in , , , , , ,

แนะนำ 100+ แอปโหลดฟรี! ที่ควรมีติดเครื่อง iPad อัปเดต 2022

สำหรับใครที่พึ่งซื้อ iPad เครื่องใหม่มาแล้วไม่รู้ว่าแอปไหนที่สามารถใช้บน iPad ได้บ้าง หรืออยากจะหาแอปเสริมไว้ใช้งานเพิ่มเติม วันนี้ทีมงานได้คัดเลือกแอปที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์มาแนะนำให้โหลดไว้ติดเครื่อง iPad กัน ไปชมเลย!

แนะนำ 100+ แอปโหลดฟรี! ที่ควรมีติดเครื่อง iPad อัปเดต 2022

สำหรับ iPadOS นั้นมีการปรับปรุงเพื่อให้ผู้ใช้มีประสบการณ์กับ iPad ที่ดียิ่งขึ้น สำหรับแอปที่จะแนะนำด้านล่างนี้ เป็นแอปสำหรับเหล่าครีเอเตอร์ที่ชอบสร้างสรรค์งานบน iPad จะดาวน์โหลดหรือไม่ดาวน์โหลดก็ได้ ทีมงานแนะนำให้เลือกตามความจำเป็นและการใช้งานที่เหมาะกับตนเอง แตะที่ชื่อแอปแล้วดาวน์โหลดได้เลย

แอปโซเชียลมีเดีย

1. Facebook – เอาไว้แบ่งปันเรื่องราวและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นบนโลกสังคมออนไลน์ ยิ่งเล่นบน iPad หน้าจอใหญ่ สะใจแน่นอน
2. Messenger – เป็นแชทจาก Facebook ที่เอาไว้คุยแชทกับเพื่อน ๆ หรือคุยงานก็สะดวกมากในเวลาเดียวกัน แนะนำให้โหลดติดเครื่อง iPad ไว้ สะดวกแน่นอน
3. LINE – เอาไว้แชทคุยงาน คุยกับเพื่อน หรือคนในครอบครัว เวลาที่เราทำงานอยู่บน iPad ก็จะสามารถใช้งานเครื่องเดียวได้ครบ จบ ไม่ต้องเสียเวลาหยิบโทรศัพท์ขึ้นแชท
4. Instagram – ถึงแม้ว่าใน iPad จะไม่แสดงหน้าแอปแบบเต็มจอ แต่ก็เพิ่มความสะดวกเวลาที่เราอยากถ่ายหรือแชร์ภาพอย่างรวดเร็วได้ในตอนที่กำลังใช้งาน iPad อยู่
5. Twitter – เป็นแอป Social Network อีกหนึ่งตัวที่เหมาะมากสำหรับการติดตามข่าวสารต่าง ๆ สำหรับคนที่ใช้งาน iPad เป็นหลักสำหรับการติดตามข่าวสาร แอปนี้ถถือว่าตอบโจทย์ได้ดีพอสมควรเลย
6. Tik Tok – เป็นแอปโซเชียลมีเดียอีกหนึ่งแอปที่ได้รับความนิยมมากในช่วงนี้ ยิ่ง iPad รุ่นใหม่มีฟีเจอร์ Center Stage สำหรับกล้องหน้าด้วยก็ยิ่งเหมาะมาก ๆ สำหรับเหล่าครีเอเตอร์ที่ชอบถ่ายคอนเทนต์วิดีโอสั้นลงแพลตฟอร์มนี้

ทางเลือก

  1. Telegram  – แอปสำหรับสนทนาทั้งแบบส่วนตัวหรือแบบกลุ่ม มีความปลอดภัยสูง
  2. Discord  – แอปการสนทนาแบบเสียงและข้อความที่เป็นที่นิยมของโปรแกรมเมอร์และเกมเมอร์
  3. Twitch  – แอป LIVE ถ่ายทอดสดการเล่นเกมและการแข่งขัน e-sports
  4. WhatsApp  – แอปสำหรับแชทกับเพื่อนทั้งแบบส่วนตัวและแบบกลุ่ม ใช้ฟรี คอลหากันได้ด้วย
  5. LinkedIn  – แอปเครือข่ายหางานยอดนิยม ต้องการหางานก็สร้างโปรไฟล์หรือเรซูเม่ได้เลย
  6. Clubhouse  – แอปที่สร้างคอมมูนิตี้การสนทนาด้วยเสียง สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยน หรือฟังข้อมูลได้
  7. Skype – แชทสื่อสารที่นิยมมากในสังคมบริษัท, สังคมการทำงาน
  8. BIGO LIVE – ไลฟ์วิดีโอ แชท และถ่ายทอดสดจากเน็ตไอดอลและดีเจมากมาย
  9. BeeTalk – แอปแชทหาคู่ นัดเดท ในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง
  10. WeChat – แอปแชทหาคู่หรือหาเพื่อนจากทั่วโลก
  11. AZar – วิดีโอแชทหาคู่หรือหาเพื่อนรูปแบบใหม่ที่คนโสดต้องลอง

แอปสำหรับสายวาดรูป

1. Procreate – เป็นแอปยอดนิยมที่เหล่าศิลปินดิจิทัลใช้มากที่สุด จากความสามารถของ iPad Pro ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชิป หน้าจอ รวมถึงการรองรับ Apple Pencil ที่สามารถใช้เครื่องมือบนแอปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น แปรงประเภทต่าง ๆ มากกว่า 136 แบบ จะสร้างภาพสเก็ตช์ ภาพวาด หรือภาพประกอบอื่น ๆ ทั้งภาพนิ่งและภาพกราฟิก 3D ก็สามารถทำได้อย่างไม่มีข้อจำกัด เป็นอีกหนึ่งแอปที่ต้องมีติดเครื่องไว้เลย!
2. Paper – เป็นแอปสมุดสเกตช์ ที่ใช้งานง่าย สามารถเพิ่มสมุดได้ มีเครื่องมือและบรัชให้เลือกเยอะอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งแอปที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว สายวาดรูปที่ชอบเดินทางบ่อย ๆ ไม่ควรพลาดแอปนี้ เพราะสามารถจดบันทึกหรือเล่าเรื่องราวออกมาได้เหมือนพกสมุดหลาย ๆ เล่มไปด้วยทุกที่
3. Linea Sketchแอปสเก็ตช์ภาพยอดเยี่ยมอีกหนึ่งแอป ที่ใช้งานง่าย มีคุณสมบัติของการวาดภาพให้เลือกมากมาย มีหลายสีและปรับแต่งเฉดสีเองได้ รองรับการซ้อนเลเยอร์แบบเยอะ ๆ ได้
4. SketchUP – เป็นแอปออกแบบ 3 มิติ ที่ใช้งานง่าย ไม่ว่าจะเป็นงานออกแบบสถาปัตยกรรม งานตกแต่งภายใน งานออกแบบผลิตภัณฑ์ และงานออกแบบ Display ซึ่งมีเครื่องมือที่หลากหลายมาก ๆ ภายในแอป และยิ่งในปัจจุบันทาง SketchUP ได้ออก SketchUp Go ออกมาสำหรับผู้ที่ใช้ iPad โดยเฉพาะจึงสามารถสร้าง แก้ไข หรือเปิดงานออกแบบของเราได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน สะดวกสุด ๆ ไปเลย
5. Lake: Coloring Books & Journal – แอปสมุดภาพระบายสีที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม ใช้งานได้ลื่นไหลไม่มีสะดุด มีสมุดภาพให้ฝึกระบายสีมากกว่า 100 ภาพ (อัปเดตเพิ่มตลอด)

แอปสำหรับสายตัดต่อวิดีโอ

1. iMovie – เป็นแอปตัดต่อวิดีโอพื้นฐานเหมาะสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นตัดคลิปง่าย ๆ มีฟีเจอร์ช่วยตัดคลิปให้อัตโนมัติด้วย เครื่องมือต่าง ๆ ไม่ซับซ้อน แต่อาจจะไม่มีลูกเล่นเยอะเหมือนแอปอื่น ๆ แต่ก็สามารถตัดต่อคลิปพื้นฐานได้ ใส่ข้อความ ใส่เพลง ใส่ Transition รวมถึงเพิ่มรูปภาพอื่น ๆ ได้
2. Adobe Premiere Rush – เป็นแอปตัดต่อวิดีโอสำหรับ iPad ที่ออกแบบมาให้เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน มีเครื่องมือให้เลือกใช้เยอะ โดยใช้ไอคอนเป็นตัวช่วยสำหรับมือใหม่ที่พึ่งเริ่มตัดต่อวิดีโอให้เข้าใจง่ายและรวดเร็ว
3. CapCutแอปตัดต่อยอดนิยม ที่หลาย ๆ คนอาจจะรู้จักกันอยู่แล้ว เป็นแอปโหลดฟรี ไม่ติดลายน้ำ สามารถ Export ไฟล์ออกไปใช้ได้เลย มีฟังก์ชันให้เลือกใช้มากมาย ทั้งรูปแบบข้อความ สติ๊กเกอร์ต่าง ๆ และยังมีเพลงติดแอปมาให้เลือกใช้เยอะอีกด้วย คุ้มมาก ๆ แนะนำให้โหลดติดเครื่องไว้เลย
4. Clips – แอปสำหรับตัดคลิปสั้น กดถ่ายเป็นคลิปสั้นผ่านตัวแอปและทำการตัดต่อได้เลย เลือกเอฟเฟกต์ ฟิลเตอร์ หรือสติกเกอร์ให้หน้าเราได้ และใส่เพลงประกอบได้ด้วย เหมาะกับเหล่าครีเอเตอร์สำหรับถ่ายลงแพลตฟอร์มสั้น ๆ อย่าง TikTok, IG Reels, Story IG, FB Reels
5. Inshot – ตัดต่อคลิปวิดีโอได้ และมีตัวเลือกให้แต่งภาพ หรือตัดแปะภาพหลาย ๆ ช็อตให้อยู่ในเฟรมเดียวกันได้ ใช้งานง่าย แต่เป็นแอปที่ติดลายน้ำ ต้องกดเข้าไปดูโฆษณาถึงจะลบลายน้ำให้ หรือจะกดซื้อแพ็คเกจเพื่อลบลายน้ำถาวรได้
6. VLLO – เป็นแอปตัดต่อที่น่าใช้อีกแอปหนึ่งเลยก็ว่าได้ ใช้งานง่าย และการทำงานของแอปเหมือนกับแอปตัดต่อมืออาชีพ หน้าตาของแอปไม่ซับซ้อน ทำงานเป็นเลเยอร์ไล่ลงมา สร้างวิดีโอเป็น GIF ได้ ตอนกดบันทึกวิดีโอก็สามารถเลือกความละเอียดวิดีโอ เลือกเฟรมเรทได้ด้วย

แอปสำหรับสายทำเพลง

1. GarageBand – แอปนี้จะช่วยให้สร้างสรรค์เพลงได้ง่ายขึ้น สามารถดาวน์โหลดแทร็กที่บันทึกไว้จากโปรแกรมอื่นได้ หรือจะเชื่อมต่อเครื่องดนตรีกับ iPad โดยตรงก็สามารถทำได้ รวมถึงต่อสายไมโครโฟนเข้ากับ iPad ก็ทำได้เช่นกัน และที่สำคัญคือ แอปนี้มีตัวเลือกทั้งเสียงกีตาร์ เบส คีย์บอร์ด และกลอง เพื่อใช้สร้างเพลงดิจิทัลให้ได้เสียงสมจริง เมื่อบันทึกเสร็จแล้วก็ยังแชร์แทร็กไปยัง Facebook, Youtube, SoundCloud และอื่นๆ ได้อีกด้วย
2. Audiobus – iPad ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่สร้างสรรค์เพลงได้ ไม่ว่าจะวางบีท ลูปของคลิป สร้างเสียงสังเคราะห์ และอื่นๆ อีกมากมาย เสมือนคีย์บอร์ดดิจิตอลที่เราพกไปไหนก็ได้

แอปสำหรับรูปภาพ แต่งรูป

1. Adobe Illustrator – แอปกราฟิกแบบเวกเตอร์เฉพาะของ iPad มีคุณสมบัติครบถ้วน ช่วยให้ออกแบบได้อย่างเชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ครีเอทงานสร้างสรรค์ได้ผ่าน iPad คู่ใจของเรา
2. Adobe Lightroom – เป็นแอป work flow สำหรับภาพถ่ายดิจิทัล ที่เหล่าช่างภาพมืออาชีพหลายคนในปัจจุบันเลือกใช้ เพียงแค่มี iPad ก็สามารถแก้ไขหรือแต่งรูปได้ไม่ว่าจะนั่งทำงานอยู่ที่ไหน และที่สำคัญคือ สามารถเสียบสาย USB-C ย้ายไฟล์รูปภาพจากกล้องมาที่ iPad แล้วแต่งรูปได้เลย เรียกได้ว่า สะดวกมาก ๆ
3. Pinterest – เป็นแอปที่เหมาะมาก ๆ สำหรับเหล่านักสร้างสรรค์ที่คิดหาไอเดียใหม่ ๆ อยู่เสมอ ซึ่งแอปนี้จะเป็นแอปที่รวบรวมไอเดียใหม่ ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ และเป็นแอปที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิตและเรื่องงานได้ทุกสายอาชีพ

แอปสำหรับดูหนัง ดูซีรีส์

1. Netflix – เป็นแอปที่รวบรวมภาพยนตร์ ซีรีส์ รายการบันเทิง และอีกมากมาย ที่เราสามารถเลือกเองได้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งแอปยอดนิยมที่จำเป็นต้องมีติด iPad ไว้ ยิ่งมีจอใหญ่ ๆ รับรองว่าดูหนังฟินแน่นอน
2. Apple TV – เป็นอีกหนึ่งสตรีมมิ่งที่สาวกแอปเปิ้ลสามารถรับชมภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือรายการบันเทิงต่าง ๆ ได้ ผ่าน APP Apple TV ใน iPhone, iPad, หรือ Mac ก็สามารถรับชมได้
3. Disney+ Hotstar – เป็นแอปศูนย์กลางความบันเทิงที่ได้รวบรวมเรื่องราวจากทั่วโลกทั้งเอเชีย และ ไทย ไว้ในที่เดียว ทั้งภาพยนตร์และซีรีส์ชื่อดังระดับฮอลลีวู้ด หรือภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลต่าง ๆ จาก Disney, Marvel, Star Wars, Pixar, National Geographic รวมไปจนถึงภาพยนตร์และซีรีส์จากสตูดิโอชั้นนำจากเอเชียและไทย
4. Viu – เป็นแอปที่รวบรวมซีรีส์และรายการทีวีที่ถูกกฎหมายที่เปิดตัวไปแล้วหลายประเทศในเอเชีย เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ซึ่งสามารถรับชมได้ทั้งซีรีส์และรายการบันเทิงต่าง ๆ
5. YouTube – แหล่งรวมสตรีมมิ่งเพลงจากทั่วทุกมุมโลกที่เราสามารถเลือกฟังได้ และในปัจจุบันก็มีรายการบันเทิงต่าง ๆ ที่ผลิตออกมาเพื่อลงแพลตฟอร์มนี้ เรียกได้ว่าตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเสพเรื่องราวผ่านโลกอินเทอร์เน็ต มีแอปนี้ติดเครื่องไว้ไม่มีเหงาแน่นอน

แอปสำหรับสายฟังเพลง

1. Apple Music – เป็นบริการฟังเพลงออนไลน์และออฟไลน์จาก Apple ที่มีเพลงให้เลือกฟังมากกว่า 90 ล้านเพลง รองรับการฟังผ่านหลายช่องทางทั้ง iPhone, iPad และอุปกรณ์อย่าง Apple Watch ก็ทำได้ มีเพลงให้เลือกฟังหลากหลายทั้งไทยและสากล เลือกฟังจาก Playlist ต่าง ๆ พร้อมทั้งฟังรายการวิทยุสด ๆ ที่มี DJ ชื่อดังมาจัดรายการอีกด้วย
2. Youtube Music – YouTube Music เป็นบริการสตรีมเพลงที่มาพร้อมกับแอปเพื่อการฟังเพลงและดูวีดีโอที่เกี่ยวกับเพลงโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นบริการที่ปกติเปิดให้ใช้ฟรีแต่จะมีโฆษณาคั่น ยกเว้นคนที่ไม่ต้องการให้มีโฆษณามารบกวนใจ ก็สามารถซื้อบริการ Youtube Music Premium ได้เดือนละ 129 บาท เพื่อการฟังเพลงโดยไม่มีโฆษณาคั่น และยังสามารถฟังเพลงได้ถึงแม้จะเราจะกดออกจากหน้าแอปไปแล้ว หรือปิดหน้าจอโทรศัพท์ก็ยังสามารถฟังเสียงต่อได้ รวมถึงดาวน์โหลดเพลงเก็บไว้ฟังแบบออฟไลน์ก็สามารถทำได้ สะดวกมาก ๆ เลย
3. Spotify – เป็นแอปที่บริการสตรีมเพลง พอดแคสต์ และวิดีโอ ซึ่งช่วยให้เราเข้าถึงบทเพลงได้นับล้านและเนื้อหาอื่น ๆ จากศิลปินทั่วทุกมุมโลก ใครที่ใช้ iPad ทำงานเป็นประจำ มีแอปนี้ติดเครื่องไวก็จะช่วยให้เราผ่อนคลายหรือเพลิดเพลินได้มากเลยล่ะ
4. JOOX – เป็นแอปมิวสิคสตรีมมิ่งสำหรับคนรักเสียงเพลงโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้เพลิดเพลินกับการฟังเพลงทุกที่ทุกเวลา ผ่านทางสมาร์ทโฟน แทบเล็ต และคอมพิวเตอร์ สามารถเข้าถึงศิลปินคนโปรด เพลงฮิต อัลบั้มดัง และยังสามารถสร้างเพลย์ลิสต์ส่วนตัวได้ นอกจากนี้ก็ยังสามารถค้นหาเพลงใหม่ ๆ หรือเพลงที่เหมาะกับรสนิยม และอารมณ์ในแต่ละช่วงเวลาของเราได้อีกด้วย

แอปสำหรับนักอ่าน

1. SOOK Library – เป็นแอปที่รวบรวมหนังสือดีมีประโยชน์จาก สสส. ไว้มากมาย เช่น เคล็ดลับการดูแลสุขภาพ การเลิกบุรี่ ความสุขในครอบครัว และหนังสือเสริมสร้างความสุขความบันเทิง สาวก iPad ที่ชอบอ่าน E-Book ตอบโจทย์แน่นอน
2. นิยาย Dek-D – เป็นแอปที่รวบรวมคลังนิยายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีนิยายให้อ่านฟรีกว่า 800,000 เรื่อง ทั้งนิยายจีน นิยายแฟนตาซี แฟนฟิค นิยายวาย นิยายรักหวานแหวว นิยายซึ้งกินใจ และนิยายสนุกๆ อีกมากมาย แถมมีฟีเจอร์ปรับเพิ่มหรือลดขนาดอักษรเวลาอ่าน เปลี่ยนสีพื้นหลัง หรือระยะห่างระหว่างบรรทัดได้ตามต้องการ
3. Kindle Reader – เป็นแอปที่ลิงก์กับ Amazon เมื่อเราซื้อหนังสือใน Amazon เราก็จะสามารถเปิดอ่านบน iPad ได้โดยตรงจากเว็บไซต์ สะดวกมาก ๆ
4. Flipboard – สำหรับใครที่ชอบใช้ iPad ในการอ่านข่าว หรืออ่าน E-Book อยู่แล้ว แอปนี้ถือว่าตอบโจทย์ เพราะเป็นแอปที่รวบรวมข่าวสารต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก และสามารถเลือกหมวดหมู่ของข่าวสารที่เราต้องการอ่านเป็นพิเศษอีกด้วย
5. NASA – เป็นแอปที่รวบรวมบทความ ข่าวสาร รูปภาพ และวิดีโอ ที่เกี่ยวกับเรื่องราวอวกาศ ชีวิตนอกโลก ทั้งหมดของ NASA ที่อัปเดตข่าวสารต่าง ๆ แบบเรียลไทม์รวมไว้อยู่ในแอปเดียว สำหรับใครที่สนใจเรื่องราวเหล่านี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือวัยทำงาน โหลดแอปนี้ติดเครื่องไว้อ่านยามว่างได้เลย
6. Reuters News – เป็นแอปของสำนักข่าว Reuters ที่นำเสนอเนื้อหา ข่าวสาร และข้อมูลการตลาดของ newswire ซึ่งภายในแอปก็มีหมวดหมู่ที่สามารถปรับแต่งได้ สำหรับใครที่ชอบติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้นทั่วโลก รับรองว่าแอปนี้ตอบโจทย์แน่นอน

แอปสำหรับจดโน๊ต

1. Note – เป็นแอปที่ติดมากับเครื่อง iPhone , iPad , Mac ทุกเครื่องอยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าหลาย ๆ คนก็อาจจะเลือกใช้แอป Notes ในการจดบันทึกข้อความหรือจดโน้ตแบบสั้น ๆ สามารถทำเป็นเช็คลิสต์ วาดรูป ระบายสี และสแกนเอกสารได้ด้วย แต่แอปนี้จะเหมาะกับการใช้งานแบบจด Short note มากกว่าเขียนอะไรยาว ๆ
2. Goodnotes – เป็นแอปที่แทบจะทุกสายงานอาชีพ และหลาย ๆ คนก็น่าจะรู้จักแอปนี้ดี ซึ่งลักษณะเด่น ๆ ของแอปนี้ก็คือมี UI ที่เรียบง่าย สามารถเลือกปก ลายกระดาษ สีของหัวปากกา นอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์หาคำลายมือที่เราจด และสแกนรูปแล้วแปะเข้าไปในโน้ตได้เลย ซึ่งเราก็สามารถจัดเก็บแต่ละไฟล์ได้อย่างมีระบบ และสวยงาม
3. Notability – เป็นอีกหนึ่งที่ตีคู่มากับแอป goodnotes เลยซึ่งมีฟีเจอร์การใช้งานส่วนใหญ่คล้ายกัน แต่มีฟีเจอร์อื่นเพิ่มเติมเข้ามา เช่น การอัดเสียง และการวางไฟล์ในเอกสาร แต่อาจจะแลกมาด้วยหน้าปกและการจัดเก็บที่อาจจะดูไม่สวยงามเท่ากับ goodnotes แต่ก็ใช้งานได้ดีไม่แพ้กัน ใครสะดวกใช้แอปไหนก็เลือกได้เลย
4. Evernote – เป็นแอปจดโน้ตที่มีความสามารถไม่แพ้กับแอปอื่น ๆ แต่ลูกเล่นอาจจะไม่สวยงามหรือหลากหลาย โดยสามาถสร้างโน้ตหรือบันทึกได้หลายรูปแบบ เช่น รูปภาพ ไฟล์ภาพ เสียง คลิปบนเว็บไซต์และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งแอปนี้ดาวน์โหลดได้ฟรีแต่ก็จะใช้ได้งานได้บางฟีเจอร์ แต่หากจะใช้ในระดับพรีเมียมก็จะอยู่ที่ 99.00 บาทต่อเดือน
5. Simplenote – เป็นแอปจดโน๊ตที่เน้นการพิมพ์เป็นหลัก มีความเรียบง่าย เครื่องมือ ฟีเจอร์ หรือลูกเล่นมีไม่มากนัก เหมาะกับการจดโน๊ตสั้น ๆ คล้ายกับแอป Notes บน iPhone, iPad เพียงแต่แอปนี้ไม่รองรับ Apple Pencil และลูกเล่นสีปากกาเท่านั้นเอง
6. Bear – แอปจดโน๊ตที่สามารถสร้างงานด้วยการด้วยเสียงสั่งผ่าน Siri ได้ง่ายๆ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเน้นการพิมพ์แต่ก็สามารถใช้งานกับ Apple Pencil ได้เช่นกัน รูปแบบของแอปจะคล้ายกับการเขียน Coding เพราะมีเครื่องมือ ที่สามารถเลือกใส่ได้พร้อมกับแนบไฟล์วีดีโอหรือแนบเป็นไฟล์ลิงก์ต่าง ๆ ได้ เหมาะกับการใช้เก็บลิงก์ของเว็บไซต์หรือไฟล์ต่าง ๆ มากกว่า
7. MOODA – แอปที่จะทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการเก็บบันทึกอารมณ์และความรู้สึกในแต่ละวันผ่านการใส่ไอคอนแสดงอารมณ์ เช่น ยิ้ม ร้องไห้ เศร้า เหนื่อย เฉย ๆ หรือโกรธ พร้อมกับเขียนบันทึกเรื่องราวสั้น ๆ  ที่เกิดขึ้น เมื่อถึงสิ้นเดือนก็หลับมาเช็คได้ว่า “เราเป็นคนที่มีความรู้สึกนึกคิดอย่างไร?” ดาวน์โหลดในราคา 35 บาท ถึงแม้จะไม่ใช่แอปฟรี แต่ทีมงานก็อยากแนะนำให้โหลดแอปนี้ติดเครื่องไว้เพื่อทำควารู้จักกับตัวเองมากขึ้น

แอปสำหรับทำงานเอกสาร

2. Pages – เป็นสร้างเอกสารของ Apple คล้ายกับโปรแกรม microsoft word สามารถใช้เทมเพลตที่มีให้เลือกมากมาย หรือจะครีเอทงานเอกสารออกมาเองห็สวามารถทำได้เช่นกัน
3. Numbers – เป็นแอปสำหรับการทำงานเอกสารที่ต้องใช้ตารางเข้ามาเกี่ยวข้อง การทำบัญชี หรือการคำนวณต่าง ๆ และมีสเปรดชีตเหมือนกับ microsoft excel เลยซึ่งทำงานได้ดีไม่แพ้กัน
4. Keynote – เป็นแอปที่เหมาะสำหรับการทำงานนำเสนอ หรืองานที่เป็นสไลด์ต่าง ๆ มีการเคลื่อนไหว และสามารถสร้างลายเส้นการเคลื่นไหวเองได้ และที่สำคัญคือ เมื่อใช้งานบน iPad ก็ยังรองรับการใช้งานกับ Apple Pencil ด้วย จึงสามารถวาด ขีดเขียนลายเส้นต่าง ๆ ลงไปได้หมดเลย ถือว่าสะดวกมาก ๆ
5. Microsoft Word – เป็นแอป Microsoft Word เวอร์ชันเดียวกับที่ใช้งานบนคอมพิวเตอร์เพียงแต่เราสามารถใช้งานบน iPad ได้ด้วย ไม่ว่าจะพิมพ์งาน เอกสาร ทำรายงาน ขีดเขียน ไฮไลท์ตัวหนังสือก็สามารถทำได้เช่นกัน
6. Microsoft Excel – เป็นแอปสเปรดชีตที่สามารถใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ได้เทียบเท่าคอมพิวเตอร์ จะสร้างแผนภูมิ สร้างกราฟ หรือแสดงข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นตารางก็สามารถทำได้ เพียงแต่เราสามารถใช้งานบนแท็บเล็ตของเราและพกพาไปที่ต่าง ๆ ได้ด้วย
7. Microsoft Powerpoint – เราสามารถสร้างงานนำเสนอที่สวยงามและเรียบง่ายได้ด้วย Powerpoint บน iPad ที่มีธีม ทรานซิชัน และฟีเจอร์มากมายที่ทำให้สไลด์ของเราสวยงาม
8. Google Sheets – สามารถดูไฟล์ พิมพ์เอกสารจำพวก Spreadsheet อย่างเช่นไฟล์ Excel Spreadsheet บน iPad ได้ โดยการใช้งานแอปนี้บน iPad ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกมากยิ่งขึ้น
9. Google Docs – แอปนี้เราสามารถดู แก้ไข หรือพิมพ์เอกสาร Document ได้ฟรี และยังแชร์ออนไลน์ให้เพื่อน ๆ สามารถแก้ไขเอกสารร่วมกันได้อีกด้วย
10. Canva – แอปยอดฮิตของนักออกแบบ สามารถทำงานกราฟิกได้หลากหลาย มีแท็มเพลตให้เลือกเยอะ ใช้ออกแบบสไลด์สำหรับพรีเซนต์งานได้ อีกทั้งยังแชร์ให้เพื่อนแก้ไขหรือทำงานร่วมกันได้
11. iFont – แอปสำหรับช่วยในการติดตั้งฟอนต์ที่เราโหลดมาจากอินเทอร์เน็ต ใช้งานก็ง่าย ทีมงานแนะนำเลย วิธีลงฟอนต์บน iPad และการใช้งานกับแอปต่าง ๆ สำหรับ iPadOS 15.4

แอปสำหรับจัดการเอกสาร

1. Files – แอปสำหรับจัดเก็บและจัดการไฟล์หรือเอกสารของเราทั้งหมดบน Apple สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Apple อื่น ๆ ได้อย่าง iPhone, iPad และ Mac
2. Documents – เป็นแอปสำหรับจัดการเอกสารที่คล้าย ๆ กับแอป Files ช่วยให้สามารถโหลดไฟล์จาก internet ไม่ว่าจะเป็น zip, rar, pdf, ไฟล์เอกสาร office หรือแม้กระทั่ง mp3 ลงเครื่อง iPad ของเราได้ และที่สำคัญคือโหลดฟรี!

แอปอ่านไฟล์ PDF

1. Adobe Acrobat – แอปสำหรับอ่านเอกสาร PDF ที่สามารถสแกนเอกสารเป็น PDF เก็บไว้ได้
2. PDF Expert: PDF Editor, Reader – เป็นแอปอ่าน PDF ที่สะดวกครบครัน สามารถไฮไลท์ข้อความ ขีดเส้นใต้ เพิ่ม Text ขีดเขียนลงบน PDF หรือจะเพิ่มโน้ต เพิ่มรูปร่างเลขาคณิตได้ และยังมีสติ๊กเกอร์ภายในแอป ทำให้สามารถเพิ่มความน่าอ่านของ PDF ได้มากขึ้นเลยทีเดียว
3. PDF Hero – PDF Editor & Reader – แอปอ่าน PDF ที่สามารถไฮไลท์ข้อความ ขีดเส้นใต้ เพิ่ม Text ขีดเขียนลงบน PDF โดยจุดเด่นของแอปนี้คือสามารถปรับไซส์บรัช และความเข้มของบรัชได้ สามารถเพิ่มรูปร่างได้ เช่น สี่เหลี่ยม กล่องคำพูด เส้นลูกสร ก็สามารถทำได้อีกด้วย
4. PDF Editor – แอปนี้สามารถแก้ไข PDF และ อ่าน PDF ได้ มีแถบเครื่องมือ สามารถเลือกหัวบรัช ขนาด และสีของบรัช และขีดเขียนหรือไฮไลท์ลงบน PDF ได้ และยังสามารถ เพิ่มหน้า PDF จากกล้อง, ไฟล์, รูปภาพ, หรือ หน้าเปล่าลงบน PDF ของเราได้อีกด้วย
5. Apple Books – เป็นแอปที่มีอยู่ใน iPad อยู่แล้ว สามารถเปิดเอกสาร PDF ได้ มีแถบเครื่องมือเลือกหัวบรัช ขนาด และสีของบรัช และขีดเขียนหรือไฮไลท์ลงบน PDF ได้ มีแถบเครื่องมือที่สามารถปรับความสว่างของหน้าจอทำให้สะดวกต่อการอ่าน รวมถึงมีปุ่มเสิร์ชหาข้อความด้วย

แอปจัดการอีเมลล์

1. Gmail – เป็นอีเมลฟรียอดนิยม ที่สามารถใช้ส่งงาน ติดต่อประสานงานต่าง ๆ ใช้ง่ายและปลอดภัย จึงเป็นอีกหนึ่งแอปสำคัญที่ควรมีติดเครื่องไว้
2. Microsoft Outlook – อีเมลล์ฟรีจากทาง Microsoft หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Hotmail นั่นเอง
3. Spark – แอปจัดการอีเมลล์ยอดนิยมอีกแอปหนึ่งที่รองรับการตั้งเวลาส่งอีเมลล์ล่วงหน้า จัดหมวดหมู่อีเมลล์สำคัญได้ดีเยี่ยม มีฟังก์ชันการจัดการอีเมลล์ที่จำเป็นเยอะมากมาย ลองไปโหลดใช้งานได้เลย!

แอปสำหรับจัดเก็บข้อมูลบน cloud

1. Dropbox – เป็นบริการพื้นที่เก็บข้อมูลบน Cloud ข้ามแพลตฟอร์มที่ช่วยให้เราสามารถเก็บรูปภาพ วิดีโอ เอกสาร และอื่นๆ ไว้ในที่ที่เดียวได้ เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตก็เข้าถึงบัญชี Cloud ได้ และยังสามารถแบ่งปันพื้นที่เก็บข้อมูลกับผู้อื่นได้ด้วย ใครที่ใช้ iPad ในสายงานตัดต่อวิดีโอ งานออกแบบ หรือใช้ไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ รับรองว่า dropbox ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับการเก็บข้อมูลแน่นอน
2. Google Drive – ถ้าหากว่ามีบัญชี Google อยู่แล้ว ก็สามารถใช้บริการ Google drive ได้ แต่จะมีพื้นที่ให้เก็บข้อมูลฟรีเพียง 15GB เท่านั้น ถ้าหากต้องการได้พื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มก็จะต้องซื้อเพิ่มนั่นเอง ซึ่ง Google drive สามารถบันทึกไฟล์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ, รูปภาพ หรือ Google เอกสาร ก็สามารถเก็บบันทึกได้
3. Microsoft OneDrive – เป็นบริการพื้นที่เก็บข้อมูลบน cloud ของ Microsoft ที่สามารถถ่ายโอนข้อมูลระหว่าง iPad ไปยังคอมพิวเตอร์ PC ได้ ถ้าเราสมัครใช้งาน และแอป OneDrive สำหรับ iPad สามารถทำงานเอกสารผ่าน Office ได้โดยตรงในแอป และยังสามารถเข้าถึงไฟล์ได้แบบออฟไลน์อีกด้วย

แอปสำหรับเว็บเบราว์เซอร์

1. Safari – เบราว์เซอร์ที่มีติดเครื่อง iPad มาอยู่แล้ว ใช้งานง่าย สะดวก มีฟังก์ชันให้เลือกใช้มากมายอีกด้วย
2. Chrome – เป็นเบราว์เซอร์ที่ทุกคนต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีแน่นอน แม้ใน iPad จะมี Safari มาให้แล้ว แต่ถ้าใครที่ถนัดและชอบใช้ Chrome มากกว่าก็สามารถดาวน์โหลดมาใช้กันได้
3. Microsoft Edge: Web Browser – ส่วนใครที่ชอบใช้ MicroSoft Edge ในการค้นหาข้อมูล หรือดาวน์โหลดไฟล์ต่าง ๆ ก็โหลดมาใช้กันได้เลย

แอปสำหรับวาง Planner

1. Pencil Planner & Calendar Pro – เป็นแอปที่เราสามารถวาดหรือเขียนโน้ตด้วยลายมือเราลงบนปฏิทินได้เลย เหมาะมาก ๆ สำหรับสายที่ชอบวางแผนและชอบตกแต่งวาดรูปให้กับ Planner ให้เรารู้สึกอยากใช้มากขึ้น สามารถเลือกโหมดสว่างหรือโหมดมืดให้กับปฏิทินได้ สำหรับการวางแผนก็มีให้เลือกทั้งแบบวัน สัปดาห์ เดือน และปี
2. Structured – Day Planner – เป็นแอปที่ช่วยให้เราวางแผนแต่ละวัน สามารถสร้าง Tasks เองได้ โดยเลือกไอคอน สี หรือช่วงเวลา และสามารถกำหนดเวลาแจ้งเตือนได้อีกด้วย เมื่อเราทำสำเร็จ สามารถเช็คลิสต์ในรายการที่ทำสำเร็จแล้วได้ด้วย เหมาะมาก ๆ สำหรับแผนรายวันที่เราตั้งเป้าหมายไว้
3. Planner Pro – Daily Calendar – เป็นแอปที่สามารถจัดการอีเวนต์, Tasks และโน้ตได้ สามารถเพิ่มรูปภาพ หรือสามารถวาดด้วยลายมือลงในโน้ตได้อีกด้วย สามารถปรับมุมมอง Planner ได้ทั้งแบบรายวัน รายเดือน และมีหน้า tasks รวม ที่เราสามารถเช็คลิสต์ได้
4. Tiny Calendar: Planner & Tasks – เป็นแอปที่สามารถวางแผนได้ทั้งรายวัน สัปดาห์ เดือน และ ปี และมีหน้า Forecast ที่ทำให้เรามองเห็นอีเวนต์ที่กำลังจะมาถึงได้ สามารถซิงค์กับ Google Tasks และสามารถดูมุมมองแบบไทม์ไลน์ได้ ทำให้เราดูง่ายขึ้นว่าแต่ละวัน หรือแต่ละเวลา จะต้องทำอะไรบ้าง
5. Calendars: Planner & Reminders – เป็นแอปที่เหมาะกับการวางแผนงาน เพราะเราสามารถใช้ร่วมกับ Google Hangouts, GoToMeeting และ Zoom สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ด้วย และตั้งค่าการแจ้งเตือนได้อีกด้วย

แอปสำหรับแผนที่และการเดินทาง

1. Google Earth – เป็นแอปสำหรับดูภาพถ่ายดาวเทียมและภาพถ่ายทางอากาศของสถานที่ที่เราต้องการไป ช่วยเพิ่มความเข้าใจในที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เวลาที่เราต้องการเดินทางไกลมากขึ้น แต่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจึงจะสามารถใช้งานได้
2. Google Maps – สำหรับใครที่ชอบใช้ iPad เปิดแผนที่นำทางเวลาจะเดินทางไปไหน Google Maps เป็นอีกหนึ่งแอปที่ต้องมีติดเครื่องไว้เลย ใช้งานง่าย สะดวก และน่าจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
3. Maps – เป็นแอปแผนที่นำทางของ Apple ที่มีติดเครื่อง iPad มาอยู่แล้วใช้ดูแผนที่นำทาง และยังรองรับ CarPlay ด้วย

แอปสำหรับการศึกษา ค้นคว้าข้อมูล

1. Duolingo – เป็นแอปสำหรับการเรียนรู้และฝึกทักษะภาษาใหม่ ๆ ซึ่งเป็นแอปที่ดีอีกแอปหนึ่งสำหรับคนที่อยากจะฝึกทักษะภาษาอื่น ๆ เพิ่มเติม ภายในแอปก็จะมีบทเรียนให้ฝึกไล่ระดับตั้งแต่ระดับง่ายไปจนถึงระดับยาก และมีภาษาให้เลือกเยอะมากอีกด้วย เป็นแอปฝึกทักษะภาษาเริ่มต้นที่ดี แนะนำให้โหลดติดเครื่องไว้เลย
2. Google Translateเป็นแอปแปลภาษาที่สามารถแปลได้ทั้งข้อความหรือคำพูดของเรา แนะนำให้โหลดติดเครื่องไว้เวลาไปเที่ยวต่างประเทศ หรือใครที่ใช้ iPad สำหรับการเรียนเป็นเครื่องหลักนั้น แอปนี้จะช่วยเหลือเราได้แน่นอน
3. Google – แอปสำหรับค้นหาข้อมูล หรือท่องเว็บไซต์โดยเฉพาะ
4. Google Classroom – แอปสำหรับสร้างคลาสเรียนเพื่อเชื่อมโยงผู้สอนกับนักเรียน และยังสามารถส่งสื่อการเรียนการสอนได้ด้วย ยิ่งใครที่ใช้ iPad สำหรับการเรียนอยู่แล้วถือว่าสะดวกมาก ๆ
5. Zoom – แอปวิดีโอคอลที่รองรับการสนทนาหลาย ๆ คน สามารถใช้เรียนออนไลน์หรือประชุมงานออนไลน์ได้ ยอดนิยมมาก ๆ ในที่ใครหลาย ๆ คนต้องเรียนออนไลน์อยู่บ้าน แนะนำให้โหลดติดเครื่องไว้เลย
6. Microsoft Team – เป็นแอปสำหรับการศึกษาโดยเฉพาะ สามารถสร้างหมวดหมู่วิชา ห้องเรียน คุยแชท นัดเรียนหรือประชุมออนไลน์ได้ อีกทั้งยังสามารถส่งสื่อการเรียนการสอนหรือส่งงานผ่านแอปนี้ได้ด้วย
7. Bright – แอปเรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านรูปแบบเกมอันสนุกสนาน พร้อมการฝึกฝนซ้ำและเทคนิคพิเศษสำหรับการจดจำคำศัพท์ใหม่ ๆ ที่เรียกว่า “Fast Brain” เพียงใช้เวลาแค่ 5 นาทีต่อวัน ก็สามารถเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ ได้ถึง 8 คำในแต่ละวัน และจะสะสมมากขึ้นถึง 500 คำภายใน 2 เดือน
8. Translate Now – Translator – ไม่ว่าจะเดินทางไปเที่ยวประเทศไหน การมีแอป Translate Now ติด iPad ไว้จะไม่ทำให้ต้องเจออุปสรรคในการสื่อสารอีกต่อไป เพราะสามารถแปลภาษาได้ด้วยเสียง กล้อง ลายมือ ข้อความ หรือจะแปลผ่าน Apple Watch ก็สามารถได้เช่นกัน สะดวกมาก!

แอปเครื่องคิดเลข

1. Calculator Air – แอปนี้สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี และคำนวณได้หลายอย่างทั้งโจทย์วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เหมาะมาก ๆ สำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องใช้เครื่องคิดเลขประกอบการเรียน แถมยังสามารถใช้งานแบบแบ่งหน้าจอควบคู่ไปกับการเรียน หรือการทำงานอื่น ๆ ได้อีกด้วย ไม่ต้องพกหรือหยิบออกมาหลายเครื่องให้ยุ่งยาก เรียกได้ว่าสะดวกมาก ๆ
2. Calculator for iPad + – เป็นแอปเครื่องคิดเลขสำหรับ iPad โดยเฉพาะ โหลดฟรี คำนวณพื้นฐานต่าง ๆ ได้ทั้งหมด ตัวดีไซน์การออกแบบคล้าย ๆ กับแอปเครื่องคิดเลขบน iPhone จึงทำให้รู้สึกว่าใช้งานง่าย และที่สำคัญคือโฆษณาน้อย ตอบโจทย์สายคิดคำนวณแน่นอน

แอปสำหรับความปลอดภัย

1. Find my – แอปสำหรับการค้นหาอุปกรณ์ของ Apple ทุกชิ้น ซึ่งเป็นแอปที่ติดมากับเครื่องอยู่แล้ว หากใครที่ใช้อุปกรณ์ชิ้นอื่นของ Apple อยู่แล้วก็แนะนำให้โหลดติดเครื่องไว้ หากเกิดเหตุ iPhone  ของเราหายก็สามารถใช้ iPad ค้นหาได้
2. 1Password – แอปจัดเก็บและจัดการบัญชีและรหัสผ่านที่ได้รับความนิยมและปลอดภัยมาก ๆ
3. Apple Support – แอปสนับสนุนให้ความช่วยเหลือของ Apple สามารถอ่านบทความหรือนัดโทรขอความช่วยเหลือจากฝ่ายสนับสนุนได้ รวมถึงนัดหมายเข้าไปเคลมสินค้าที่หน้าร้าน Apple Store ได้

แอปสำหรับเทรด Crypto

1. BitKub : ซื้อ & ขาย บิตคอยน์ – แอปสำหรับแลกเปลี่ยน Crypto Currency ของคนไทย
2. CoinMarketCap – แอปที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิตอลไว้หลากหลาย ทั้งภาพรวมในตลาด ราคาของแต่ละเหรียญ เป็นแอปที่มีความน่าเชื่อถือในระดับต้น ๆ ของโลกเลยก็ว่าได้
3. Coinbase: Buy Bitcoin & Ether – แอปศูนย์กลางซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล สร้างพอร์ตจัดการทรัพย์สินภายในแอป
4. Zipmex – ผู้ให้บริการแอxเทรดคริปโต ที่มีสภาพคล่องสูง มีหลายสกุลเงินให้เลือกเทรด และเป็นหนึ่งในแอปที่ได้รับการอนุญาตอย่างถูกกฎหมายจาก 4 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ประเทศไทย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ตัวแอปไม่ซับซ้อน ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่หรือผู้หัดเทรดคริปโต
5. Upbit Global – เป็นแอปเทรดคริปโตน้องใหม่ในไทย แต่เป็นมือเก๋าจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งในปัจจุบัน Upbit เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มเทรดคริปโตที่ใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก ดีไซน์เรียบง่าย ใช้งานสะดวก มีความเสถียรสูง และได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียบร้อยแล้ว

แอปสำหรับเทรดหุ้น

1. Settrade App – แอปนี้มีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียน เป็นแอปสำหรับผู้ที่มีความสนใจในการลงทุน สามารถติดตาม ข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ อนุพันธ์ กองทุน ข่าวสารการลงทุนหรือบทความที่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์คำนวณผลกำไร-ขาดทุนย้อนหลังสำหรับการจำลองเล่นหุ้นด้วย ทำให้เหมาะกับมือใหม่ที่อยากลองเทรดก่อนลงสนามจริง
2. AVA Advisor – เป็นแอปที่นักลงทุนควรมีติดไว้บน iPad เพราะแอปนี้มาพร้อม AI ที่ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งาน เพื่อแนะนำการลงทุน นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งความรู้เกี่ยวกับการลงทุน การเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดโลก หุ้นเด่น รวมถึงดัชนีหุ้นในอุตสาหกรรมที่สำคัญ แบบเรียลไทม์ ช่วยให้นักลงทุนสามารถนำข้อมูลมาพิจารณาได้ทันท่วงที ไม่พลาดโอกาสในการลงทุน
3. StockRadars – ใช้ติดตามหุ้นที่สนใจ โดยสามารถเซ็ตตัวกรองเพื่อค้นหาหุ้นที่มีเงื่อนไขตามที่ต้องการได้ และมาพร้อมฟีเจอร์แจ้งเตือนหุ้นที่น่าสนใจแบบเรียลไทม์ ตั้งการแจ้งเตือนได้ช่วยให้ไม่พลาดโอกาสการลงทุน
4. FINNOMENA ลงทุน กองทุนรวม หุ้น – แอปนี้รวบรวมบทความ ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนจากนักลงทุนมืออาชีพ บทวิเคราะห์ รวมถึงข้อมูลของหุ้นทุกตัวภายในประเทศ และสภาวะตลาดในปัจจุบันไว้ในแอปเดียว และยังมีฟีเจอร์ที่สามารถดูข้อมูลงบการเงินของบริษัทที่ต้องการลงทุนย้อนหลังได้ถึง 10 ปีอีกด้วย
5. Investing.com หุ้น – อัพเดทข้อมูลข่าวสารครอบคลุมตราสารทางการเงินทั้งในประเทศและระดับโล นักลงทุนสามารถนำไปใช้วิเคราะห์เพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุนได้ เช่น ราคาซื้อขายแบบเรียลไทม์ของดัชนี หุ้น พันธบัตร สินค้าโภคภัณฑ์ ตลาดฟอเร็กซ์ อัตราดอกเบี้ย เป็นต้น เป็นอีกหนึ่งแอปที่นักลงทุนมือใหม่และเซียนหุ้นต้องมีติดเครื่อง iPad ไว้

แอปจองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม ท่องเที่ยว

1. Traveloka – แอปที่สามารถดูโปรโมชัน, จองตั๋วเครื่องบิน, ชำระเงินได้เลยภายในแอปเดียว
2. Agoda – แอปจองที่พักและโรงแรมสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางบ่อย ๆ หาโรงแรมง่ายและระบบการจองที่ไม่ยุ่งยาก ใครที่พก iPad ไปด้วยทุกที่ ใช้ iPad เลือกห้องพักก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้น
3. Skyscaner – ค้นหาเที่ยวบิน เปรียบเทียบเที่ยวบินเลือกราคาถูกที่สุด เหมาะสำหรับการวางแผนการเดินทาง
4. Booking.com Travel Deals – แอปสำหรับจองที่พักและโรงแรม ครอบคลุมทุกสถานที่
5. Tripadvisor: วางแผนและจองทริป – แอปช่วยหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงกับที่เราอยู่ ทั้งในไทยและต่างประเทศ มีรีวิวต่าง ๆ ด้วย ทั้งที่เที่ยว ที่กิน ที่พัก ฯลฯ และยังสามารถจัดทริปหรือว่าแนะนำทริปท่องเที่ยวให้เราได้อีกด้วย สำหรับคนที่ชอบการท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดแอปนี้
6. App in the Air – แอปสำหรับผู้ที่เดินทางด้วยเครื่องบินบ่อย ๆ แอปนี้จะแสดงรายการการว่าไฟท์ต่อไปที่เราจะบิน รายละเอียดต่าง ๆ เครื่องดีเลย์หรือไม่ ต้องขึ้นเครื่องที่ประตูไหน และที่สำหรับเก็บสถิติให้ด้วยว่าบินไปแล้วกี่กม. กี่ชั่วโมง และมีระบบ Push แจ้งเตือนได้ด้วย ใครที่เป็นนักเดินทาง บินบ่อย ๆ ต้องลองใช้งานแอปนี้เลย สะดวกมาก ๆ

แอปช้อปปิ้งออนไลน์

1. Apple Store – แอปสำหรับซื้อของออนไลน์ของหรือเอาไว้ดูสถานะการจัดส่งสินค้าของ Apple ด้วยแอปนี้
2. Lazada – แหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก เปลี่ยนมาใช้ iPad จอใหญ่ก็ช้อปปิ้งได้สนุกแน่นอน
3. Shopee – แหล่งซื้อขายช้อปปิ้งออนไลน์ที่กำลังฮิตในตอนนี้ มีโปรโมชันดีลเด็ดทุกเดือน มีติดเครื่องไว้อีกแอปก็ไม่เสียหาย

แอปสำหรับรถยนต์ EV

1. EV Station PluZ – แอปของ ปตท. สำหรับเช็ครายละเอียดการชาร์จรถไฟฟ้าทุกชนิด รวมถึงรถชนิดปลั๊กอินไฮบริดด้วยสามารถจองเวลาชาร์จล่วงหน้าได้
2. EA Anywhere – แอปให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า จองเวลาและสถานที่ที่ต้องการเข้าชาร์จล่วงหน้าได้
3. PEA VOLTA – แอปให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) สามารถค้นหาสถานที่ชาร์จและนำทางไปยังจุดชาร์จได้ ถือว่าสะดวกมาก ๆ

และนี่ก็เป็นแอปที่ควรมีติดเครื่อง iPad ที่ทีมงานได้รวบรวมมาฝากกัน แต่ละแอปก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป เพื่อน ๆ ลองไปโหลดมาใช้งานกันดูได้เลย แน่นอนว่าต้องช่วยให้การใช้ iPad ของทุกคนสะดวกขึ้นแน่นอน
อ่านเพิ่มเติม : 100+ แอปที่แนะนำให้มีไว้ติดเครื่อง iPhone อัปเดตกุมภาพันธ์​ 2022

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Pornpimol Kulab

Faculty of Mass Communication,
Chiangmai University