ปัจจุบันยุคสมัยเปลี่ยนไป ความต้องการใช้งานของคนก็เปลี่ยน จากเดิมที่ใครต่อใครมักจะเน้นพกโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียว โดยหน้าที่หลัก ๆ คือใช้โทรและรับสาย จำได้ว่าแต่ก่อนเลือกมือถือดูแค่ว่าเสียงชัด เครื่องทนทานเป็นอันจบ แต่ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว หน้าที่ของโทรศัพท์นั้นเปลี่ยนไป คือต้องสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ ทำงานหลาย ๆ อย่างแทนคอมพิวเตอร์ตัวนึงเลย และแน่นอนว่าปัจจุบันหลาย ๆ คนไม่ได้พกเพียงมือถือเพียงเครื่องเดียวแล้ว แต่ยังมี Tablet, Net Book, Air card และอุปกรณ์อื่น ๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย เพื่อตอบสนองความต้องการที่จะใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา
ซึ่งจะดีแค่ไหนถ้าหากเราสามารถใช้เบอร์เดียวกัน โปรโมชั่นเดียวกัน แล้วสามารถเล่นอินเทอร์เน็ตได้ทุกเครื่องพร้อมกันโดยไม่ต้องเสียเวลาแกะเปลี่ยนซิม นั่นจึงเป็นที่มาของ Multi SIM
มาทำความรู้จึก Multi SIM กันก่อน
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเรื่อง Multi SIM กันก่อน นั่นก็คือหมายความว่าเราสามารถมีซิมการ์ดหลาย ๆ ใบ (สูงสุดถึง 5 ใบ) โดยแน่นอนว่าทั้งหมดเป็น “เบอร์เดียวกัน” ซึ่งการใช้งาน Voice (โทรออก-รับสาย) สามารถใช้ได้เพียงแค่ใบเดียว ซึ่งเราเรียกใบนั้นว่า “ซิมหลัก” โดยเราสามารถเปลี่ยนซิมใบไหนให้เป็นซิมหลักก็ได้ด้วยตัวคุณเอง วันละกี่ครั้งก็ได้ ไม่ต้องไปที่ศูนย์บริการ เพียงแค่กด *100# บนเครื่องที่ใส่ซิมที่คุณต้องการให้เป็นซิมหลัก จากนั้นรอเพียงไม่กี่วินาทีระบบก็จะแจ้งกลับมาว่าพร้อมใช้งาน (ไม่เสียค่าบริการ)
แล้วซิมที่เหลือล่ะ ทำได้แค่เสียบไว้เฉย ๆ หรือ?
ซิมที่เหลือนอกจากจะเสียบไว้ที่อุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อรอการเปลี่ยนสถานะเป็นซิมหลักแล้ว ยังสามารถใช้งาน 3G/EDGE+ ได้ตามปกติทุกซิมพร้อมกันได้ ซึ่งแน่นอนว่าใช้โปรโมชั่น 3G ร่วมกับซิมหลัก
Multi SIM เหมาะกับใคร?
ก็อาจจะเป็นคนทำงาน นักธุรกิจ หรือ ใครที่นิยมซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ ๆ แล้วสลับกันใช้งาน คงจะสะดวกไม่ใช่น้อยเพราะไม่ต้องมาสลับเครื่องเพื่อเปลี่ยนซิม เพราะมือถือเดี๋ยวนี้ยิ่งเปลี่ยนซิมยาก ๆ อยู่ เช่น iPhone เป็นต้น อีกทั้งจะต้องแกะเคสหรืออะไรอีก วุ่นวายชะมัด หรืออาจจะใช้เป็นเครื่องสำรองกรณีเครื่องนึงแบตฯ หมด เพราะปัจจุบัน Smart Phone แบตฯ หมดไวมาก ๆ ยิ่งถ้าลูกค้าติดต่อเราไม่ได้จนเป็นเหตุทำให้ต้องสูญเสียโอกาสสำคัญๆ ไปคงจะแย่
ความรู้สึกเมื่อได้ทดลองใช้งาน 3G Multi SIM
ก็รู้สึกว่ามันสามารถใช้งานได้สะดวกดี การเปลี่ยนซิมหลักสามารถใช้งานได้ง่ายเอามาก ๆ และเร็วดีด้วย เหมาะสำหรับคนที่มีอุปกรณ์หลาย ๆ เครื่องจริง ๆ เพราะปกติผมก็ต้องเติม 3G ในทุก ๆ เครื่องอยู่แล้ว การเอามันมารวมกันทำให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องเบอร์หลักของเราจะแบตฯ หมดและต้องแกะเปลี่ยนซิมบ่อย ๆ บางคนอาจจะกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่มันเพิ่มขึ้น แต่แน่นอนว่ามันต้องเพิ่มขึ้นอยู่แล้วแต่มันก็ทำให้ เราสามารถใช้ 3G สูงสุดได้ในปริมาณที่มากขึ้นจุใจเหมาะกับคน IT อย่างเราๆ นี่เองครับ
มาลองเปรียบเทียบแพ็กเกจและค่าใช้จ่ายกัน
– 3G Multi SIM ค่าบริการซิมการ์ดใบละ 50 บาท (จ่ายครั้งเดียว)
– ค่าบริการรายเดือน 20 บาท/เดือน (จ่ายทุกเดือน ไม่ว่าจะมีกี่ซิมการ์ด)
ด้านบนเป็นแพ็กเกจ 3G แบบไม่จำกัดของ iPhone ที่เรานิยมสมัครกัน แต่บางคนก็มีโปรโมชั่นของตัวเองอยู่แล้ว จะซื้อเป็นแพ็กเกจเสริม 3G/EDGE+ ก็ว่ากันไป (ใช้ได้เหมือนกัน)
เพื่อความเข้าใจง่าย ยกตัวอย่างหากใช้แเพ็กเกจเสริม 3G/EDGE+ 799 บาทซึ่งแพ็กเกจ 799นี้สามารถใช้ 3G/EDGE+ ไม่จำกัด (3G ความเร็วสูงสุด 3GB) พร้อมกับ WiFi AIS ไม่จำกัด แต่หากผมต้องการใช้บริการซิมเสริมเพิ่มอีก 2 ใบ (รวมกับซิมหลักเป็น 3 ใบ) เพื่อใช้กับ iPhone, Android และ iPad ของผม เพียงแค่จ่าย 799 + 300 + 350 = 1,449 บาทต่อเดือน ผมก็สามารถใช้ทั้ง 3 อุปกรณ์ความแบบไม่จำกัดความเร็ว 3G สูงสุดถึง 5GB (จากเดิมที่ได้เพียงแค่ 3GB)
หรือถ้าหากให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ AIS เอาแพ็กเกจราคา 350 บาท ที่ใช้ 3G/EDGE+ ได้ 1 GB มาขายเพิ่มให้กับ Multi SIM แต่ละใบ ๆ นั่นเอง โดยใช้กี่ใบก็บวกเพิ่มไปใบละ 350 บาท (แต่ซิมเสริมใบที่ 1 ลดให้เหลือแค่ 300 บาท) ทำให้ขอบเขตจำนวน 3G สูงสุดแบบที่ยังไม่จำกัด เพราะว่าแต่ละคนใช้ปริมาณอินเทอร์เน็ตของแต่ละอุปกรณ์ไม่เท่ากัน อย่างผมชอบดู Youtube ผ่าน iPad มากที่สุด เดือนนึงปริมาณข้อมูลนั้นต้องเกิน 4GB แน่นอน ซึ่งก็จะได้ประโยชน์จากส่วนนี้เอามากๆ
สำหรับ Wifi สามารถใช้งานได้ทั่วประเทศ ทั้ง AISwifi, 3BB_Wifi, 3BB_Hotspot และ cyberpoint โดยในช่วงเวลาเดียวกัน สามารถใช้งานได้ครั้งละ 1 ซิม ขอรับ Username และ Password โดยกด *388# แล้วโทรออก
*หลังจากการใช้งาน 3G ครบตามปริมาณที่กำหนด สามารถเล่นเน็ตได้ไม่จำกัด ความเร็วสูงสุด 64 Kbps
การเปลี่ยนสถานะให้เป็นซิมหลักก็ไม่ยากเพียงแค่กด *100# แล้วโทรออก
จากนั้นรอเพียงไม่กี่วินาทีเพื่อให้ระบบดำเนินการ
ซิมการ์ดพร้อมใช้งานแล้วครับ เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งาน Voice (โทรออก-รับสาย) กับเครื่องนี้ได้แล้ว
สำหรับอีกเครื่องนึงของผมที่เป็น Android โดยใส่ซิมเสริมอยู่ไม่สามารถใช้งาน Voice (โทรออก-รับสาย) แต่ก็ยังสามารถใช้งาน Internet ผ่าน 3G ของ AIS ได้ตามปกติ แต่ถ้าหากผมใช้งาน iPhone จนแบตฯ หมดหรือลืมเครื่องไว้บ้านก็สามารถเปลี่ยน Android ให้เป็นซิมหลักได้ โดยวิธีการเดียวกับด้านบนคือกด *100# แล้วโทรออก บนเครื่อง Android ของผม
แต่คำถามคือถ้าหากเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแล้วงงล่ะ ไม่ทราบว่าเครื่องไหนเป็นซิมหลักอยู่ ไม่ต้องกลัวหยิบผิดหยิบถูกหรือมานั่งเช็คโทรออกทีละเครื่องให้เสียเวลา เพียงกด *101# เพื่อเช็คสถานะกับเครื่องที่มีซิมนั้นอยู่ว่าเป็นซิมหลักหรือไม่
เนื่องจากเมื่อกี้ผมได้แอบเปลี่ยนสถานะซิมใน Android ของผมให้เป็นซิมหลักไปแล้ว พอมากดเช็คกับ iPhone จะขึ้นแบบนี้ นั่นก็หมายความว่าซิมที่ใส่อยู่นี้ไม่ได้อยู่ในสถานซิมหลัก เป็นแค่ซิมรองสามารถใช้งาน 3G ได้เพียงอย่างเดียว
แต่ถ้ากดเช็คแล้วขึ้นสถานะแบบนี้แสดงว่าเครื่องนี้สถานะซิมการ์ดเป็นซิมหลักอยู่สามารถใช้งาน Voice (โทรออก-รับสาย) ได้
สำหรับ Multi SIM สามารถเอาไปใช้งานกับ iPad, Tablet, Netbook, Aircard ได้ด้วยนะ (เพียงแต่ว่ามันเปลี่ยนสถานะเป็นซิมหลักเพื่อโทรไม่ได้) สำหรับคนที่ต้องการใช้ 3G ในทุกอุปกรณ์ และไม่ต้องเปิดโปรโมชั่นและแยกบิลจ่าย
เงื่อนไขการใช้บริการ
- แพ็กเสริมนี้ ใช้ได้ทั้งลูกค้าเอไอเอส ในระบบจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ และ ในระบบวันทูคอล! โดยลูกค้าวันทูคอล! สามารถใช้งานได้สูงสุดซิมเสริมใบที่ 3 เท่านั้น
- แพ็กเกจนี้ สำหรับการใช้งานภายในประเทศเท่านั้น (ไม่รวมค่าบริการรับ-ส่งข้อมูลขณะอยู่ต่างประเทศ Data Roaming)
- กรณีที่ใช้งาน 3G/EDGE+ แบบคิดตามปริมาณการใช้งาน อัตราค่าบริการคิดขั้นต่ำ 16 KB
- รับสิทธิ์นาน 6 รอบบิล
- อัตราค่าบริการดังกล่าว ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
- สำหรับการใช้งาน Wifi กรุณากด*388# โทรออก เพื่อรับ Username และ Password รายละเอียดเพิ่มเติม www.ais.co.th/Wifi
หมายเหตุ
- ค่าบริการในการโทร และการใช้บรอการเสริมต่าง ๆ ของซิมการ์ดทุกใบ จะถูกรวบรวมอยู่ในใบเรียกเก็บค่าบริการเพียงใบเดียว
- ไม่มีค่าบริการใด ๆ ในการเปลี่ยนสถานะซิมการ์ด