in ,

สินค้าและบริการที่ Apple เปิดตัวมาแล้ว แต่ในไทยยังไม่เปิดให้ใช้งาน (อัปเดต 2023)

รวมสินค้า บริการ และฟีเจอร์หลายตัวที่ Apple เปิดตัวออกมา แต่ไม่สามารถใช้งานในประเทศไทยได้ เช่น HomePod และบริการ Apple Pay มาดูกันว่ามีอะไรที่คนไทยยังไม่ได้ใช้งานบ้าง

สินค้าและบริการที่ Apple เปิดตัวมาแล้ว แต่ในไทยยังไม่เปิดให้ใช้งาน (อัปเดต 2023)

พามาดูสินค้า บริการ และฟีเจอร์เจ๋ง ๆ ที่ Apple เปิดตัวมาแล้วแต่คนไทยยังไม่ได้ใช้งาน อาจจะเป็นเพราะข้อจำกัดด้านภาษา ความพร้อมทางเทคโนโลยี และความร่วมมือจากทางภาครัฐ จึงทำให้ให้บางอย่างไม่สามารถใช้งานได้ในประเทศไทย มีอะไรบ้าง มาดูกัน

HomePod รุ่นแรก (2017) / HomePod mini (2020) /  HomePod รุ่นที่ 2 (2023)

Apple เปิดตัวลำโพงไร้สายรุ่นแรก ซึ่งก็คือ HomePod จุดเด่นก็คือเสียงที่มีคุณภาพ รองรับการทำงานร่วมกับ Siri สั่งการด้วยเสียงได้ เปิดเพลงจาก Apple Music ได้

ในตอนนั้นเปิดตัวมาในราคา 349 ดอลลาร์ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง หลังจากนั้นและก็ปรับราคาลงเหลือ 299 ดอลลาร์ เพื่อแข่งขันในตลาด Smartspeaker แต่ก็ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก

ปี 2020 ก็ได้เปิดตัว HomePod mini ไซส์เล็ก ขายในราคา 99 เหรียญ หรือราว ๆ 3,000 บาท ออกมา

และล่าสุด 18 ม.ค. 2023 ก็ได้เปิดตัว HomePod รุ่นที่ 2 (ขายในราคา 299 ดอลลาร์) ซึ่ง Apple บอกว่า แม้ HomePod mini จะได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม แต่ Apple มองเห็นว่า HomePod รุ่นที่มีขนาดใหญ่กว่าก็ยังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการเสียงที่ทรงพลังมากขึ้น ดังนั้น เก็เลยทำ HomePod 2 ออกมาขาย

ถึงแม้ว่า Apple จะเปิดตัวลำโพงไร้สายอย่าง HomePod ออกมาแล้วทั้งหมดสามรุ่น แต่ในประเทศไทยก็ยังไม่มีการวางจำหน่ายให้ผู้ใช้คนไทยได้ใช้งานเลย อาจจะเป็นเพราะเหตุผลในเรื่องความพร้อมของ Siri ภาษาไทย ที่อาจจะยังทำงานได้ไม่เต็มที่ ต้องรอ Apple พัฒนาต่อไป

Apple Pay (เปิดตัวปี 2014)

Apple Pay เป็นการชำระเงินผ่าน iPhone ที่ง่าย ปลอดภัย และเป็นส่วนตัว เป็นการแตะเพื่อจ่ายแบบไร้สัมผัสในร้านที่มีสัญลักษณ์ Apple Pay

Apple Pay ใช้หลักการทำงานของ NFC ที่อยู่ใน iPhone (ใช้ได้ตั้งแต่ iPhone 5/ iPhone 5c เป็นต้นมา) แถมยังรองรับ iPad, Apple Watch และ Mac ด้วย

ผู้ใช้สามารถเพิ่มบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต หรือบัตรเติมเงินลงไปในแอปกระเป๋าสตางค์ เหมือนกับการเก็บบัตรเครดิตแบบดิจิทัลเอาไว้ในแอป พอถึงเวลาที่จะจ่ายเงิน แค่กดปุ่มด้านข้างเครื่องไ iPhone สองครั้ง เหลือบมองที่หน้าจอเพื่อสแกน Face ID จากนั้นนำบริเวณด้านบน iPhone ไปแตะที่เครื่องรับเงิน เพียงเท่านี้การใชจ่ายก็ง่ายขึ้นมาก

ในปี 2023 ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเปิดให้ใช้งานในประเทศไทย ขณะที่ประเทศใกล้เคียงอย่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน และจีน ได้ใช้บริการนี้กันแล้ว

Apple Cash (เปิดให้ใช้งานปี 2017)

บริการด้านการเงินอีกอย่างของ Apple ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถโอนเงินข้ามอุปกรณ์ได้ง่าย ๆ โดยสามารถส่ง ร้องขอ และรับเงินผ่านแอปกระเป๋าสตางค์ หรือแอปข้อความ หรือจะใช้รับเงินคืนจากธุรกรรม Apple Card ซื้อสินค้าโดยใช้ Apple Pay และโอนยอดเงิน Apple Cash ไปยังบัญชีธนาคารได้โดยตรง

Cr. Macrumors

โดยตัวเงินที่ถูกโอนผ่านระบบ Apple Cash จะถูกเพิ่มไปยังบัตร Apple Pay Cash ในแอป Wallet ซึ่งจะคล้าย ๆ กับบัตรเงินสดแบดิจิทัลที่สามาระเติมเงินเข้าไปให้มียอดเงินในบัตรเพื่อใช้ซื้อ โอนเงิน จ่ายเงิน หรือทำธุรกรรมต่าง ๆ ที่รองรับได้

Apple Card (เปิดตัวปี 2019)

เป็นบัตรเครดิตที่สร้างโดย Apple (ออกโดย Goldman Sachs) ออกแบบมาเพื่อใช้กับ Apple Pay บนอุปกรณ์ Apple เช่น iPhone, iPad, Apple Watch หรือ Mac เป็นหลัก

ผู้ใช้สามารถสมัคร Apple Card ได้ในแอป Wallet บน iPhone ได้เลย เมื่อสมัครผ่านแล้วก็ใช้งานเหมือนเป็นบัครเครดิตใบนึง แตะจ่ายที่ร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ Apple Pay หรือชำระทางออนไลน์เหมือนเรากรอกเลขบัตรเครดิตและเลขหลังบัตรตอนซื้อสินค้าออนไลน์

Cr. iMore

ขอดีคือไม่ต้องพกบัตรแบบจริง ๆ  สามารถพกไว้ในแอป Wallet (หรือจะพกก็ได้) และใช้จ่ายเงินได้เลย และเมื่อซื้อสินค้า Apple ด้วยบัตรเครดิต Apple Card จะได้เงินคืนรายวันไม่จำกัดถึง 3% และการใช้จ่ายทั่วไปในร้านอื่น ๆถ้าจ่ายผ่าน Apple Pay ได้เงินคืน 2% แบบไม่มีการจำกัดยอดต่อวัน

Apple Card ที่เป็นบัตรจริงจะผลิตจากวัสดุไทเทเนียม แกะสลักชื่อเจ้าของด้วยเลเซอร์ ที่ดูแพงและสวยงามมาก รองรับการชำระเงินผ่านสัญลักษร์ Mastercard ด้วย

Apple News (เปิดตัวปี 2015)

Apple News เป็นบิอการสมัครสมาชิกเพื่ออ่านนิตยสาร หนังสือพิมพ์ และสิ่งพิมพ์ดิจิทัลหลายร้อยรายการในแอป News บน iPhone, iPad หรือ Mac ซึ่งผู้ใช้ในไทยจะไม่สามารถดาวนโหลดหรือเห็นแอปนี้ที่หน้าจอ  Home เพราะในไทยยังไม่รองรับนั่นเอง

ต่อมามีบริการ Apple News+ (เปิดตัวปี 2019) ที่จะต้องจ่ายเงิน เพื่อจะปลดล็อกการเข้าถึงเนื้อหาระดับพรีเมียมจากนิตยสารหลายร้อยฉบับและหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติชั้นนำ อ่านได้ทั้งแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ และสามารถอ่านออกเสียงให้ฟังได้ด้วย

Apple Fitness+ (เปิดตัวปี 2020)

บริการสำหรับคนรักการออกกำลังกาย Apple Fitness+ ผสานการวัดค่าต่าง ๆ จาก Apple Watch เข้ามาใช้อย่างชาญฉลาดเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเห็นภาพบนหน้าจอของ iPhone, iPad หรือ Apple TV ได้ และมอบประสบการณ์ออกกำลังกายที่เหมาะกับแต่ละบุคคลในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

ผู้ใช้สามารถเข้าถึงการออกกำลังกายสไตล์สตูดิโอที่จัดทำโดยเทรนเนอร์ชื่อดังระดับโลกเหมือนได้ออกกำลังกายแบบตัวต่อตัว และมาพร้อมดนตรีประกอบที่เร้าใจจากเหล่าศิลปินชื่อดัง เชื่อมต่อกับ Apple Music เพื่อฟังเพลงระหว่างออกกำลังกายได้ด้วย

เลือกออกกำลังกายตามหมวดหมู่ที่ชอบ และจะมีการแนะนำคลาสออกกำลังกายโดยวิเคราะห์จากวิ่งที่เราชอบ เหมือนเราได้ออกกำลังกายกับเทรนเนอรื่อดังแบบตัวต่อตัว แถมดูการวัดค่าต่าง ๆ ของร่างกายจากหน้าจอได้เลย ไม่ต้องก้มดูให้เมื่อย เพราะมันจะแสดงอยู่ที่หน้าจอการออกกำลังกายให้เราเลย

iPhone ที่รองรับ 5G mmWave​ (เปิดตัวปี 2020)

Cr. Macrumors

Apple เปิดตัว iPhone ที่มาพร้อมการรองรับ 5G mmWave​ ครั้งแรกใน iPhone 12 ซึ่งเป็นโมเดลที่ขายในสหรัฐอเมริกา

Cr. Patently Apple

5G mmWave เป็นสัญญาณ 5G ที่เร็วกว่า 5G แบบปกติ สามารถส่งข้อมูลได้รวดเร็วมาก แต่ส่งได้ในรัศมีที่สั้นกว่าสัญาณ 5G แบบปกติ จึงเหมาะกับการใช้งานในเมืองที่มีประชากรหนาแน่น เช่น New York

ความแตกต่างคือตั้งแต่ iPhone 12 เป็นต้นมา จะมีการเว้นช่องและใส่เสาสัญญาณที่ด้านข้างเครื่อง ทำให้ ลักษณะภายนอกบริเวณด้านข้างของ iPhone ของไทยกับของอเมริกาไม่เหมือนกัน

บัตรประชาชนและใบขับขี่ในแอป Wallet (เปิดให้ใช้งานปี 2021)

Apple เปิดให้เพิ่มบัตรประจำตัวประชาชนและใบขับขี่เข้าไปที่แอป Wallet เริ่มบางรัฐในสหรัฐฯ ผู้ใช้สามารถสแกนบัตรตัวจริงเข้าไปเก็บในแอป Wallet บน iPhone, Apple Watch ได้

สามารถใช้ได้จริงในหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งสิ่งนี้จะต้องได้รับการยินยอมจากหน่วยงานรัฐด้วย นี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมในประเทศไทยยังไม่รองรับ

สำหรับประเทศไทยสามารถใช้งานบัตรประชาชนดิจัลได้แล้ว ผ่านทางแอป D.DOPA สำหรับใบขับขี่ก็ทำได้เช่นกัน ใช้งานผ่านแอป DLT QR LICENCE ได้เลย

การสแกนกระปุกยาในแอปสุขภาพ (เปิดตัวปี 2022)

ใน iOS 16 นั้น Apple ได้เพิ่มฟีเจอร์การติดตามการทานยาเข้ามา และมีวิธีการเพิ่มข้อมูลยาด้วยการสแกนขวดยาหรือฉลากยาด้วย ภูมิภาคหรือประเทศที่รองรับการสแกนขวดยาและฉลากยาในตอนนี้ก็คือ ประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น และการสแกนนีก็รองรับ iPhone บางรุ่น

 

ข้อดีคือผู้ใช้ไม่ต้องพิมพ์ชื่อยาด้วยตัวเอง เพียงนำกระปุกยามาสแกนก็สามารถเพิ่มข้อมูลเพื่อติดตามการทานยาได้ง่าย ๆ

SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียมบน iPhone 14 (เปิดตัวปี 2022)

ใน iPhone 14 ทุกรุ่น มีฟีเจอร์ SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียมเพื่อให้ผู้ใช้ส่งข้อความติดต่อบริการฉุกเฉินเมื่ออยู่นอกพื้นที่รับสัญญาณเซลลูลาร์และ Wi-Fi และยังใช้แอปค้นหาของฉัน (Find My) เพื่อแชร์ตำแหน่งของเรากับคนอื่น ๆ ผ่านดาวเทียมได้ด้วย

ฟีเจอร์นี้น่าจะมีให้ใช้งานเฉพาะสหรัฐฯเท่านั้นในตอนนี้ เนื่องจากมีผู้ให้บริการเครือข่ายผ่านดาวเทียมรองรับนั่นเอง

ในประเทศไทย ถึงแม้ว่าเราจะใช้งาน iPhone 14 ก็ยังไม่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้ เนื่องจากยังไม่มีผู้ให้บริการเครือข่ายผ่านดาวเทียม

Visual Look Up ค้นดูจากภาพ (เปิดตัวปี 2022)

Visual Look Up เป็นฟีเจอร์ใน iOS 15 ความสามารถจองฟีเจอร์นี้ใช้ค้นดูจากภาพเพื่อระบุวัตถุในรูปภาพที่เราดูอยู่ โดยจะมีข้อมูลสถานที่สำคัญยอดนิยม รูปปั้น ศิลปะ พืชพันธุ์ สัตว์เลี้ยง และอื่น ๆ แสดงขึ้นมา

น่าเสียดายที่ฟีเจอร์นี้ไม่เปิดให้ใช้งานในประเทศไทย

การชาร์จพลังงานสะอาด (เปิดตัวปี 2022)

ใน iOS 16.1 นั้น Apple ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่เกี่ยกับการชาร์จ ชื่อว่า การชาร์จพลังงานสะอาด (Clean energy Charging) ที่จะช่วยลดการปล่อย carbon footprint จากการชาร์จ ซึ่งใช้งานได้ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

Cr. Tech Times

เมื่อเปิดใช้งานการชาร์จพลังงานสะอาด และเราเสียบที่ชาร์จเข้ากับ iPhone จะมีการคาดการณ์การปล่อยคาร์บอนในโครงข่ายพลังงานในพื้นที่ของเรา และจะชาร์จ iPhone ในช่วงเวลาที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า

เป็นเรื่องของการใช้พลังงานให้น้อยลง เริ่มต้นจากการชาร์จมือถือ ซึ่งถือว่าเป็นฟีเจอร์ดี ๆ ที่น่าใช้มาก

ในอนาคตเราอาจได้ใช้งานฟีเจอร์หรือสินค้าบางอย่างด้านบน ต้องรอติดตามว่าเมื่อไหร่

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Nooknick Yanika

Humanities, English Literature
Chiangmai University