วิดีโอนี้จะพาคุณไปเจาะลึก Apple Watch ทั้ง 3 รุ่นใหม่ล่าสุด เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเลือกรุ่นไหนที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และงบประมาณของคุณมากที่สุด
Apple Watch Series 11, SE 3, Ultra 3 เลือกรุ่นไหนดี มาดูสเปคกัน
Apple Watch SE 3: รุ่นเริ่มต้นที่คุ้มค่า
ราคา: เริ่มต้นที่ 8,500 บาท (GPS) และ 10,500 บาท สำหรับรุ่น Cellular
เหมาะสำหรับ: ผู้ใช้งาน Apple Watch ครั้งแรก, นักเรียน, นักศึกษา, หรือผู้ที่ไม่ต้องการฟีเจอร์สุขภาพขั้นสูง นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้สูงอายุด้วยฟีเจอร์ความปลอดภัยอย่างการตรวจจับการล้มและ SOS ฉุกเฉิน
จุดเด่น:
- รองรับ 5G ในประเทศไทย (สำหรับรุ่น Cellular)
- มีฟีเจอร์สุขภาพพื้นฐานครบครัน
- ใช้ชิป S10 ตัวเดียวกับ Series 11 และ Ultra 3
- หน้าจอ Always-On Display
- รองรับฟีเจอร์ Double-Tap
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 18 ชั่วโมงและมีโหมดประหยัดพลังงาน
ข้อสังเกต: ไม่มีฟีเจอร์วัดออกซิเจนในเลือดและ ECG
Apple Watch Series 11: สุขภาพและสไตล์ที่ลงตัว
ราคา: เริ่มต้นที่ 14,900 บาท (GPS) และ 18,900 บาทสำหรับรุ่น Cellular
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่รักสุขภาพ, ผู้ที่ชื่นชอบแฟชั่น, และผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการฟีเจอร์สุขภาพที่ครบครันและดีไซน์ที่สวยงาม
จุดเด่น:
- ฟีเจอร์สุขภาพครบวงจร เช่น การติดตามการนอนหลับ, การวัดออกซิเจนในเลือด, และ ECG
- ขอบจอบาง มีวัสดุให้เลือก 2 แบบ (ไทเทเนียมและอะลูมิเนียม) และมี 7 สี
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 24 ชั่วโมง
- หน้าจอแข็งแรงและทนทานต่อรอยขีดข่วนกว่ารุ่นก่อนถึง 2 เท่า
Apple Watch Ultra 3: ที่สุดของความทนทานสำหรับสายลุย
ราคา: เริ่มต้นที่ 29,900 บาท
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ชื่นชอบกีฬาเอ็กซ์ตรีม, นักผจญภัย (วิ่งเทรล, ปีนเขา), ผู้ที่เล่นกีฬาทางน้ำ, หรือไตรกีฬา
จุดเด่น:
- กันน้ำลึก 100 เมตร
- วัสดุไทเทเนียม
- หน้าจอใหญ่สว่างสูงสุด 3,000 nits และใช้เป็นไฟฉายได้
- มีฟีเจอร์พิเศษอย่างไซเรน ที่มีฉพาะรุ่น Ultra เท่านั้น
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 42 ชั่วโมง
ข้อสังเกต: อาจมีน้ำหนักมากสำหรับผู้ที่มีข้อมือเล็ก
การเลือก Apple Watch ที่ใช่สำหรับคุณขึ้นอยู่กับ งบประมาณ, ฟีเจอร์ที่ต้องการ (โดยเฉพาะด้านสุขภาพ), และ ไลฟ์สไตล์ ของคุณเป็นหลัก หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะคะ!