Apinya Amornsupornsath
วันนี้เป็นวันที่ iPad Air 2 รุ่น wifi + cellular วางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นวันแรก จึงได้โอกาสจับเจ้า iPad Air 2 มาทำการถ่ายรูปเปรียบเทียบกันแบบเบาๆกับเจ้า iPad Air มาดูกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ภาพแรกเป็นด้านหน้า ฝั่งซ้ายคือ iPad Air และฝั่งขวาคือ iPad Air 2 พระเอกของเรา
มาดูด้านหลังกันบ้าง ซึ่งเจ้าตัว iPad Air 2 นั้นมีสีที่ออกมาใหม่คือสีทอง บอกเลยว่าตัวจริงสวยมากๆ
ต่อมาด้านล่างเครื่อง ตัวบนคือ iPad Air 2 และตัวล่างคือ iPad Air จะเห็นความบางของ iPad Air 2 ที่ค่อนข้างบางกว่า และจะสังเกตได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของช่องลำโพง มาให้ใหญ่ขึ้น
ด้านบนไม่ค่อยได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก แต่หากสังเกตุดีๆจะเห็นว่ามีการเปลี่ยนที่อยู่ของไมค์ ส่วนจะไปอยู่ตรงไหนนั้นรอดูกันต่อไป 🙂
ด้านซ้ายของเครื่องเหมือนเดิม คือ เรียบ และไม่มีปุ่มใดๆ
ด้านขวามีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ คือ นำปุ่ม Ring/Silent ออก, ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงเลื่อนขึ้นมา รวมถึงช่องใส่ซิมที่ ขยับขึ้นมาให้อยู่สูงขึ้น และ มีไมค์จุดเล็กๆอยู่เหนือปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง
มาเปรียบเทียบความบางกันอีกซักรูป ขนาด iPad Air ที่ว่าบางแล้ว เมื่อมาเจอกับ iPad Air 2 ถึงกับดูหนาไปเลยทีเดียว
ต่อมาในส่วนของกล้องหลัง หรือ กล้อง iSight มีการปรับเพิ่มในส่วนของรายละเอียด จากเดิมที่มีความละเอียด 5 เมกะพิกเซล เพิ่มมาเป็น 8 เมกะพิกเซล และเป็น iPad รุ่นเดียวที่สามารถใช้โหมด ถ่ายภาพรัวต่อเนื่อง หรือ Burst mode ได้
โดยจะเห็นว่ากล้องของ iPad Air 2 มีการฝังเข้าไปแบบเรียบๆและไม่มีขอบรอบๆเหมือน iPad Air และด้านข้างยังมีไมค์มาให้เพิ่มอีก 1 ตัว
อีกหนึ่งจุดเด่นเลยก็คือ iPad Air 2 มาพร้อม Touch ID แล้วจ้า
รูปสุดท้ายทิ้งท้ายไว้กับภาพสวยๆของหน้าจอ iPad Air 2 ซึ่งเป็นหน้าจอที่ได้รับการพัฒนาจากจอภาพใน iPad รุ่นก่อนหน้านี้ จะประกอบด้วยเลเยอร์ 3 ส่วนแยกจากกัน แต่ iPad Air 2 ผสานทั้ง 3 เลเยอร์ให้เหลือเพียงหนึ่งเดียว จึงทำให้แต่ละเลเยอร์ไม่มีช่องว่าง ทำให้ไม่มีแสงสะท้อน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ สีสันที่สวยสดกว่าเดิม คอนทราสต์และความคมชัดที่ดีขึ้นกว่าเดิม
บอกเลยว่าต้องไปลองเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ
สุดท้ายนี้จากที่ได้สัมผัสบอกได้เลยว่าน่าสนใจจริงๆ ความบางที่บางมากๆ น้ำหนักที่เบาลง ยิ่งมาพร้อมกับชิพ A8X พร้อมโปรเซสเซอร์ร่วม M8 นั้น ทำให้เร็วแรง และจอภาพแสดงผลได้สวยงามจริงๆ 🙂
