in , ,

10 เทรนด์เทคโนโลยี 2023 รู้ไว้จะได้ตามทัน!

Forbes เผยเทรนด์เทคโนโลยีที่คาดว่ามาแน่ในปี 2023 คนรุ่นใหม่เตรียมพร้อม! บางอันเราอาจได้เห็นกันไปแล้วในปีที่แล้ว และเทคโนโลยีใหม่ ๆ บางอย่างอาจจะมีให้ใช้งานเร็ว ๆ นี้

10 เทรนด์เทคโนโลยี 2023 รู้ไว้จะได้ตามทัน!

พามาดู 10 เทรนด์ทางเทคโนโลยีที่จะมาในปี 2023 สรุปให้โดย Frobes ที่จะพาเรามองไปข้างหน้า พบกับเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกดิจิทัลของเราในอีก 12 เดือนข้างหน้า

1. AI ครองโลก

ในปี 2023 ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI จะกลายเป็นจริงในองค์กรต่าง ๆ เราจะได้พบเจอกับ AI แบบไม่มีโค้ดที่มาพร้อมอินเทอร์เฟซแบบลากและวางที่ “ใช้งานง่าย” ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ ใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ชาญฉลาด ตอบโจทย์มนุษย์ในยุคดิจิตอลได้มากขึ้น

พวกเราได้เห็น AI ในหลาย ๆ ตลาดกันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบริษัท Stitch Fix ที่ใช้อัลกิริทึ่ม AI ในการแนะนำเสื้อผ้าให้ลูกค้า ตอบโจทย์ตามขนาดรูปร่างและความชอบของแต่ละคน เหมือนกับมีพนักงานร้านเสื้อผ้าที่คอยดูแลลูกค้า แต่อยู่ในรูปแบบออนไลน์

source : Stitch Fix

การทำธุรกรรมโดยไร้การสัมผัส การช้อปปิ้งออนไลน์และการจัดส่งสินค้าจะกลายมาเป็นเทรนด์ที่ยิ่งใหญ่ในปี 2023 เทคโนโลยีอย่าง AI จะเข้ามาทำให้การซื้อของ จ่ายเงิน การรับสินค้าและบริการง่ายขึ้นมาก

AI จะเข้ามามีบทบาทในเกือบทุกสายงานในทุกกระบวนการทางธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ผู้ค้าปลีกจำนวนมากขึ้นจะใช้ AI เพื่อจัดการและทำให้กระบวนการจัดการสินค้าคงคลังที่ซับซ้อนเป็นไปโดยอัตโนมัติ

ดังนั้นเทรนด์ความสะดวกสบาย เช่น ซื้อออนไลน์รับของที่หน้าร้าน (BOPAC) ซื้อออนไลน์รับของในร้านค้า (BOPIS) และการซื้อ-คืนสินค้าออนไลน์ในร้านค้า (BORIS) จะกลายเป็นมาตรฐานในการช้อปปิ้งในอนาคต

ในเรื่องของการส่งสินค้า AI จะเป็นกลไกที่อยู่เบื้องหลังระบบการจัดส่งแบบอัตโนมัติใหม่ล่าสุดซึ่งมีผู้ค้าปลีกบางรายกำลังนำร่องและเตรียมเปิดตัวอยู่ พนักงานค้าปลีกจะต้องคุ้นเคยกับการทำงานร่วมกับเครื่องจักรที่ชาญฉลาดให้ได้

2. บางส่วนของ Metaverse จะกลายเป็นจริง

บางคนอาจยังไม่ตื่นตัวกับ Metaverse เท่าไหร่ แต่สิ่งนี้กำลังจะเป็นพื้นที่ที่เราเข้าไปทำงาน เล่นสนุก และเข้าสังคมได้

ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า Metaverse จะเพิ่มมูลค่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ให้กับเศรษฐกิจโลกภายในปี 2030 และในปี 2023 นี้ จะเป็นปีที่กำหนดทิศทางของ Metaverse ในอีกสิบปีข้างหน้า

source : Accenture

เทคโนโลยีความจริงเสริม (AR) และความจริงเสมือน (VR) จะยังคงก้าวหน้าต่อไป สิ่งหนึ่งที่น่าจับตามองคือการทำงานใน Metaverse ผู้เขียนบทความของ Forbes คาดการณ์ว่าในปี 2023 เราจะมีสภาพแวดล้อมการประชุมที่สมจริงมากขึ้น ซึ่งเราสามารถพูดคุย ระดมสมอง และสร้างสรรค์ร่วมแบบที่เป็นแนวทางใหม่และ “ดูเหมือนโลกเสมือนจริง” มากขึ้น

บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีอย่าง Microsoft และ Nvidia กำลังพัฒนาแพลตฟอร์ม Metaverse สำหรับการทำงานร่วมกันอยู่

เราจะได้เห็นเทคโนโลยี Avatar หรือตัวละครเสมือนจริงขั้นสูงมากขึ้นในปี 2023 นี้ด้วย ซึ่งตัวอวาตาร์นี้ก็จะถูกนำมาใช้แสดงตัวตนของเราใน Metaverse ซึ่งอาจจะมีการจับภาพด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อแสดงออกถึงภาษากายและท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์ของเราได้

และเราอาจจะได้เห็นการพัฒนาเพิ่มเติมในอวาตาร์อัตโนมัติที่มี AI ทำงานอยู่เบื้องหลัง ซึ่งสามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเราในโลก Metaverse แม้ว่าเราจะไม่ได้เข้าสู่ระบบในโลกดิจิทัลก็ตาม

บริษัทต่าง ๆ กำลังใช้เทคโนโลยี Metaverse เช่น AR และ VR มาฝึกอบรมแบะพัฒนา และแนวโน้มนี้จะเร่งตัวขึ้นในปี 2023

บริษัทที่ปรึกษายักษ์ใหญ่อย่าง Accenture ได้สร้าง Metaverse ที่เรียกว่า Nth Floor ขึ้นมา ซึ่งเป็นโลกเสมือนจริงที่เป็นแบบจำลองของสำนักงานบริษัท Accenture  ดังนั้นพนักงานใหม่และพนักงานปัจจุบันจึงสามารถดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรบุคคลได้โดยไม่จำเป็นต้องประจำอยู่ที่สำนักงานจริง

source : Accenture

3.ความก้าวหน้าของเว็บ 3.0

หากจะพูดถึงเว็บ 3.0 ก็คงหนีไม่พ้นเทคโนโลยี Blockchain ที่จะเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในปี 2023 ที่บริษัทต่าง ๆ สามารถนำมาใช้ประโยชน์กับสินค้าและบริการของบริษัทได้

ตัวอย่างเช่น ในตอนนี้เรากำลังจัดเก็บข้อมูลทุกอย่างไว้ในระบบคลาวด์ (cloud) แต่ถ้าเรานำมาผสานกับเทคโนโลยีบล็อกเชน ข้อมูลของเราจะไม่เพียงแต่ปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น แต่เราจะมีวิธีใหม่ ๆ ในการเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูลนั้นได้ด้วย

NFT จะใช้งานได้จริงมากขึ้นในปี 2023 ตัวอย่างเช่น ตั๋วคอนเสิร์ต NFT อาจทำให้เราได้สัมผัสประสบการณ์หลังเวทีและความทรงจำ NFT อาจเป็นตัวกลางที่เราใช้เพื่อซื้อผลิตภัณฑ์และบริการทางดิจิทัลได้มากขึ้น

4.การเชื่อมโยงโลกดิจิทัลและโลกจริง

ปี 2023 มีแนวโน้มที่จะเกิดการควบรวมโลกดิจิทัลและโลกจริงเข้าด้วยกัน สิ่งที่น่าสนใจคือ เทคโนโลยีดิจิทัลทวิน (Digital twin technology) และการพิมพ์ 3 มิติ

Digital Twin คือการจำลองเสมือนจริงของผลิตภัณฑ์ในโลกแห่งความเป็นจริงไปใส่ไว้ในโลกเสมือน ซึ่งสามารถใช้ทดสอบแนวคิดใหม่ในสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ปลอดภัย นักออกแบบและวิศวกรจะใช้เพื่อสร้างวัตถุทางกายภาพขึ้นใหม่ในโลกเสมือนจริง ดังนั้นจึงสามารถทดสอบได้ภายใต้ทุกสภาวะที่เป็นไปได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงเมื่อเทียบกับการทดลองในชีวิตจริง

ในปี 2023 เราจะ Digital Twin มากขึ้นในโรงงาน เครื่องจักร รถยนต์ ไปจนถึงเครื่องมือทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพที่แม่นยำ

หลังจากทดสอบในโลกเสมือนจริงแล้ว วิศวกรสามารถปรับแต่งและแก้ไขส่วนประกอบ จากนั้นสร้างสิ่งนั้นขึ้นมาในโลกความเป็นจริงโดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ

ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันทีม Formula 1 รวบรวมข้อมูลที่ส่งจากเซ็นเซอร์ระหว่างการแข่งขัน รวมถึงอุณหภูมิของสนามแข่งและสภาพอากาศ เพื่อดูว่ารถมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรในระหว่างการแข่งขัน จากนั้นพวกเขาจะสตรีมข้อมูลจากเซ็นเซอร์ไปยัง Digital Twin ของเครื่องยนต์และส่วนประกอบของรถยนต์ (พูดง่าย ๆ คือเครื่องยนต์อีกเครื่องที่เป็นฝาแฝดของเครื่องยนต์ที่ใช้ในรถคันจริง) และเรียกใช้สถานการณ์เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงการออกแบบในทันที ทีมงานจึงพิมพ์ชิ้นส่วนรถยนต์ 3 มิติตามผลการทดสอบได้

source : dt.mdx.ac.uk

5. ธรรมชาติที่สามารถแก้ไขได้มากขึ้น

เราจะอยู่ในโลกที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงวัสดุ พืช หรือแม้แต่มนุษย์ได้ด้วยการแก้ไขปรับแต่ง นาโนเทคโนโลยีจะช่วยให้เราสร้างวัสดุที่มีคุณสมบัติใหม่ทั้งหมด เช่น การกันน้ำและความสามารถในการซ่อมแซมตัวเอง

ในปี 2023 เราจะได้เห็นเทคโนโลยีการตัดต่อยีนที่พัฒนาขึ้น เพื่อใช้ในการ “แก้ไขธรรมชาติ” โดยการเปลี่ยนแปลง DNA ในสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ นั่นเอง

การปรับแต่งแก้ไข DNA คล้ายกับการตัดแต่งคำที่เราสามารถ “ตัด” หรือ “เพิ่ม” สระ พยัญชนะ ตัวสะกด เข้ามาในคำ ๆ หนึ่ง เพื่อให้โครงสร้างของคำเปลี่ยนไป

6. ความก้าวหน้าของควอนตัม

Source : CNET

ในตอนนี้ มีการแข่งขันกันทั่วโลกเพื่อพัฒนาคอมพิวเตอร์ระดับควอนตัมในวงกว้าง

การประมวลผลแบบควอนตัม ใช้อนุภาคของอะตอมเพื่อสร้างวิธีใหม่ในการประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูล ถือว่าเป็นการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีที่คาดว่าจะทำให้คอมพิวเตอร์ของเราสามารถทำงานได้เร็วกว่าโปรเซสเซอร์แบบดั้งเดิมที่เร็วที่สุดในปัจจุบันถึงล้านล้านเท่า

Source : IBM

อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากคอมพิวเตอร์ระดับควอนตัม คือ อาจทำให้การเข้ารหัสในปัจจุบันของเราไร้ประโยชน์ ดังนั้นประเทศใดก็ตามที่คอมพิวเตอร์ระดับควอนตัมในวงกว้างสามารถทำลายการเข้ารหัสของประเทศ ธุรกิจ ระบบรักษาความปลอดภัย และอื่น ๆ ได้ เรื่องนี้จึงเป็นแนวโน้มที่ต้องจับตาดูให้ดีในปี 2023 เนื่องจากประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร จีน และรัสเซีย ทุ่มเงินให้กับการพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ระดับควอนตัมกันไปแล้ว

7. ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสีเขียว (เทคโนโลยีรักษ์โลก)

หนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้คือการหยุดการปล่อยก๊าซคาร์บอน เพื่อให้เราสามารถจัดการกับวิกฤตสภาพอากาศได้

ในปี 2023 มองหาความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับไฮโดรเจนก๊าซ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานเผาไหม้สะอาดแบบใหม่ ที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกือบเป็นศูนย์

Shell และ RWE สองบริษัทด้านพลังงานรายใหญ่ของยุโรป กำลังสร้างท่อส่งหลังงานสะอาดแห่งแรกจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเลเหนือ

source : love geothermal

นอกจากนี้ เรายังจะได้เห็นความคืบหน้าในการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าแบบกระจายอำนาจอีกด้วย พูดง่าย ๆ คือแต่ละพื้นที่จะมีระบบเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดเล็กและแหล่งกักเก็บไฟฟ้าตั้งอยู่ในชุมชนหรือบ้านแต่ละหลัง เช่น โซลาเซลล์ตามบ้าน ประชาชนอย่างเราจึงมีพลังงานให้ใช้แม้ว่าจะไม่มีโครงข่ายไฟฟ้าหลักจ่ายกระแสไฟให้ก็ตาม

ปัจจุบัน พลังงานที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ของเราถูกครอบครองและเป็นเจ้าของโดยบริษัทก๊าซและพลังงานขนาดใหญ่ แต่การริเริ่มด้านพลังงานแบบกระจายอำนาจมีศักยภาพในการทำให้พลังงานทั่วโลกเป็นกลางมากขึ้น หมายถึงว่า ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงพลังงานได้ ในขณะเดียวกันก็ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ด้วย

8. หุ่นยนต์จะเริ่มเหมือนมนุษย์มากขึ้น

ในปี 2023 หุ่นยนต์จะมีลักษณะเหมือนมนุษย์มากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านรูปร่างหน้าตาและความสามารถ หุ่นยนต์ประเภทนี้จะถูกใช้ในโลกแห่งความเป็นจริงในฐานะพนักงานต้อนรับ บาร์เทนเดอร์ เจ้าหน้าที่ดูแลแขก และทำหน้าที่เป็นเพื่อนผู้สูงวัย พวกมันยังสามารถทำงานที่ซับซ้อนในคลังสินค้าและโรงงาน และสามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ในการผลิตและการขนส่งได้ดวย

งาน Tesla AI Day ในเดือนกันยายน 2022 ซีอีโอใหญ่อย่าง Elon Musk ได้เผยโฉมหุ่นยนต์ต้นแบบ Optimus หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ 2 ตัว และบอกว่าบริษัทจะพร้อมรับคำสั่งซื้อภายใน 3 ถึง 5 ปีข้างหน้า หุ่นยนต์สามารถทำงานง่าย ๆ เช่น ยกของและรดน้ำต้นไม้ได้ ดังนั้นบางทีเร็ว ๆ นี้เราอาจจะสามารถมีหุ่นยนต์พ่อบ้าน หุ่นยนต์แม่บ้านที่ช่วยงานในบ้านได้

9. ความก้าวหน้าในระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ

ผู้นำด้านธุรกิจยังคงเดินหน้าต่อไปในการสร้างระบบอัตโนมัติที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้เราในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการจัดส่งและโลจิสติกส์ โรงงานและคลังสินค้าหลายแห่งได้ใช้ระบบอัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบเป็ฯที่เรียบร้อยแล้ว

ในปี 2023 เราจะเห็นรถบรรทุกและเรือที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองมากขึ้น รวมถึงหุ่นยนต์ส่งของ และคลังสินค้าและโรงงานจำนวนมากขึ้นจะนำเทคโนโลยีอัตโนมัติมาใช้

Ocado ซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ของอังกฤษที่เรียกตัวเองว่าเป็น “ผู้ค้าปลีกของชำออนไลน์รายใหญ่ที่สุดในโลก” ใช้หุ่นยนต์อัตโนมัติหลายพันตัวในคลังสินค้าอัตโนมัติเพื่อจัดเรียง ยก และเคลื่อนย้ายของชำ คลังสินค้ายังใช้ AI เพื่อวางสินค้ายอดนิยมให้หุ่นยนต์เข้าถึงได้ง่าย บริษัท Ocado กำลังเปิดตัวเทคโนโลยีอัตโนมัติที่อยู่เบื้องหลังคลังสินค้าที่ประสบความสำเร็จของพวกเขาให้กับผู้ค้าปลีกรายอื่น ๆ เอาไปใช้งานด้วย

10. More Sustainable Technology

เราจะเห็นการผลักดันไปสู่เทคโนโลยีที่ยั่งยืนมากขึ้นในปี 2023 ไม่ต้องพูดถึงสมาร์ตโฟน แท็บเล็ท แลปท็อปที่เราใช้งานอยู่ ซึ่งเป็นผลผลิตมาจากการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ แถมกระบวนการการผลิตยังทิ้งรอยเท้าทางคาร์บอนไว้ด้วย

เรายังใช้บริการคลาวด์เช่น Netflix และ Spotify ซึ่งเบื้องหลังบริการเหล่านี้ยังคงทำงานในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานจำนวนมากเพื่อหล่อเลี้ยงเซิร์ฟเวอร์อยู่

ในปี 2023 เราจะเห็นการผลักดันอย่างต่อเนื่องในการทำให้ซัพพลายเชนมีความโปร่งใสมากขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดหาทรัพยากร การผลิต และการจัดส่ง เนื่องจากผู้บริโภคต้องการให้ผลิตภัณฑ์และบริการที่พวกเขาลงทุนนั้นประหยัดพลังงานและเป็นเทคโนโลยีที่ยั่งยืนมากขึ้นนั่นเอง

อย่างบริษัท Apple ก็มองเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีที่ยั่งยืน โดยให้คำมั่นสัญญาว่าบริษัทจะเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2030 และระหว่างมีก็มีการรายงานผลเรื่อย ๆ ว่าแต่ละปี Apple ลงทุน ดำเนินการ และทำสิ่งใดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ว่าบ้าง

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเทรนด์เทคโนโลยีที่เราควรศึกษาไว้ เพราะสิ่งต่าง ๆ ที่บอกว่าเป็นเรื่องของอนาคตที่ไม่อีกกี่ปีข้างหน้า พวกเราที่เป็นมนุษย์จะได้สัมผัสกันอย่างแน่นอนค่ะ

ที่มา – Forbes

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Nooknick Yanika

Humanities, English Literature
Chiangmai University