุณสามารถซูมแบบเต็มช่วงที่ 60fps อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นอุปกรณ์ยังรองรับการถ่าย Dolby Vision ที่ 4K 60fps และมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว ไมโครโฟน 4 ตัว ทำให้บันทึกเสียงได้แบบเซอร์ราวด์และรอบทิศทาง

Xiaomi 14

Xiaomi 14 ถูกออกแบบให้มีขนาดกระทัดรัดเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยมีขนาดเพียง 152.8 มม. x 71.5 มม. x 8.20 มม. เท่านั้น แผงด้านหลังที่โค้งเล็กน้อยช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจับตัวเครื่องได้สะดวกสบายและปลอดภัย ย้ายตำแหน่งลำโพงไปที่หน้าจอแสดงผลและพอร์ตอินฟราเรดไปที่ตัวตกแต่งที่กล้อง ซึ่งช่วยให้กรอบด้านบนและด้านข้างดูสะอาดตามากยิ่งขึ้น ทั้งนี้การออกแบบกรอบจอให้มีความบางพิเศษนั้นใช้เทคโนโลยี FIAA ขั้นสูงเพื่อรวมวงจรแผงภายในไว้ในหน้าจอแสดงผล ส่งผลให้กรอบด้านล่างบางเพียง 1.71 มม. เท่านั้น

มาพร้อมกล้องสามตัว ถ่ายภาพได้หลากหลาย

Xiaomi 14 มาพร้อมกับกล้องสามตัวครอบคลุมช่วงโฟกัสตั้งแต่ 14 มม. ถึง 75 มม. เลนส์ออปติคอล Leica Summilux พร้อมรูรับแสงขนาด ƒ/1.6 ที่อัปเกรดแล้วบนกล้องหลัก ผนวกเข้ากับเซ็นเซอร์รับภาพ Light Fusion 900 และมีช่วงไดนามิกสูงถึง 13.5 EV นอกจากนี้ความละเอียดของกล้องอัลตร้าไวด์ Leica 14 มม. ยังได้รับการอัปเกรดขึ้นเป็นความละเอียด 50MP ทั้งยังมาพร้อมเลนส์เทเลโฟโต้ลอยตัว Leica 75 มม. โดยมีระยะโฟกัสใกล้สุดเพียง 10 ซม. เท่านั้น

จอแสดงผล

หน้าจอแสดงผล CrystalRes AMOLED 1.5K (2670 x 1200) ขนาด 6.36 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซลปรับปรุงขึ้นเป็น 460ppi ความสว่างสูงสุดที่ 3000 nits สีสันของหน้าจอจึงสดใสและชัดเจนแม้ใช้งานภายใต้แสงแดด นอกจากนี้อัตรารีเฟรชที่ปรับเปลี่ยนได้ตั้งแต่ 1 – 120Hz

Xiaomi 14 Series ประสิทธิภาพเต็มรูปแบบ

Xiaomi 14 และ Xiaomi 14 Ultra ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 3 CPU เร็วขึ้น 32% ลดการใช้พลังงานลงถึง 34% และ GPU เร็วขึ้น 34% ลดการใช้พลังงานลงถึง 38% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ใช้ Qualcomm FastConnect 7800, Wi-Fi 7 พร้อมความจุถึง 320MHz และ Xiaomi 14 Ultra มาพร้อม High Band Simultaneous (HBS) Multi-Link ช่องสัญญาณที่กว้างที่สุดและเวลาหน่วงต่ำที่สุดเท่าที่มีอยู่

ระบบระบายความร้อน Xiaomi IceLoop ใช้งานได้ราบรื่นภายใต้สถานการณ์ที่มีความต้องการใช้งานสูง เช่น การบันทึกวิดีโอ, การถ่ายภาพด้วยคอมพิวเตอร์, AI แบบเรียลไทม์ และการเล่นเกม

ในขณะเดียวกัน Xiaomi 14 Ultra มาพร้อมระบบ Xiaomi Dual-Channel IceLoop มีช่องระบายความร้อนที่สองโดยเฉพาะสำหรับโมดูลกล้องเพื่อการถ่ายภาพและวิดีโอที่ราบรื่นมากยิ่งขึ้น

Xiaomi 14 มาพร้อมแบตเตอรี่ 4610mAh รองรับการชาร์จเร็ว HyperCharge 90W และการชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W HyperCharge ในขณะที่ Xiaomi 14 Ultra นั้นมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดความจุใหญ่กว่า 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 90W HyperCharge และเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบไร้สาย HyperCharge 80W

Xiaomi HyperOS

Xiaomi 14 Series มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS สุดยอดแห่งการพัฒนาของเสียวหมี่ที่ถูกบ่มเพาะมายาวนานเจ็ดปี ออกแบบมาเพื่อระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human X Car X Home” โดยมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายหลัก 4 ประการ ได้แก่ การปรับโครงสร้างใหม่อย่างครอบคลุม การเชื่อมต่ออัจฉริยะข้ามอุปกรณ์ ระบบอัจฉริยะเชิงรุก และการรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร

ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน Xiaomi 14 Series ที่รองรับระบบ Xiaomi HyperOS จะได้พบกับความลื่นไหลของระบบที่ยกระดับความสามารถในการจัดการไฟล์และหน่วยความจำ UI ขั้นสูงที่รับการปรับปรุงใหม่ที่เสริมด้วยระบบย่อยกราฟิก การเชื่อมต่อที่ราบรื่นระหว่างอุปกรณ์ และคุณสมบัติความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ครอบคลุม เพื่อให้มั่นใจถึงประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ปลอดภัย

ร่วมกับ Google Photos

ทำให้ผู้ใช้สามารถสำรองรูปภาพและวิดีโออย่างปลอดภัยไปยัง Google Photos ภายใน Xiaomi Gallery ได้ นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถดู แก้ไข และแชร์เนื้อหาที่สำรองไว้ใน Google Photos ได้อย่างลื่นไหลจาก Xiaomi Gallery ซึ่งฟังก์ชันนี้จะพร้อมให้ใช้งานบนอุปกรณ์ เสียวหมี่ทั่วโลกในฤดูใบไม้ผลิปี 2024

นำ AI มาใช้งานร่วมกีบแอปพลิเคชัน

  • AI Subtitles ช่วยให้สามารถถอดเสียงเนื้อหาคำพูดได้แบบเรียลไทม์ระหว่างการประชุมทางวิดีโอ
  • AI Album Search ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาภาพที่ต้องการภายในคอลเลกชันภาพถ่ายของตนได้ โดยใช้การอธิบายสิ่งที่พวกเขากำลังมองหา
  • AI Portraits ใช้อัลกอริธึมขั้นสูงเพื่อสร้างองค์ประกอบภาพบุคคลแบบใหม่ที่ได้มาจากภาพที่มีอยู่แล้ว
  • AI Expansion อำนวยความสะดวกด้วยการขยายเนื้อหารูปภาพที่มีอยู่ให้สมจริง ทำให้เกิดการสร้างสรรค์ใหม่ๆ

เมื่อปลายเดือนตุลาคมของปีที่แล้ว เสียวหมี่ได้ประกาศอัปเกรดกลยุทธ์อย่างครอบคลุม โดยเปลี่ยนจากระบบนิเวศอัจฉริยะ “Smartphone x AIoT” มาเป็น “Human x Car x Home” โดยที่รถยนต์กลายเป็นองค์ประกอบใหม่และสำคัญในการมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ของเสียวหมี่ ด้วยการเปิดตัว Xiaomi 14 Series ทั่วโลก อุปกรณ์ IoT ใหม่ๆ และการเปิดตัวรถยนต์ Xiaomi SU7 ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนและเชื่อมต่อด้วย Xiaomi HyperOS

Xiaomi Pad 6S Pro 12.4 จอใหญ่ขึ้น

Xiaomi Pad 6S Pro หน้าจอใหญ่ 12.4 นิ้ว จอแสดงผล 144Hz 3K มีอัตราส่วนอยู่ที่ 3:2 ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการอ่านและการใช้งานมัลติมีเดียต่างๆ มีความละเอียด 3048 x 2032 และ 294 พิกเซลต่อนิ้ว (PPI) มอบความคมชัดที่ไม่มีใครเทียบเพื่อการใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านข้อความที่ดีที่สุดไปจนถึงการแก้ไขภาพที่มีความละเอียดสูง หรือดื่มด่ำไปกับเกมใหม่ล่าสุด และยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่แข็งแกร่งขนาด 10000mAh (typ) ชาร์จเร็ว HyperCharge 120W

ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 2 ขนาด 4 นาโนเมตร Xiaomi Pad 6S Pro 12.4 จึงให้ตัวอุปกรณ์มาพร้อมความเร็วและประสิทธิภาพอันลื่นไหล ประกอบไปด้วย Home screen+, การทำงานร่วมกันข้ามอุปกรณ์ และ Xiaomi Smart Hub ยกระดับการเชื่อมต่อระหว่างกันขึ้นไปอีกระดับ

  • Home screen+ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถโต้ตอบกับสมาร์ทโฟนได้โดยตรงจากอินเทอร์เฟซของแท็บเล็ต ไม่ว่าจะเป็นการตอบข้อความหรือรับสาย ในขณะที่ฟังก์ชั่นภาพถ่ายแอป Notes ข้ามอุปกรณ์ (Cross-device Notes) สามารถใช้กล้องสมาร์ทโฟนจับภาพและฝังภาพลงในเนื้อหาบน Notes บนแท็บเล็ตได้โดยตรง
  • Xiaomi Smart Hub สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้สูงสุดเจ็ดเครื่องพร้อมกัน รวมถึงผลิตภัณฑ์ AIoT ต่าง ๆ ของเสียวหมี่

นอกจากนี้ Xiaomi Pad 6S Pro 12.4 ยังมาพร้อมฟังก์ชันการแตะเพื่อแชร์การเปิดใช้งาน NFC ที่ช่วยลดความยุ่งยากในการแชร์ไฟล์ ทั้งนี้สำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ โหมดผู้กำกับ (Director Mode) ในแอปกล้องจะเปลี่ยนแท็บเล็ตของให้เป็นเครื่องมือระดับมืออาชีพที่เชื่อมโยงกับสมาร์ทโฟนเพื่อบันทึกภาพ

อุปกรณ์เสริมที่น่าสนใจ

Xiaomi Pad 6S Pro 12.4 มาพร้อมกับปากกา Xiaomi Focus Pen และคีย์บอร์ดทัชแพด Xiaomi Pad 6S Pro Touchpad Keyboard ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการเปลี่ยนอุปกรณ์ของคุณให้เป็นสุดยอดเวิร์กสเตชันแบบพกพาได้ และยังเป็นครั้งแรกที่คีย์บอร์ดทัชแพด Xiaomi Pad 6S Pro Touchpad Keyboard นำเอาทัชแพดมาช่วยเพิ่มความสามารถของผู้ใช้ในการเลือกไฟล์และจัดการงานตัดต่อวิดีโอที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ปากกา Xiaomi Focus ที่ได้รับการออกแบบมาใหม่ มีความไวต่อแรงกดถึง 8192 ระดับ และอัตราการตอบสนองถึง 240Hz ซึ่งจะช่วยรับประกันประสบการณ์การเขียนที่ไม่มีใครเทียบได้ มาพร้อมกับปุ่ม Spotlight แบบมัลติฟังก์ชั่นที่ช่วยขยายฟังก์ชันการทำงานได้นอกเหนือจากเพียงการเขียน แต่ยังสามารถถ่ายภาพและจดบันทึกได้อย่างรวดเร็ว

Xiaomi Smart Band 8 Pro

Xiaomi Smart Band 8 Pro มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ 1.74 นิ้ว พร้อมอัตราการรีเฟรช 60Hz ความละเอียด 336×480 พิกเซล ตัวอุปกรณ์มีความบางและเบาอย่างไม่น่าเชื่อ บางเพียง 9.99 มม. และหนักเพียง 22.5 กรัมเท่านั้น

นอกจากนี้ตัวอุปกรณ์นั้นยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์วัดแสงที่รองรับการปรับความสว่างของแสงโดยรอบแบบอัตโนมัติ เพื่อคุณให้มั่นใจได้ว่าหน้าจอแสดงผลจะยังคงมองเห็นได้ง่ายในสภาพแสงต่างๆ

มาพร้อมกับสายรัดแบบปลดเร็วทั้งสองด้านของตัวสาย ช่วยให้สามารถเปลี่ยนสายรัดได้ง่ายมากยิ่งขึ้น วางจำหน่ายในสี black และ silver ตัวอุปกรณ์มาพร้อมด้วยวัสดุและสีของสายรัดอันหลากหลายเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกปรับแต่งได้อย่างเต็มที่

การติดตามกีฬาระดับมืออาชีพ

Xiaomi Smart Band 8 Pro มาพร้อมการติดตามกีฬาระดับมืออาชีพด้วยโหมดกีฬาที่มีให้เลือกกว่า 150 โหมด เหมาะสำหรับตัวเลือกการออกกำลังกายที่หลากหลายและความชอบของแต่ละบุคคล ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการวิ่ง ฟังก์ชันการวิ่งอัจฉริยะจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าความเร็วการวิ่งที่ต้องการก่อนวิ่งได้ พร้อมการแจ้งเตือนอัตราการก้าวเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ มีคอร์สการวิ่งถึง 10 คอร์สที่ช่วยให้คำแนะนำการวิ่งเชิงวิทยาศาสตร์ที่ใช้งานง่ายในระหว่างออกกำลังกายอีกด้วย

สายรัดข้อมืออัจฉริยะมาพร้อมกับฟังก์ชันการตรวจสอบสุขภาพอัปเกรดโมดูลตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ 4 ช่องทางแบบใหม่ล่าสุด ซึ่งใช้เทคโนโลยีขั้นสูงโดยใช้เซ็นเซอร์หลายตัวเพื่อตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน พร้อมทั้งยังบันทึกข้อมูลสุขภาพแบบเรียลไทม์อีกด้วย

แบตเตอรี่ใช้งานสูงสุด 14 วัน

Xiaomi Smart Band 8 Pro มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 289mAh ซึ่งมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น 23% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ใช้งานทั่วไปนานสูงสุดถึง 14 วัน รับประกันการใช้งานได้ที่ยาวนานโดยไม่ต้องชาร์จซ้ำบ่อยๆ สายรัดข้อมืออัจฉริยะยังมีการระบุตำแหน่ง GNSS ในตัว ทำให้ผู้ใช้สามารถทราบตำแหน่งของตนได้แม้ว่าจะไม่มีโทรศัพท์ก็ตาม

Xiaomi Watch S3

Xiaomi Watch S3 มาพร้อมหน้าจอแสดงผล AMOLED ทรงกลมขนาดใหญ่ 1.43 นิ้วพร้อมกรอบอะลูมิเนียมอัลลอยด์น้ำหนักเบาสะท้อนดีไซน์นาฬิกาสุดคลาสสิก สายรัดสามารถเปลี่ยนได้ โดยสามารถบิดขอบหน้าปัดและล็อคให้เข้าที่ นอกจากนี้ตัวอุปกรณ์ยังรองรับการคีย์ข้อมูลในแนวตั้งโดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้สามารถใส่ข้อมูลลงในภาพถ่ายแนวตั้งของตนเพื่อสร้างหน้าปัดนาฬิกาส่วนบุคคลที่ไม่ซ้ำใคร

ระบบ Xiaomi HyperOS อันทรงพลัง ให้การเชื่อมต่อที่เร็วขึ้นและซิงโครไนซ์ข้อมูลที่ดีขึ้น ตัวอุปกรณ์มาพร้อมอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานเป็นพิเศษซึ่งสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 15 วัน นอกจากนี้ยังสามารถชาร์จเร็วได้โดยสามารถใช้งานได้นานสูงสุด 2 วันด้วยการชาร์จเพียง 5 นาที ทั้งนี้ผู้ใช้ยังสามารถปลดล็อคอุปกรณ์เสียวหมี่อื่นๆ ได้ก่อนบน Xiaomi Watch S3 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดำเนินการต่างๆ ได้ด้วยมือเดียว ควบคุมโทรศัพท์โดยการพลิกข้อมือหลายแบบๆ เพื่อ ปฏิเสธสาย ตรวจสอบสภาพอากาศ หรือถ่ายรูปได้อีกด้วย

สำหรับการติดตามกีฬา Xiaomi Watch S3 นั้นก็มาพร้อมกับโหมดกีฬามากกว่า 150 โหมดให้ผู้ใช้เลือก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโหมดกีฬาฤดูหนาวรุ่นใหม่ที่เปิดให้ใช้งานเป็นครั้งแรกใน Xiaomi Watch S3 เวอร์ชันสากล โดยผู้ใช้สามารถสัมผัสประสบการณ์โหมดสกีได้ดีที่สุดด้วยประสิทธิภาพการรับสัญญาณเสาอากาศที่ได้รับการปรับปรุงแล้วพร้อมความแม่นยำของตำแหน่งผ่าน L1+L5 dual-band GNSS ซึ่งวางตำแหน่งที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น

Xiaomi Watch S3 ยังมีความสามารถในการติดตามสุขภาพขั้นสูงอีกด้วย โดยมาพร้อมโมดูลติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ 12 ช่องสัญญาณที่วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้แม่นยำกว่าอุปกรณ์รุ่นก่อนๆ อุปกรณ์นี้ยังมีฟังก์ชันบอกประเภทของสัตว์ที่นอนหลับ (sleep animal function) เพิ่มเข้ามาอีกด้วย โดยหลังจากสวมสมาร์ทวอชเป็นเวลาเจ็ดวันติดต่อกัน สมาร์ทวอชจะบอกประเภทของการนอนหลับของคุณตามสัตว์ประเภทต่างๆ ที่แสดงถึงสภาพการนอนหลับของผู้ใช้โดยอิงตามรูปแบบการนอนทั้ง 7 วัน

Xiaomi Watch 2

Xiaomi Watch 2 มาพร้อมกับ Google Wear OS มีแอปที่ใช้บ่อยที่สุด 5 แอปและรองรับแอปของบุคคลที่สามอีกกว่า 200 แอป ทำให้ผู้ใช้มีแอปให้เลือกใช้มากมาย ทั้งนี้ Xiaomi Watch 2 นั้นขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon W5+Gen 1 ด้วยสถาปัตยกรรมสองแกนหลักช่วยให้ตัวอุปกรณ์สามารถสวิตช์แบบอัตโนมัติทำให้มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานน้อยลง โดยมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานสูงสุดถึง 65 ชั่วโมงตามการใช้งานทั่วไปด้วยแบตเตอรี่ 495mAh และพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ 32GB24

มาพร้อมหน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 1.43 นิ้ว และกรอบกลางอะลูมิเนียมอัลลอยด์ สมาร์ทวอทช์เรือนนี้มีน้ำหนักประมาณ 37 กรัม ให้คุณได้สามารถสวมใส่ได้อย่างสบายขณะเล่นกีฬาหรือขณะนอนหลับ มีสายสองสีให้เลือกระหว่าง black และ silver และยังมีตัวเลือกวัสดุให้เลือกอีกหลากหลายเพื่อเสริมลุคของคุณ

Xiaomi Watch 2 ยังมาพร้อมฟังก์ชันรีโมทกล้องเป็นครั้งแรก ทำให้ผู้ใช้สามารถดูตัวอย่างของภาพถ่ายจากกล้องมือถือของตนเองได้โดยตรงบนข้อมือของคุณเพื่อการถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอ ซึ่งฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ

รับโหมดกีฬามากกว่า 160 โหมด รวมถึงโหมดกีฬาฤดูหนาวรุ่นใหม่ ล่าสุดที่สามารถบันทึกระยะทางและความเร็วเฉลี่ยของแต่ละการร่อนหรือแม้แต่สร้างแผนที่เส้นทางสกีได้อีกด้วย สำหรับ L1+L5 dual-band GNSS นั้นช่วยให้ผู้ใช้สามารถระบุตำแหน่งของตัวเองในหิมะหรือสภาพแวดล้อมที่ท้าทายอื่นๆ ได้อย่างแม่นยำ เสียวหมี่ได้ขยายความร่วมมือไปยัง Suunto บน Xiaomi Watch 2 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถซิงโครไนซ์ข้อมูลกีฬาและการนอนหลับระหว่าง Mi Fitness กับแอปเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย

Xiaomi Watch 2 มาพร้อมการตรวจติดตามสุขภาพที่แม่นยำและดีขึ้นด้วยโมดูลตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ 12 ช่องที่ได้รับการอัปเกรดแล้วเช่นกัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมอัลกอริธึมการตรวจติดตามการนอนหลับที่ได้รับการปรับปรุงซึ่งจะรวมข้อมูลออกซิเจนในเลือดและลมหายใจเพื่อการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้แอป Mi Fitness เองยังมีฟีเจอร์ Sleep Animals ที่น่าสนใจอีกด้วย โดยหลังจากสวมนาฬิกาเป็นเวลาเจ็ดวันติดต่อกัน มันจะสร้าง “ประเภทการนอนหลับของสัตว์ (Sleep Animal)” ที่จะบอกประเภทของการนอนหลับของคุณตามสัตว์ประเภทต่างๆ ที่แสดงถึงสภาพการนอนหลับของผู้ใช้โดยอิงตามรูปแบบการนอนทั้ง 7 วันอีกด้วย

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Pornpimol Kulab

Faculty of Mass Communication,
Chiangmai University