Iphone 11 Pro Review Cover
in , , , , ,

รีวิว iPhone 11 Pro (Max) ครั้งแรกของ PRO ในตระกูล iPhone

iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2019 ที่งาน Apple Special Event September 2019 ซึ่งจัดที่ Steve Jobs Theater ใน Apple Park กำหนดการขายวันแรก 20 ก.ย. 2019 และเริ่มจำหน่ายในประเทศไทยวันแรกเมื่อ 18 ตุลาคม 2019 เรามาชมรีวิว iPhone รุ่นใหม่นี้กันครับว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง

รีวิว iPhone 11 Pro (Max) ครั้งแรกของ PRO ในตระกูล iPhone

ในบทความนี้จะขอรีวิวเฉพาะ iPhone 11 Pro Max เป็นหลักนะครับ เพราะว่าภาพรวมและประสิทธิภาพต่าง ๆ นั้นเหมือนกับ iPhone 11 Pro ทั้งหมด ต่างกันแค่ 3 จุดหลัก ๆ คือ หน้าจอที่ใหญ่กว่า, แบตเตอรี่ที่มากกว่าและราคาที่สูงกว่าเท่านั้นครับ ในส่วนรีวิว iPhone 11 นั้นขอแยกเป็นอีกบทความต่างหาก จะได้เห็นภาพกันชัดครับ

Iphone 11 Pro Max Space Gray 1011901
iPhone 11 Pro Max – Space Gray

หัวข้อในการรีวิวครั้งนี้

  1. ทำเนียบของ iPhone ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
  2. ภาพรวมของ iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max
  3. ข้อมูลทางเทคนิค iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max
  4. การวางตำแหน่งสายการผลิต iPhone
  5. 5 สิ่งที่ทำให้ iPhone 11 Pro เหมาะสมกับคำว่า Pro
  6. แกะกล่อง iPhone 11 Pro Max
  7. รีวิวฟีเจอร์ภาพรวมเด่น ๆ ของ iPhone 11 Pro
  8. ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง iPhone 11 Pro Max
  9. รีวิวสรุปจุดเด่นและจุดด้อย
  10. เลือกรุ่นไหนดีระหว่าง iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max
  11. ราคาและสถานที่จัดจำหน่าย

1. ทำเนียบของ iPhone ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

Iphone All Series Since 2007

ทำเนียบรุ่นของ Apple iPhone และปีที่เปิดตัวกันว่า ณ ปัจจุบันแล้วนับเป็นรุ่นที่เท่าไหร่กันแล้ว ทั้งนี้จะได้นำไปพิจารณาว่า iPhone รุ่นที่เรากำลังถืออยู่นี้มันนานแค่ไหนแล้วและถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนหรือยัง

  1. iPhone 2G – ปี 2007
  2. iPhone 3G – ปี 2008
  3. iPhone 3GS – ปี 2009
  4. iPhone 4 – ปี 2010
  5. iPhone 4S – ปี 2011
  6. iPhone 5 – ปี 2012
  7. iPhone 5s, 5c – ปี 2013
  8. iPhone 6, 6 Plus – ปี 2014
  9. iPhone 6s, 6s Plus – ปี 2015
  10. iPhone SE – ปี 2016
  11. iPhone 7, 7 Plus – ปี 2016
  12. iPhone 8, 8 Plus, X – ปี 2017
  13. iPhone XS, XS Max, XR – ปี 2018
  14. iPhone 11, 11 Pro, 11 Pro Max – ปี 2019

ถ้าข้อมูลด้านบนพบว่า iPhone 11, 11 Pro และ 11 Pro Max นั้นจัดว่าเป็นรุ่นที่ 14 ตั้งแต่ Apple เปิดตัว iPhone รุ่นแรกเมื่อปี 2007 (พ.ศ. 2550) หรือว่า 12 ปีมาแล้ว มาชมกันว่าใน iPhone 11 Pro และ 11 Pro Max รุ่นนี้ได้รับการอัปเกรดอย่างไรบ้างและน่าใช้งานหรือไม่ ไปติดตามพร้อมกันเลย

ส่วนรีวิว iPhone 11 ธรรมดานั้นสามารถดูได้เร็ว ๆ นี้ครับ

2. ภาพรวมของ iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max

ก่อนเริ่มต้นรีวิวขอแจ้งข้อมูลให้ผู้อ่านทราบก่อนว่า การเทียบรุ่นของ iPhone ปี 2018 และ 2019 นั้น จะเปรียบรุ่นกันตามนี้

  • iPhone 11 เทียบเท่ากับ iPhone XR
  • iPhone 11 Pro เทียบเท่ากับ iPhone XS
  • iPhone 11 Pro Max เทียบเท่ากับ iPhone XS Max

Iphone 2018 Vs Iphone 2019 Edited

ภาพรวมในการเปลี่ยนแปลงของ iPhone 11 Pro ทั้ง 2 รุ่นสรุปเป็นหัวข้อหลัก ๆ ดังนี้

  • ครั้งแรกของการใช้คำว่า Pro กับ iPhone
  • อัปเกรดใหม่ให้ระบบกล้องชุดใหญ่ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ
  • ชิป CPU A13 Bionic อัปเกรดความเร็วอาจจะไม่มากแต่การจัดการพลังงานดีเยี่ยม
  • แบตเตอรี่เพิ่มขึ้น
  • มีชุดชาร์จเร็วในกล่อง
  • หน้าจอ OLED แบบเดิมเพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยี Retina Display XDR
  • รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
  • เพิ่มสีใหม่ Midnight Green เข้าในในซีรีส์นี้
  • ตัด 3D Touch

ส่วนรายละเอียดลึก ๆ จะพูดถึงในหัวข้อต่อไปนะครับ จุดนี้แจ้งให้ทราบก่อนว่าในรุ่นนี้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงหลัก ๆ บ้างจะได้มองภาพใหญ่กันออกก่อนนะครับ

3. ข้อมูลทางเทคนิค iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max

Iphone 11 Spec Compare Export

ในรีวิวนี้จะขอนำรุ่น iPhone 11 Pro Max มาให้ชมเท่านั้น ส่วนรีวิว iPhone 11 จะแยกอีก 1 บทความนะครับ ต่อไปเรามาดูข้อมูลของการเปลี่ยนแปลงใน iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max มีสิ่งที่น่าสนใจพร้อมข้อมูลอื่น ๆ ดังนี้

  • ชิป CPU A13 Bionic เร็วกว่า A12 Bionic ใน iPhone XS ประมาณ 20%
  • Neural Engine รุ่นที่ 3
  • RAM 4GB เท่ากับรุ่นก่อนหน้า (iPhone XS ใช้ RAM 4GB)
  • หน้าจอ Super Retina XDR (OLED) ขนาด 5.8 นิ้วสำหรับ iPhone 11 Pro และขนาด 6.5 นิ้วสำหรับ iPhone 11 Pro Max
  • การแสดงผลแบบ True Tone
  • จอภาพขอบเขตสีกว้าง (P3)
  • ความสว่างสูงสุด 800 นิต (ทั่วไป) และ 1,200 นิต (HDR)
  • อัตราส่วนคอนทราสต์นั้นจะอยู่ที่ 2,000,000:1
  • วัสดุขอบตัวเครื่องผลิตจากสแตนเลสสตีลโดยกระจกหลังจะเป็นแบบผิวด้าน
  • iPhone 11 Pro ความละเอียดหน้าจอ 2,436 x 1,125 พิกเซลที่ 458 ppi
  • iPhone 11 Pro Max ความละเอียด 2,688 x 1,242 พิกเซลที่ 458 ppi
  • หน้าจอเคลือบสารกันรอยนิ้วมือ 
  • การกันน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP68 (ความลึกไม่เกิน 4 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที) ตามมาตรฐาน IEC 60529
  • ดีไซน์ใหม่มาพร้อมระบบกล้องหลังแบบ 3 เลนส์ เป็นครั้งแรกใน iPhone
  • กล้องหลังมีเลนส์ 3 ตัว คือ Wide, Ultra Wide และ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้า 1 ตัวความละเอียด 12 ล้าน เท่ากับกล้องหลัง
  • กล้องหน้าเลนส์ Wide f2.2 ถ่ายมุมกว้างได้มากขึ้น
  • กล้องโหมดกลางคืน (Night Mode) ใช้งานได้กับเลนส์ Wide เท่านั้น
  • การปรับภาพแบบอัตโนมัติ (DeepFusion) จะใช้งานได้ใน iOS 13.2 ขึ้นไป
  • รองรับ Smart HDR
  • Focus Pixels 100% (ไวด์)
  • ถ่ายวีดีโอรองรับความละเอียดสูงสุด 4K 60fps, HDR
  • มาพร้อมระบบป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหวในคุณภาพระดับภาพยนตร์ (4K, 1080p และ 720p) ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
  • รองรับวิดีโอสโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps หรือ 240 fps
  • ระบบแฟลชกล้องหน้าสำหรับถ่ายภาพ Selfie และ Slofie (ถ่ายวิดีโอสโลโมจากกล้องหน้าได้ ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps)
  • รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ QuickTake
  • ลำโพงสเตอริโอรองรับ Dolby Atmos
  • มาพร้อม iOS 13
  • Face ID ทำงานเร็วขึ้นกว่าเดิม
  • Wi-Fi 6
  • Gigabit LTE ความเร็วมากกว่า iPhone 2018 ประมาณ13%
  • รองรับ Live Photos, Portrait, Portrait Lighting
  • ความจุ 64GB, 256GB และ 512GB
  • รองรับ Siri
  • iPhone 11 Pro แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่า iPhone XS สูงสุด 4 ชั่วโมง (11.67Wh/3,046 mAh/3.83V)
  • iPhone 11 Pro Max แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่า iPhone XS Max สูงสุด 5 ชั่วโมง (15.04Wh /3,989 mAh/3.79V)
  • ระบบซิมคู่ Nano SIM + eSIM
  • พอร์ต Lightning
  • รองรับการชาร์จเร็ว Power Delivery อุปกรณ์แถมมาด้วยในกล่องได้แก่อะแดปเตอร์ USB-C ขนาด 18W และสายชาร์จ USB-C to Lightning
  • มี 4 สีให้เลือก คือ มิดไนท์ กรีน, สเปซเกรย์, เงิน และ ทอง

ข้อมูลทางเทคนิคเพิ่มเติมสำหรับ iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max

4. การวางตำแหน่งสายการผลิต iPhone

Iphone 11 Pro Max Space Gray 1011976

ในปี 2019 ทาง Apple ใช้คำว่า Pro สำหรับ iPhone 11 ซึ่งเป็นสิ่งที่แบ่งแยกการวางตำแหน่งของรุ่นนี้เป็นอย่างดีว่า iPhone 11 Pro นั้นออกแบบมาให้เหมาะกับลูกค้ากลุ่มไหน ทั้งนี้จะช่วยให้ผู้ใช้เลือกซื้อ iPhone 11 ได้อย่างถูกรุ่นและเหมาะสมกับการใช้งานของเราเอง

5. 5 สิ่งที่ทำให้ iPhone 11 Pro เหมาะสมกับคำว่า Pro

คำว่า PRO สำหรับ iPhone 11 นั้นหมายถึงอะไรบ้าง เท่าที่ทีมงาน iMoD หาข้อมูลมาและวิเคราะห์ได้นั้นแบ่งออกเป็น 5 Pro ดังนี้

1. หน้าจอ Retina Display XDR แบบโปร

Iphone 11 Pro Max Space Gray 1011981

แม้ว่า iPhone 11 Pro (Max) จะใช้หน้าจอ OLED แบบเดียวกับ iPhone XS (2018)  แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ อัตราส่วนคอนทราสต์นั้นจะอยู่ที่ 2,000,000:1 ซึ่งมากกว่า iPhone XS ที่มีค่าอยู่ที่ 1,000,000: 1 ทำให้การดูรายละเอียดต่าง ๆ ของเนื้อหานั้นชัดและละเอียดมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นดูค่าแสงเงาของรูปถ่ายหรือวิดีโอหรือจะรับชมเนื้อหาภาพยนตร์ความละเอียดแบบ HDR ก็สามารถดูได้อย่างชัดเจนสมจริง ดังนั้นหากงานที่คุณทำต้องการดูรายละเอียดลึกถึงระดับนี้ หน้าจอ iPhone 11 Pro ก็สามารถตอบโจทย์ได้

2. กล้องระดับโปร

Iphone 11 Pro Max Space Gray 1011951

การอัปเกรดให้กล้องหลังมีจำนวนเลนส์ 3 ตัวที่ความละเอียดเท่ากันทั้งหมดที่ 12MP โดยการเพิ่มเลนส์ Ultra Wide เข้ามาเพื่อให้เก็บมุมกว้างได้มากขึ้นแถมความบิดเบี้ยวบริเวณขอบภาพนั้นน้อยมาก (Distrosion) ซึ่งถือว่าทำได้ดีเยี่ยม อีกทั้งเพิ่มโหมดที่สำคัญ ๆ อย่างการถ่าย Night Mode, DeepFusion และฟีเจอร์การเปิดกล้องพร้อมกันทุกเลนส์เพื่อให้เห็นภาพพรีวิวต่าง ๆ และสะดวกสำหรับการสลับกล้องในการถ่ายก็ทำให้ไม่พลาดการเก็บรายละเอียด และนอกจากนี้ตัวเลนส์มุมกว้างยังมาพร้อม Pixel Focus แบบ 100% และ OIS สำหรับกันสั่น ทำให้การถ่ายภาพ Night Mode และการถ่ายวิดีโอนั้นได้ภาพและวิดีโอที่มีความนิ่งไม่สั่นไหวแม้จะเดินถ่ายก็ตาม

3. อุปกรณ์สำหรับ Gamer มือโปร

Iphone 11 Pro Max Call Of Duty 1012588

ด้วยหน้าจอที่ดีเยี่ยมในข้อแรกที่ได้เรียนให้ทราบไปพร้อมด้วยพลังการประมวลผลจากชิป A13 Bionic พวกกับการปรับปรุงด้านซอฟต์แวร์ใน iOS 13 ทำให้ iPhone 11 Pro (Max) เป็นอุปกรณ์เล่นเกมที่ยอดเยี่ยมสำหรับ Pro Gamer กราฟิกที่ไหลลื่นเฟรมเรตไม่ตก, ระบบเสียงสเตอริโอแบบ Dolby Atmos สมจริงและเกมคุณภาพจาก App Store ช่วยให้ผู้เล่นมีความสนุกสุดมันไปกับเกมสุดโปรดได้เป็นอย่างดี

4. แบตเตอรี่ที่อึดทนสำหรับงานระดับโปร

Apple เพิ่มจำนวนแบตเตอรี่มากขึ้นกว่าเดิมมากเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนและด้วยพลังของ A13 Bionic และระบบการจัดการพลังงาน (Power Management System) แบบใหม่ ที่ทำให้เครื่องแรงขึ้น 20% แต่ยังคงประหยัดแบตเตอรี่ให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มวัน โดย iPhone 11 Pro สามารถใช้งานได้นานกว่า iPhone XS ถึง 4 ชั่วโมง และ iPhone 11 Pro Max ใช้งานได้นานกว่า iPhone XS Max มากถึง 5 ชั่วโมง คงต้องบอกสั้น ๆ ว่าการใช้งานธรรมดา ๆ แบบเต็มวันนั้นถือว่าสบายเลยหมดกังวลเรื่องการพกแบตเตอรี่สำรองได้

5. การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายความเร็วแบบโปร ๆ

Iphone 11 Pro Max Wifi Speed Test 1012524

iPhone 11 Pro มาพร้อม Wi-Fi 6 (802.11ax) ที่ช่วยให้ดาวน์โหลดเนื้อหาผ่านทาง Wi-Fi ได้เร็วขึ้น 38% และนอกจากนี้ยังอัปเกรดระบบเครือข่ายให้ดีขึ้นกับ Gigabit LTE ที่ความเร็วสูงสุด 1.6 Gbps ทำให้ผู้ใช้ที่อยู่ในจุดที่ให้บริการนั้นสามารถดาวน์โหลดเนื้อหาในการรับชม, ส่งไฟล์รูปภาพหรือไฟล์วิดีโอได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

6. แกะกล่อง iPhone 11 Pro Max

Iphone 11 Pro Max Space Gray 1012015

อุปกรณ์ที่มีในกล่อง iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max นั้นเหมือนกัน ประกอบด้วย

  • iPhone 11 Pro (Max) จำนวน 1 เครื่อง
  • สายชาร์จ USB-C to Lightning สีขาวความยาว 1 เมตร จำนวน 1 เส้น
  • อะแดปเตอร์ USB-C ขนาด 18W ขาเสียบแบบ US จำนวน 1 ชิ้น
  • หูฟัง EarPods เชื่อมต่อผ่านพอร์ต Lightning
  • เอกสารแนะนำการใช้งาน
  • ที่ถอดซิม (SIM Ejector)
  • สติกเกอร์ Apple

Iphone 11 Pro Max Usbc Adapter 18w 1012563

ซึ่งการเปลี่ยนแปลงหลักในรอบนี้คือการเปลี่ยนสายชาร์จแบบ USB-C to Lightning และการให้อะแดปเตอร์แบบ USB-C มาเพื่อสำหรับการชาร์จเร็วนั่นเองครับ

7. รีวิวฟีเจอร์ภาพรวมเด่น ๆ ของ iPhone 11 Pro

1. ตัวเครื่อง

Iphone 11 Pro Max Side View 1011903

ว่าในแง่ขนาดเครื่องนั้นเท่ากับ iPhone XS (Max) ปี 2018 แต่น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นนิดนึงซึ่งถือว่าไม่มาก ถ้ามองจากด้านหน้าจะแยกไม่ออกว่านี่คือ iPhone 11 Pro แต่หากมองจากด้านหลังจะเห็นความต่างที่จำนวนกล้องที่มี 3 ตัวเด่นชัดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ตัวเคสยังคงใช้วัสดุเป็นสแตนเลสสตีลเช่นเดิมทำให้แข็งแรงและดูพรีเมี่ยมเมื่อมองหรือแม้การจับสัมผัส ส่วนที่แตกต่างจาก iPhone XS (Max) คือ กระจกด้านหลังจะใช้แบบผิวสัมผัสแบบด้านซึ่งทำให้การจับนั้นกระชับมากขึ้นและไม่ลื่นเหมือนแต่ก่อนและลดเรื่องรอยนิ้วมือได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ในส่วนของดีไซน์กระจกบริเวณกล้องจะใช้กระจกแบบวาวซึ่งสลับกับกระจกด้านหลังที่ใช้เป็นแบบด้าน

2. กล้องกับการอัปเกรดครั้งใหญ่ Night Mode, Ultra Wide และ DeepFusion

Iphone 11 Pro Max Space Gray 1011944

การเปลี่ยนแปลงใน iPhone 11 Pro ทั้ง 2 รุ่นนั้นจัดได้ว่า

อัปเกรดกล้องเพื่อปิดข้อด้อยของ iPhone ที่ตามหลังเรือธงของฝั่ง Android และทำให้ระบบกล้อง iPhone มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

นับว่าเป็นข้อเท็จจริงที่คุณภาพของกล้อง iPhone นั้นตามหลังเรือธงหลายๆ รุ่นของฝั่ง Android ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการถ่ายในที่แสงน้อย, การถ่ายภาพแบบมุมกว้างทั้งกล้องหน้าและหลัง ฯลฯ ส่วนนี้เป็นจุดที่ผู้ใช้ iPhone ต่างก็ทราบกันดี

แต่การมาของ iPhone 11 Pro รอบนี้ถือว่าทำได้ดีมาก ๆ สำหรับกล้องทั้ง 4 ตัว (กล้องหลัง 3 ตัวและกล้องหน้า TrueDepth อีก 1 ตัว) แก้ข้อด้อยทั้งเรื่องการถ่ายในที่แสงน้อยและการถ่ายมุมกว้างได้ดีกว่าแต่ก่อนมาก ๆ

เริ่มที่กล้องหลังจำนวน 3 ตัว ประกอบไปด้วยกล้อง Wide, Ultra Wide และ Telephoto ความละเอียดเท่ากันที่ 12MP การปรับปรุงทั้งฮาร์ดแวร์ด้านเลนส์และระบบซอฟต์แวร์ในการประมวลผลด้าน Image Processing ที่ทำงานร่วมกับ A13 Bionic นั้นทำให้กล้องใน iPhone 11 Pro มีพลังที่ดีเยี่ยมขึ้นมาก และยังเพิ่มฟีเจอร์เล็ก ๆ  เข้ามาอย่างเช่น การปรับอัตราส่วนภาพถ่ายแบบ 16:9 สำหรับภาพนิ่ง ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่มาพร้อมแอปกล้องของ iPhone, การอัปเกรดในฝั่ง LIVE Photo ที่คุณภาพดีขึ้นโดยเฉพาะการปรับใช้ฟีเจอร์ Long Exposure จะได้ภาพที่คมชัดกว่า iPhone รุ่นที่ผ่านมา

เริ่มกันที่ Night Mode หรือโหมดสำหรับการถ่ายในที่แสงน้อยหรือถ่ายในที่มืด ฟีเจอร์นี้จะถ่ายได้ด้วยเลนส์ Wide เท่านั้นเนื่องจากต้องอาศัยการทำงานร่วมกับ OIS (Optical Image Stabilization) เพื่อช่วยให้การถ่ายในที่แสงน้อยลดโอกาสที่จะทำให้ภาพนั้นเบลอเนื่องจากการเคลื่อนไหว

Iphone 11 Pro Max Night Mode

Iphone 11 Pro Max Night Mode 2

ส่งผลให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพในที่มืดได้ง่ายๆ โดยการถือถ่ายแถมภาพที่ได้นั้นออกมาค่อนข้างประทับใจ ส่วนระบบซอฟต์แวร์ที่ Apple ออกแบบนั้นจะช่วยล็อคค่า Speed Shutter ว่าจะใช้เวลาในการถ่าย Night Mode นานเท่าใดถึงพอดีโดยที่ไม่ตั้งให้มากเกินไป ส่งผลให้

“ใคร ๆ ก็สามารถถ่าย Night Mode ได้อย่างง่ายดายบน iPhone 11 และ iPhone 11 Pro”

จุดที่ชื่นชอบหลัก ๆ ในกล้องของ iPhone 11 Pro นั่นคือเรื่องของ Nigth Mode (ตัวอย่างภาพถ่าย Night Mode ผมได้โพสต์ไว้แล้วที่ Facebook Page ลองตามไปดูกันได้เลย) และเลนส์ Ultra Wide ที่ทำให้เก็บรายละเอียดมากกว่าเดิมและภาพไม่บิดเบี้ยวมากถือว่าทำได้ดีมาก, ส่วนการถ่ายวิดีโอนั้นถือว่าทำได้ดีเยี่ยมทั้งการถ่ายแบบ 4K 60fps HDR เก็บรายละเอียดดีมาก กันสั่นก็สุดยอดเดินถ่ายได้สบาย ๆ

เลนส์ Ultra Wide ถ่ายมุมกว้างได้ดีขึ้นถือว่าทำได้ดีแต่ก็ยังไม่สุด สิ่งที่ชอบคือถ่ายภาพได้มุมกว้าง, ขอบภาพไม่บิดเบี้ยว, เก็บรายละเอียดได้เยอะแต่จุดที่ด้อยคือยังภาพยังไม่คมเมื่อเทียบกับเลนส์ Wide ปกติ แต่โดยรวมแล้วถือว่าทำได้ดีมากครับ

Iphone 11 Pro Max Ultra Wide 2 Iphone 11 Pro Max Ultra Wide 1

DeepFusion ฟีเจอร์การปรับแต่งรูปอัตโนมัติตอนนี้ยังไม่ให้ใช้งานแต่จะมาพร้อม iOS 13.2 เป็นต้นไป หลักการทำงานคือจะช่วยเพิ่มความชัดและความละเอียดของรูปให้ดีมากขึ้น การถ่ายรูปก็เหมือนปกติเลยเหมือนกับที่เราถ่ายแบบ HDR การทำงานจะคล้ายๆ กัน แต่สิ่งที่ได้คือ ภาพจะชัดขึ้นละเอียดขึ้นและพวกแสงและ Noise ต่าง ๆ จะถูกกำจัด พูดง่าย ๆ คือ ถ่ายปุ๊บแต่งให้ด้วยเลย อันนี้ดีมากครับ ไว้เดี๋ยวถ้าฟีเจอร์นี้มาแล้วจะไปชมอีกทีนะ

Iphone 11 Pro Front Camera
กล้องหน้ามุมปกติ vs. มุมกว้าง ชัดและกว้าง

สุดท้ายมาจบที่กล้องหน้าให้ความละเอียด 12MP เท่ากับกล้องหลัง เพิ่มการถ่ายแบบมุมกว้างขึ้นทำให้ถ่ายรูปกับเพื่อนผ่านกล้องหน้าได้สวยงามและครบทุกคนแล้วแถมยังมี Slofie มาให้ด้วย ไว้ค่อยว่ากันอีกทีนะ

รีวิวกล้อง iPhone 11 Pro ผมจะแยกให้ชมอีกฉบับซึ่งรายละเอียดมันเยอะจริง ๆ ครับผม โปรดติดตามกันนะ

3. แบตเตอรี่

แบตเตอรี่ใน iPhone 11 Pro Max ต้องบอกเลยว่าทำได้ดีมาก อึดขึ้น สาเหตุก็เพราะการเพิ่มจำนวนแบตขึ้นเป็นเกือบ 4,000 mAh และการทำงานของหน่วยจัดสรรค์พลังงานของชิป A13 Bionic ทำให้แบเตอรี่อึดทนนานกว่า iPhone XS Max ถึง 5 ชั่วโมง

ผมเดินถ่ายรูปและวิดีโอตอนกลางคืนที่ Marina Bay ประเทศสิงคโปร์ประมาณ 2-3 ชั่วโมงถ่ายแบบต่อเนื่องไม่หยุด แบตเตอรี่ลดไปไม่ถึง 50% ซึ่งถือว่าอึดมากแถมตัวเครื่องไม่ร้อนเท่า iPhone X, XS รู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยจุดนี้ ส่วนการใช้งานนั้นแบตเตอรี่เพียงพอสำหรับใช้งาน 1 วันแบบเหลือเลยครับผม

4. หน้าจอ

Iphone 11 Pro Max Wonder Woman 1012593

หน้าจอ OLED ที่ Apple ตั้งชื่อให้ว่า Retina Display XDR นั้น ตอนแรกคิดว่าเป็นตัวเดียวกับ iPhone XS แต่ที่ไหนได้ใน iPhone 11 Pro นั้นมันดีกว่าในแง่ของอัตราส่วนคอนทราสต์นั้นมากกว่า iPhone XS ถึง 2 เท่า โดยจะอยู่ที่ 2,000,000:1 และความสว่างสูงสุดนั้นอยู่ที่ 800 นิต (ทั่วไป) และ 1,200 นิต (HDR) ซึ่งหากใครสงสัยว่าทำไมต้องให้หน้าจอมาละเอียดขนาดนี้ ก็เพราะว่า ผู้ใช้ระดับโปรบางคนต้องใช้จอดี ๆ ในการดูค่าสี ดูค่า Highlight, Contrast ฯลฯ ของรูปภาพและวิดีโอที่ถ่าย เพื่อให้รู้ว่างานที่ออกมานั้นสีที่ได้มันดีและถูกต้องที่สุดโดยที่ไม่ต้องไปรอดูบนจอคอมพิวเตอร์ เป็นต้นครับ

5. ประสิทธิภาพโดยรวม

Iphone 11 Pro Max Drakroom 1012600

ในแง่ของการประมวลผลโดยรวมหากเทียบเรื่องความเร็วในการปิดเปิดแอปนั้นจะรู้สึกไม่ต่างจาก iPhone XS สักเท่าไหร่ การเปิดแอปหลาย ๆ ตัวนั้นก็เร็วพอ ๆ กัน อาจจะด้วยเพราะจำนวน RAM ที่เท่ากันที่ 4GB จึงทำให้เห็นผลไม่ค่อยชัด

แต่สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือการประมวลผลในเรื่องของการถ่ายภาพถ่ายวิดีโอที่การโฟกัสนั้นทำได้รวดเร็ว, การสลับกล้องไปมาและการประมวลผลภาพถ่ายทั้ง Night Mode, HDR และ DeepFusion ซึ่งหลังจากถ่ายรูปเสร็จ iPhone 11 Pro จะประมวลผลอยู่ครู่หนึ่งแต่ไม่นานมากก็จะเสร็จและภาพเหล่านั้นก็จะถูกปรับแต่งตามความเหมาะสม ซึ่งทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องรอนาน

8. ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง iPhone 11 Pro Max

นำภาพตัวอย่างที่ถ่ายจากกล้อง iPhone 11 Pro Max บางส่วนให้ชมกันก่อนครับ เป็นรูปรวม ๆ ที่ถ่ายหลายๆ โหมดครับ ส่วนรีวิวเต็มเกี่ยวกับกล้องเดี๋ยวรีวิวให้ชมแยกอีกบทความครับ

Iphone 11 Pro Max Proto Example 1  Iphone 11 Pro Max Proto Example 3 Iphone 11 Pro Max Proto Example 4 Iphone 11 Pro Max Proto Example 5 Iphone 11 Pro Max Proto Example 6

Iphone 11 Pro Max Proto Example 2Iphone 11 Pro Max Proto Example 7

9. รีวิวสรุปจุดเด่นและจุดด้อย

Iphone 11 Pro Max Imod 22

สรุปจุดเด่น

  • ครั้งแรกของกล้องหลัง 3 ตัวใช้งานได้ครอบคลุมทุกสถานการณ์ในเครื่องเดียว เก็บได้หมดทั้งมุมกว้าง, มุมธรรมดาและการซูม คุณภาพรูปที่ได้ดีกว่าเดิมมาก ถ่ายสนุกทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว
  • กล้อง Ultra Wide ครั้งแรกอันนี้ดีมาก ชอบที่ไม่มี Distortion ของภาพ เก็บรายละเอียดภาพได้ดี ถ่ายมุมกว้างในพื้นที่จำกัด ๆ ได้สะดวกมากขึ้นเยอะ
  • ครั้งแรกของกล้องหน้าที่ให้ความละเอียดเท่ากับกล้องหลังและรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K จากกล้องหน้าได้ด้วย เหมาะสำหรับคนทำ Vlog มาก และหากใช้แอปอย่าง FilMic Pro ก็จะสามารถบันทึกทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกันได้เลยเพียงใช้ iPhone เพียงเครื่องเดียว
  • ฟีเจอร์ Slofie ครั้งแรกใน iPhone ต้องรอดูว่าฟีเจอร์นี้จะฮิตมากแค่ไหน แต่ก็ถือว่าเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างที่ Apple ให้มา
  • สีใหม่ Midnight Green
  • ฟีเจอร์ DeepFusion ปรับภาพอัตโนมัติได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น (จะได้ใช้ใน iOS 13.2 เป็นต้นไป)
  • มี Night Mode ครั้งแรกของกล้อง iPhone ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีกว่าเดิมมาก ใช้งานง่าย ผู้ใช้อาจจะต้องเรียนรู้นิดหน่อยแต่ถือว่าไม่ได้ยากจนเกินไปสำหรับโหมดนี้ UI ดูแล้วเข้าใจได้ดี
  • ชิป A13 Bionic
  • Wi-Fi 6 รับส่งข้อมูลได้เร็วและเต็มที่มากขึ้น จะเห็นผลมาก ๆ เมื่อใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับ Gigabit พร้อมกับ Access Point แบบ Wi-Fi 6 ด้วย

จุดด้อยอ้างอิงตามความเห็นส่วนตัว

  • RAM เท่าเดิมที่ 4GB จุดนี้มองว่าน่าจะเพิ่มเป็นสัก 6GB ให้เหมาะสมกับรุ่น Pro ที่น่าจะต้องแตกต่างจาก iPhone 11 ธรรมดา เพราะด้วยราคาที่ต่างกันและด้วยความคาดหวังของ Pro User ต้องการใช้พลังการประมวลผลที่สูงขึ้นการให้ RAM มากขึ้นก็จะช่วยให้การทำงานนั้นไหลลื่นมากยิ่งขึ้น
  • Night Mode ไม่รองรับในทุกเลนส์ ถ้า Ultra Wide และ Telephoto มีโหมดนี้ด้วยน่าจะดีไม่น้อย
  • เลนส์ Ultra Wide ทำได้ดีแต่ยังไม่สุด ทำได้ดีในแง่การเก็บภาพมุมกว้างและการไม่บิดเบี้ยวที่ขอบภาพ แต่ต้องแลกกับความคมชัดของภาพที่ลดลงไปค่อนข้างเยอะ หวังว่าในรุ่นถัดไปจะได้เห็นเลนส์ Ultra Wide อัปเกรดคุณภาพได้ดียิ่งขึ้น
  • ไม่มี 5G แต่ส่วนตัวนี้ก็ไม่คิดว่าเป็นปัญหาใหญ่สำหรับจุดนี้เพราะว่าประเทศไทยยังไม่เปิดให้บริการ 5G ซึ่งไม่รู้ว่าจะอีกกี่ปี ถึงเวลานั้น iPhone ก็คงพัฒนาไปอีก 2-3 รุ่นแล้ว ถ้า 5G จะมาตอนนั้นก็ยังไม่สายแต่อย่างใด
  • ใช้รูปลักษณ์แบบเดิมเหมือน iPhone 6 ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งถือว่าบอดี้แบบนี้ใช้มานานแล้ว ผู้ใช้อาจอยากเห็นรูปทรงใหม่ ๆ บ้าง ยังไงก็รอติดตามกันต่อไปในปี 2020

10. เลือกรุ่นไหนดีระหว่าง iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max

Iphone 11 Series 0659

หากสรุปคำแนะนำสั้น ๆ ว่าจะเลือกรุ่นในดีระหว่าง 3 รุ่นนี้ของ iPhone 11 คงต้องแนะนำแบบนี้ครับ

  • เลือก iPhone 11 หากคุณมีงบที่จำกัดและการใช้งานในขั้นพื้นฐาน โดยที่คุณไม่ต้องการรายละเอียดที่ดีที่สุดอย่างที่มีใน iPhone 11 Pro หรือคุณไม่ได้ต้องการเลนส์ Telephoto สำหรับการซูมเพื่อถ่ายภาพ เพราะว่าความสามารถ 90% บน iPhone 11 Pro นั้นถูกบรรจุอยู่ใน iPhone 11 ซึ่งถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุดในปี 2019 นี้ และที่สำคัญมีสีให้เลือกมากกว่าด้วย
  • เลือก iPhone 11 Pro หากคุณเป็นคนที่ต้องการฟีเจอร์ทุกอย่างที่ iPhone สามารถทำได้และดีที่สุดตอนนี้แต่ว่าไม่อยากพกเครื่องใหญ่ๆ ก็เลือกรุ่นนี้ เหมาะกับคนมือเล็กเหมาะกับการพกพา
  • เลือก iPhone 11 Pro Max สำหรับผู้ที่ต้องการฟีเจอร์ทุกอย่างที่ดีที่สุดทั้งหน้าจอแสดงผลใหญ่สุดเห็นรายละเอียดเต็มตา, แบตเตอรี่เยอะสุดใช้งานได้นานที่สุด มันเหมาะสำหรับผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานและต้องการดูรายละเอียดแบบที่ iPhone 11 ไม่อาจจะตอบโจทย์ได้นั่นเอง

ส่วนตัวแล้วผมเองเลือกใช้ iPhone 11 Pro Max เพราะว่า หน้าจอใหญ่ เห็นเต็มตา แบตอยู่ได้นานและที่สำคัญฟีเจอร์โปร ๆ จากกล้องนั้นเราจำเป็นต้องใช้ ฉะนั้น ก็ต้องเลือกให้เหมาะกับการใช้งานของเราครับ

11. ราคาและสถานที่จัดจำหน่าย

ราคาของ iPhone 11 ทุกรุ่นอ้างอิงจาก Apple Store เริ่มต้นถูกสุดที่ 24,900 บาท ซึ่งถูกกว่า iPhone ปี 2018 ค่อนข้างมาก และหากซื้อจากทางผู้ให้บริการเครือข่าย (แบบพ่วงโปรโมชัน) ก็จะได้ส่วนลดที่เพิ่มขึ้นไปอีก

Info Iphone 11 Iphone 11 Pro Iphone 11 Pro Max Price Th

สำหรับเครื่องเดโม่จะมีให้ทดลองใช้งานตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2019 เป็นต้นไปที่ Apple Iconsiam, เครือข่ายผู้ให้บริการและร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

อ่านข่าวเก่าที่เกี่ยวข้อง

รวมคลิปเกี่ยวกับ iPhone 11/ 11 Pro


ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Attapon Thaphaengphan

ศิษย์เก่าวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ม. ขอนแก่น ผู้ก่อตั้ง iPhoneMod.net ตั้งแต่ปี 2009
อดีต Dell Technical Support รู้จัก ​Apple เพราะ Macbook Pro และใช้ iPhone ตั้งแต่รุ่น 3G จนถึงปัจจุบัน