in ,

รีวิว – SONY SRS-BTX300 ลำโพงไร้สายที่สมบูรณ์แบบ

ถึงแม้ว่า iPhone 5s จะสมบูรณ์แบบในเกือบทุกกรณี แต่สำหรับคุณภาพเสียงเพื่อความบันเทิงแล้ว ยังไงเราก็ต้องยอมรับว่าไม่มีทางที่จะสู้ลำโพงวัตต์สูง ๆ ได้ และนั่นจึงเป็นที่มาของการหาลำโพงไร้สายเจ๋ง ๆ ซักเครื่องเพื่อมาใช้กับ iDevice ของเรานั่นเอง !!!

ขอแนะนำลำโพงไร้สายจาก Sony กับรุ่น SRS-BTX300

Review-SONY-SRS-BTX300 (1)

Review-SONY-SRS-BTX300 (2)

ตัวอุปกรณ์รองรับ iPhone, iPad, Smartphone, Tablet รวมถึง Mac และ PC อะไรที่มี Bluetooth สามารถใช้ได้เลยไม่ต้องกลัว (ไม่มีก็ใช้ได้นะ เพราะมันมีแจ็ค 3.5 มม. ด้วย)

Review-SONY-SRS-BTX300 (3)

ฟีเจอร์ข้างกล่องกล่าวถึงระบบเสียงซึ่งก็ดูดีใช้ได้เลยทีเดียว

Review-SONY-SRS-BTX300 (4)

แกะมาในกล่องจะมีคู่มือและใบรับประกันตามปกติ ส่วนอุปกรณ์นั้นจะประกอบด้วย

  • ลำโพง SONY SRS-BTX300
  • ที่ชาร์จไฟบ้าน
  • ซองกันกระแทกเฉพาะรุ่น

Review-SONY-SRS-BTX300 (5)

ซองกันกระแทกวัสดุคล้าย ๆ กับ Softcase ของ Notebook ซึ่งมันก็ตอบโจทย์มากเลยทีเดียว เพราะผมไม่ต้องการให้อุปกรณ์มันเป็นรอยกับสิ่งของในกระเป๋า

Review-SONY-SRS-BTX300 (6)

ขนาดของ SONY SRS-BTX300 อยู่ประมาณ 341มม. x 115 มม. x 58.5 มม. (อารมณ์ประมาณพก Netbook หรือ iPad เพิ่มอีกเครื่อง) ส่วนน้ำหนักอันนี้มากหน่อยอยู่ที่ 1,600 กรัม

Review-SONY-SRS-BTX300 (7)

รองรับ Bluetooth และ NFC (น่าเศร้าที่อย่างหลัง Apple ดันไม่รองรับ) ส่วนจุดเด่นอีกจุดที่หลายแบรนด์ไม่มีคือ “มันรับสายได้” เนื่องจากมีไมค์อยู่ในตัวอุปกรณ์นั่นเอง

สำหรับการฝังไมค์ลงไปนั้นดูเหมือนจะง่าย แต่ก็ไม่ง่ายเพราะโดยธรรมชาติเสียงที่ออกจากลำโพงก็จะต้องเข้าไมค์ และตรงนี้ทาง SONY เองก็ทำการบ้านมาดีครับเพราะไม่มีเสียงรบกวนแม้แต่น้อยเลย ตัวระบบเหมือนจะตัดไปโดยอัตโนมัติ

Review-SONY-SRS-BTX300 (8)

ด้านข้างนี่เป็นอีกจุดที่ผมชื่นชอบมาก เป็นดีไซน์ที่ซ่อนปุ่มไว้ด้านในแถมวัสดุก็เป็นอลูมิเนียม ทำให้ดูดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก ไม่ผิดหวังเลยที่ได้ชื่อแบรนด์ SONY

ขาตั้งอันนี้สามารถพับเก็บได้ครับ (เป็นแม่เหล็ก) และทาง SONY พิถีพิถันในการออกแบบมาก คือเมื่อพับขาตั้งเก็บเครื่องจะปิดโดยอัตโนมัตินั่นเอง

Review-SONY-SRS-BTX300 (9)

ด้านบนก็เป็นปุ่มปรับเสียงและปุ่มรับ/วางสายโทรศัพท์ เพราะบางทีหากเราชาร์จมือถือไว้อยู่อีกมุมของห้อง ส่วนลำโพงเราไว้หัวเตียงก็ช่วยให้เราสามารถรับสายได้อย่างสะดวก หรือจะรับสายบนมือถืออันนี้ก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน

Review-SONY-SRS-BTX300 (10)

ลองได้เปิดเครื่องเห็นไฟแล้วกรี๊ดแตกเลยครับ ออกแบบมาได้สง่างามมาก ๆ ตามสไตล์ของ SONY ยิ่งทำให้ดูล้ำ ๆ ขึ้นไปอีก นี่ตกลงมันมาจากโลกอนาคตหรืออย่างไรครับเนี่ย

Review-SONY-SRS-BTX300 (11)

พอร์ทด้านหลังก็มีช่องสำหรับ Audio In เผื่อบางทีต่อกับ PC หรือเครื่องเล่น MP3 ที่มันไม่มี Bluetooth ช่องถัดไปเป็น Bluetooth Standby, Reset และเด็ดสุด ๆ เลยก็คือช่องสำหรับ USB !!!

แต่อย่าเข้าใจผิดคิดว่าเอาแฟลชไดว์มาเสียบเล่นเพลงเหมือนเครื่องจีนแดงได้นะครับ ห้ามทำแบบนั้นเด็ดขาดเพราะนอกจากจะละเมิดลิขสิทธิ์เพลง แถมยังไร้รสนิยม หาใช่ SONY สไตล์ไม่ เพราะแท้จริงแล้วมันคือ DC Out USB ครับ

Review-SONY-SRS-BTX300 (12)

DC Out USB คืออะไร? ก็คือช่องสำหรับจ่ายไฟเพื่อชาร์จอุปกรณ์เช่นเดียวกับ Power Bank ทั้งหลายในตลาดนั่นแหล่ะครับ จะได้เอาไว้ฟังเพลงต่อเนื่องซึ่งผมว่ามันก็สะดวกดี (ไม่ต้องพก Power Bank แยกต่างหากอีก)

Review-SONY-SRS-BTX300 (13)

ขนาดเมื่อเทียบกับ iPhone 5 ของทีมงาน ถือว่าใหญ่ใช้ได้เหมือนกันแต่ก็ยังเพียงพอที่จะใช้ย้ายไปไหนมาไหนได้

Review-SONY-SRS-BTX300 (14)

ขอถ่ายอีกมุมกับน้อง iPhone 5 เครื่องนี้ มันช่างดูดีเหมาะสมกันจริง ๆ นะผมว่าราคาที่จ่ายไปไม่เรียกว่าแพงเลย เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้มา

Review-SONY-SRS-BTX300 (15)

ทดสอบ Pair กับ Bluetooth ของ iPhone 5 ก็ปกติดีครับ อ้อ … ลืมบอกไปว่า Bluetooth ของ SONY SRS-BTX300 เป็นเวอร์ชั่น 3.0 นะครับ ประหยัดแบตเตอรี่ค่อนข้างมากเลยทีเดียวซึ่งแบตเตอรี่ก็ใช้ได้นานถึง 8 ชม.

Review-SONY-SRS-BTX300 (16)

กำลังขับรวม 20 วัตต์ พร้อมลำโพงแบบ Passive Radiator ที่เพิ่มเบสให้หนักแน่น (เท่าที่ผมรีวิวพื้นโต๊ะสะเทือนเลย) และยังมีเทคโนโลยีช่วยในเรื่องของคุณภาพเสียง อย่าง S-Master Digital Amplifier ทำให้คุณภาพเสียงสมบูรณ์แบบใกล้เคียงกับต้นฉบับ และเทคโนโลยี DSEE ที่ช่วยชดเชยรายละเอียดไฟล์เพลงดิจิตอลให้สมบูรณ์

Review-SONY-SRS-BTX300 (17)

เมื่อเปิดเพลง วีดีโอ หรือแม้กระทั่ง Youtube ก็ตามจะขึ้นสัญลักษณ์ Airplay ให้เลือกว่าจะเล่นเสียงกับลำโพง iPhone หรือว่า SONY SRS-BTX300 ซึ่งในภาพผมทดลองเล่น MV จาก Youtube ครับ

และถึงแม้ไฟล์เสียงที่นำมาเล่นจะคุณภาพต่ำแต่ด้วยเทคโนโลยีของ SONY ที่มี Digital Sound Enhancement Engine ทำให้คุณภาพเสียงโดยรวมนั้นดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวก 128kbps อันนี้ก็เล่นได้เทพมากแล้วครับ (ลืมบอกไปว่าตัวนี้เล่นไฟล์ ACC ได้ด้วยนะ)

โทนเสียงที่ได้จาก SONY SRS-BTX300 ออกแนวกังวาลสามารถฟังได้แบบโปร่ง ๆ ครับ ส่วนเบสนั้นมาเป็นลูกเลยทีเดียว เรียกได้ว่าต้นฉบับมาแย่แค่ไหนตัว SONY SRS-BTX300 จะพยายามปรุงแต่งให้เสียงออกมาไพเราะสำหรับคนทั่ว ๆ ไป (คนที่ฟังแนวเฉพาะทางมาก ๆ อาจจะไม่ชอบ)

Review-SONY-SRS-BTX300 (18)

การโทรก็เช่นเดียวกันครับ สามารถเลือกได้ว่าจะให้เสียงออกจากอุปกรณ์ไหน และเท่าที่ทดสอบดูก็สามารถตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ดีมากเลยทีเดียว เหมาะสำหรับใช้งานจริงมาก ๆ ครับ

Review-SONY-SRS-BTX300 (19)

พิเศษขึ้นไปอีก !!! สาวก Apple อย่าได้เสียใจไป เพราะหากคุณมีอุปกรณ์ระบบปฏิบัติการใด ๆ ก็ตามที่มี NFC จะสามารถใช้งาน SONY SRS-BTX300 ได้สะดวกขึ้นไปอีก เพราะเพียงแค่แตะ NFC เพียงครั้งเดียวก็จะพร้อมใช้งาน โดยไม่จำเป็นต้องกดเปิดเครื่องหรือเปิด Bluetooth ให้เสียเวลาเลย (แต่ครั้งแรกต้องมีการ Pair ก่อนนะ)

เพื่อให้เกิดความมั่นใจดังนั้นมือถือที่ผมใช้ต่อ NFC กับ SONY SRS-BTX300 จะเป็นของแบรนด์อื่นที่ไม่ใช่ SONY เพื่อให้ผู้อ่านมั่นใจได้ว่าสามารถใช้กับแบรนด์อื่นได้แน่นอน

สรุป

เป็นลำโพงไร้สายที่สมบูรณ์แบบและเหมาะกับการพกพาแบบไม่ต้องสงสัย เพราะกำลังเสียงของมันถึง 10W + 10W และยังสามารถสนทนาได้อีก มีฟีเจอร์เด็ด ๆ อย่างการชดเชยคุณภาพเสียงดิจิตอล และการเชื่อมต่อผ่าน NFC ดังนั้นราคานี้ไม่แพงเลย สำหรับเสียงที่ได้ขอบอกได้เลยว่าดีกว่าลำโพงคอมฯ ที่ขายใน iStudio หลาย ๆ ตัวเสียอีก (ขอไม่บอกชื่อแบรนด์นะครับ)

SONY SRS-BTX300 มีจำหน่ายตามร้าน IT ชั้นนำทั่วไป Sony Store, Sony Center และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายของโซนี่ทุกสาขา ราคา 5,990 บาท

เหมือนเดิมสำหรับใครที่มีคำถามสงสัยหรืออยากให้ทดสอบเพิ่มเติม สามารถทิ้งคำถามไว้ได้ใต้รีวิวนี้หรือติดต่อผู้เขียนรีวิวได้ที่ Twitter @yugioh2500

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย yugioh2500

หากตรงไหนแปลหรือเขียนผิดสามารถชี้แนะได้ครับ
ติดต่อ-สอบถาม-พูดคุย-แลกเปลี่ยนกันได้ที่
Twitter: @yugioh2500

3 Comments

  1. ผมว่าลำโพง Sony ยังออกแบบมาได้ไม่เนียนเท่าไร ซึ่งถ้ามาสู้พวก JBL หรือ Bose ในราคาที่ใกล้กันคิดว่ายังหางกันพอสมควรเลยครับ

    ผมค่อนชอบ Bose Soundlink Mini ตัวนี้เหมือนกันแต่ว่าอยากรู้ว่ารีวิวมันจะเทียบกันได้เปล่า
    http://www.overclockzone.com/forums/showthread.ph