in ,

โซนี่ไทยเปิดจองกล้องฟูลเฟรมมิเรอร์เลส Alpha 7 IV 15 พ.ย. นี้ พร้อมแคมเปญ”บิดสวิตช์ เพื่อชีวิตอีกด้าน”

โซนี่ไทยเปิดจองกล้องฟูลเฟรมมิเรอร์เลส Alpha 7 IV 15 พ.ย. นี้ จัดเต็มทั้งเทคโนโลยีระดับมืออาชีพทั้งสายภาพนิ่ง และวิดีโอ ด้วยเซ็นเซอร์รับภาพ 33 ล้านพิกเซล เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานด้วยเลนส์ใหม่

โซนี่ไทยเปิดจองกล้องฟูลเฟรมมิเรอร์เลส Alpha 7 IV 15 พ.ย. นี้ พร้อมแคมเปญ”บิดสวิตช์ เพื่อชีวิตอีกด้าน”

กล้อง Alpha 7 IV จัดเต็มเทคโนโลยีระดับมืออาชีพทั้งสายภาพนิ่ง และวิดีโอ โดดเด่นด้วยเซ็นเซอร์รับภาพ 33 ล้านพิกเซล เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานด้วยเลนส์เทเลโฟโต้ SEL70200GM2 พร้อมแฟลช 2 รุ่นใหม่ล่าสุด HVL-F60RM2 และ HVL-F46RM

กรุงเทพฯ / 15 พ.ย. 2564) บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด พร้อมเปิดจองกล้องฟูลเฟรมมิเรอร์เลสรุ่น Alpha 7 IV (อ่านว่า อัลฟ่า เซเว่น มาร์ค โฟร์) วันที่ 15 พฤศจิกายน ศกนี้ กล้อง Alpha 7 IV เป็นกล้องแบบไฮบริดที่ต่อยอดมาจากกล้องรุ่น Alpha 7 III ที่พร้อมนำคุณก้าวสู่อีกระดับของมาตรฐาน กล้องฟูลเฟรมได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยเซ็นเซอร์รับภาพที่มีความละเอียดถึง 33 ล้านพิกเซล ผสานการทำงานกับระบบประมวลผลภาพอันทรงพลังรุ่นใหม่อย่าง BIONZ XR™ และความสามารถของระบบโฟกัสอัตโนมัติขั้นสูง ขณะเดียวกันตัวกล้องยังรองรับเทคโนโลยีการถ่ายภาพขั้นสูงจากโซนี่อีกมากมาย รวมถึงได้รับการออกแบบมา เพื่อการทำงานที่คล่องตัวและน่าเชื่อถือครอบคลุมทั้งการถ่ายภาพนิ่งและภาพยนตร์ จึงทำให้ Alpha 7 IV   เป็นกล้องที่สมบูรณ์แบบที่สุด สำหรับผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพระดับมืออาชีพ พร้อมการสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ทรงประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ โซนี่ไทยยังได้แนะนำเลนส์ G Master FE 70-200mm F2.8 GM OSS II           (รุ่น SEL70200GM2) เลนส์เทเลโฟโต้รุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล G Master ที่มาพร้อมรูรับแสงขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักเบาที่สุดในโลก รวมทั้งแฟลชรุ่นใหม่ 2 รุ่นด้วยกันคือ HVL-F60RM2 และ HVL-F46RM ซึ่งมีขนาดกะทัดรัด ให้การควบคุมที่แม่นยำ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยความเร็วสูงและใช้งานง่าย และได้รับการปรับปรุงด้านการถ่ายภาพต่อเนื่อง ให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน โซนี่ยังได้เปิดตัวแคมเปญ “บิดสวิตช์ เพื่อชีวิตอีกด้าน” โดยร่วมมือกับ คอนเทนต์   ครีเอเตอร์ กว่า 20 ท่าน ในการถ่ายทอดผลงานคอนเทนต์ผ่านกล้อง A7 IV เพื่อสื่อสารถึงศักยภาพความคล่องตัวในการใช้งานกล้องควบคู่กันระหว่างภาพนิ่ง และวิดีโอ ช่วยในการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผ่านคุณภาพ และคุณสมบัติของกล้องที่โดดเด่น โดยแคมเปญ“บิดสวิตช์ เพื่อชีวิตอีกด้าน” จะเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ศกนี้จนถึงเดือนมีนาคม 2565 ผ่านช่างทางโซเชียลมีเดีย YouTube ของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ รวมถึง Sony Digital Camera Thailand Facebook และ #บิดสวิตช์เพื่อชีวิตอีกด้าน

กล้อง Alpha 7 IV : นวัตกรรมที่ไม่มีวันสิ้นสุด

กล้อง Alpha 7 IV เป็นกล้องไฮบริดที่อัดแน่นด้วยคุณภาพของภาพนิ่งที่โดดเด่นและเทคโนโลยีด้านวิดีโอที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ ผสานการทำงานกับระบบโฟกัสอัตโนมัติขั้นสูง รวมถึงความสามารถการทำงานที่เพิ่มขึ้นและเวิร์กโฟลว์ที่ได้รับการปรับปรุง ในขณะที่ตัวกล้องและบรรจุภัณฑ์ได้รับการผลิตจากวัสดุที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยผลิตขึ้นจาก SORPLAS™ ซึ่งเป็นวัสดุรีไซเคิล และลดการใช้พลาสติกให้น้อยลง

คุณภาพของภาพอันโดดเด่น

ด้วยเซ็นเซอร์รับภาพแบบ Full Frame Black-illuminated Exmor R™ CMOS ที่ได้รับการปรับปรุงให้มี    ความละเอียดถึง 33 ล้านพิกเซล และอยู่ในกล้อง Alpha 7 IV จะมอบประสิทธิภาพที่โดดเด่นและคุณภาพของภาพที่ยอดเยี่ยม โดยให้ค่าความไวแสงสูงด้วย ISO อยู่ที่ 50 – 204,800 เพื่อการไล่ระดับสีที่ราบรื่น รวมถึงยังให้รายละเอียดและพื้นผิวของวัตถุในขณะลดสัญญาณรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังให้ Dynamic Range กว้างถึง 15 สต็อป นอกจากนี้กล้อง Alpha 7 IV ยังมาพร้อมการตั้งค่า Creative Look จะสามารถช่วยสร้างรูปลักษณ์ดั้งเดิมได้อย่างง่ายดายสำหรับภาพนิ่ง และวิดีโอ

ประสิทธิภาพอันทรงพลังของ AF

ด้วยระบบประมวลผลอันทรงพลังรุ่นล่าสุดอย่าง BIONZ XR™ เหมือนกับที่ใช้ใน Alpha 1 ซึ่งเป็นกล้องรุ่นเรือธงของโซนี่ จะให้ระบบออโต้โฟกัสความเร็วสูง ทำให้สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงสุด 10 ภาพต่อวินาที พร้อมระบบโฟกัสอัตโนมัติและการคำนวณการรับแสงอัตโนมัติ(AF/AE) และ Buffer ที่มีขนาดใหญ่ เพื่อประสบการณ์การถ่ายภาพที่ต่อเนื่องและยาวนาน ในขณะที่กล้อง Alpha 7 IV ยังให้การติดตามวัตถุ ที่เคลื่อนไหวรวดเร็วได้อย่างง่ายดาย พร้อมระบบโฟกัสแบบ Phase Detection จำนวน 759 จุด ที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 94% ของเซ็นเซอร์ภาพ นอกจากนี้ ยังนับเป็นครั้งแรกของกล้องในตระกูล Alpha Series ที่ออกแบบให้ระบบ Real-time Eye AF สำหรับนก และสัตว์ที่สามารถใช้ได้ทั้งภาพนิ่งและภาพยนตร์ อีกทั้งยังให้ความแม่นยำในการตรวจจับใบหน้ าและดวงตาสำหรับมนุษย์ที่ได้รับการปรับปรุงขึ้นมาถึง 30% เมื่อเทียบกับรุ่น Alpha  7 III

การปรับปรุงเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพยนตร์

กล้อง Alpha 7 IV ยังมาพร้อมสุดยอดเทคโนโลยีจากการผลิตภาพยนตร์ผสานคุณสมบัติการถ่ายภาพขั้นสูงจากกล้อง Alpha Series เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยโปรไฟล์สี S-Cinetone ที่นำมาจากกล้องในตระกูล Cinema Line ของโซนี่ จะช่วยถ่ายทอดรูปลักษณ์ที่เข้มข้นและเต็มไปด้วยภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมจากนักถ่ายภาพยนตร์และผู้สร้างภาพยนตร์ที่หลากหลาย ด้วยการบันทึกภาพยนตร์ที่มีความละเอียดภาพ ที่ 4K/60p ในโหมด Super 35 มม. ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงในโหมดฟูลเฟรมยังให้การบันทึกสูงสุดที่ 4K/30p โดยการ Oversampling จากความละเอียด 7K เพื่อให้ได้คุณภาพของภาพที่สูงสุด ในขณะเดียวกันยังรองรับระบบบันทึกสีแบบ 10bit 4:2:2 ในรูปแบบ All-Intra เพื่อให้การไล่ระดับสีที่สมบูรณ์และเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังรองรับการบันทึกในรูปแบบ XAVC SI™ สำหรับเวิร์คโฟลว์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และ XAVC HS™ H.265 long-GOP ที่มีประสิทธิภาพการบีบอัดที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมาพร้อมความสามารถในการทำงานของโฟกัสอัตโนมัติที่แม่นยำ ในขณะที่คุณถ่ายวิดีโอ และใช้งานคู่กับเลนส์ E-Mount ของโซนี่ รวมถึง AF Assist ที่สามารถรองรับการเปลี่ยนโฟกัสจากแบบ Manual Focusด้วยการหมุนวงแหวนโฟกัสในขณะถ่ายวิดีโอ และเมื่อคุณหยุดหมุนระบบ AF ก็จะทำงานต่อได้โดยอัตโนมัติ และฟังก์ชั่น Focus Map ซึ่งทำให้การ Manual Focus ง่ายยิ่งขึ้น โดยสามารถทำให้คุณรู้ได้ว่าในระหว่างที่คุณถ่ายวิดีโออยู่นั้นกล้องคุณทำการจับโฟกัสอยู่ในตำแหน่งใด ในขณะเดียวกัน ตัวกล้องยังเพิ่มฟังก์ชั่น Breathing Compensation ที่จะช่วยแก้ไขปรากฏการณ์ของมุมรับภาพที่เปลี่ยนไปตามระยะโฟกัสในระหว่างการบันทึกภาพยนตร์ โดยคุณสามารถใช้ฟังก์ชั่นนี้ได้กับกล้อง และเลนส์ที่รองรับ รวมถึงยังสามารถเลือกการตั้งค่าเปิดหรือปิดได้อีกด้วย

ความสามารถในการใช้งานแบบไฮบริดขั้นสูง

กล้อง Alpha 7 IV เป็นกล้องแบบไฮบริดที่มาพร้อมฟังก์ชั่นอื่นๆโดยได้รับการออกแบบมาให้ง่ายต่อการใช้งานทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ รวมถึงแป้นหมุนสำหรับเลือกโหมดสองชั้น ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกและสลับการตั้งค่าระหว่างการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว โดยบริเวณแป้นหมุนชั้นล่างถูกออกแบบมาสำหรับการถ่ายภาพในโหมดต่างๆ อาทิ ภาพนิ่ง/ภาพยนตร์/S&Q และบริเวณแป้นหมุนชั้นบนสุดถูกออกแบบให้สำหรับการปรับตั้งค่าโปรแกรมต่างๆได้ด้วยตัวเอง อาทิ Auto/P/A/S/M/MR เป็นต้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออพติคอล 5 แกนในตัว เพื่อความได้เปรียบด้านความเร็วชัตเตอร์ถึง 5.5 สต็อป เมื่อจับคู่กับอุปกรณ์เสริมอย่าง Grip ที่ได้รับการออกมาแบบให้มีความทนทาน เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในขณะใช้งาน ยิ่งไปกว่านั้นยังมาพร้อมช่องใส่การ์ดที่รองรับ CF-Express Type-A ทำให้มีความเร็วการอ่านและเขียนข้อมูลที่รวดเร็วขึ้น รวมถึงช่องมองภาพแบบ OLED Quad-VGA ที่มีความละเอียดถึง 3.68 ล้านจุด ซึ่งมีความละเอียดมากกว่าช่องมองภาพของรุ่น Alpha 7 III  ถึง 1.6 เท่าเลยทีเดียว อีกทั้งในโหมด Live View ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จะช่วยลดสีที่ผิดเพี้ยนและเพิ่มความละเอียดของภาพได้เป็นอย่างดี

ด้วยระบบการระบายความร้อนของกล้อง Alpha 7 IV จะสามารถลดความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด แม้ในขณะที่บันทึกวีดีโอที่มีความละเอียดของภาพระดับ 4K/60p ที่ 10bit 4:2:2 ได้ต่อเนื่อง    นานกว่าหนึ่งชั่วโมง ในขณะที่ตัวกล้องยังมี Active Mode ซึ่งเป็นระบบป้องกันภาพสั่นไหว ทำให้สามารถถ่ายภาพขณะเคลื่อนไหวได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังมาพร้อมจอแสดงผล LCD ขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 1.03 ล้านพิกเซล ที่อยู่บริเวณด้านหลังแบบสัมผัสสามารถเปิดจากด้านข้างและพับปรับองศาได้รอบทิศทาง รวมถึงปุ่ม REC ที่บริเวณแผงด้านบน และแบตเตอรี่ Z-Series ที่มีความจุสูงเพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนาน ผสานการออกแบบโครงสร้างของตัวกล้องที่ทำมาจากโลหะผสมแมกนีเซียมอัลลอยด์ที่มีความแข็งแรงและทนทานและปุ่มล็อคเลนส์ยังมีคุณสมบัติในการป้องกันฝุ่น และความชื้นที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

การปรับปรุงสมรรถนะการทำงานของเวิร์กโฟลว์

กล้อง Alpha 7 IV ยังให้ความสามารถในการสตรีมวิดีโอ (Live-Streaming) และแบ่งปันเนื้อหาคุณภาพสูงได้ทันที ด้วยการเชื่อมต่อระหว่างกล้องกับแอพพลิเคชั่น  Imaging Edge Mobile ทำให้สามารถควบคุมการถ่ายภาพระยะไกลได้โดยไม่สูญเสียคุณภาพของภาพและเสียงที่ยอดเยี่ยมได้อย่างง่ายดายผ่าน Bluetooth และรองรับการถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วด้วย Wi-Fi 5GHz[i]/2.4.GHz นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟังก์ชั่นใหม่ “Shot Mark” ที่ให้คุณสามารถเข้าถึงฉากที่ทำเครื่องหมายไว้ในคลิปวิดีโอภายในกล้อง และในแอพพลิเคชั่น Sony’s Catalyst Browse/Prepare  ได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้นกล้อง Alpha 7 IV ยังมาพร้อมฟังก์ชั่นใหม่ที่สามารถรองรับการสตรีมวิดีโอผ่านการเชื่อมต่อ USB โดยใช้มาตรฐานเสียงและวิดีโอผ่าน UVC (USB Video Class) และ UAC (USB Audio Class) ที่จะเปลี่ยนกล้อง Alpha 7 IV ให้เป็นกล้องถ่ายทอดสดประสิทธิภาพสูง เมื่อเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนจะให้คุณภาพของภาพสูงในระดับ 4K/15p และ 1080FHD/60p ให้วิดีโอที่สมจริงสำหรับการแชร์จากระยะไกล และระบบอินเตอร์เฟซออดิโอแบบดิจิตอล Multi Interface(MI) ของกล้อง Alpha 7 IV สามารถทำงานร่วมกับไมโครโฟนและอุปกรณ์เสริมต่างๆ เพื่อมอบเสียงคุณภาพสูงได้เป็นอย่างดี เท่านั้นยังไม่พอ  ในปีหน้าโซนี่มีแผนที่จะนำเสนอระบบคลาวด์รูปแบบใหม่อย่าง “AI Video Editing Studio” สำหรับการตัดต่ออัตโนมัติด้วยเทคโนโลยี AI โดยระบบคลาวด์รูปแบบใหม่ จะสามารถทำการแก้ไขเบื้องต้นในระบบได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งโซนี่ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอประสบการณ์ และบริการทางด้านภาพที่หลากหลายด้วยความก้าวหน้าของกล้อง ระบบคลาวด์ และ AI ต่อไปในอนาคต

การออกแบบโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

ด้วยความมุ่งมั่นใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมของโซนี่ ภายใต้แนวคิด Road to Zero” ทำให้กระบวนการผลิตและการออกแบบบรรจุภัณฑ์ของกล้อง Alpha 7 IV ผลิตขึ้นจากวัสดุรีไซเคิล หรือ  SORPLAS™ ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของโซนี่ด้านสิ่งแวดล้อมในการใช้วัสดุที่ช่วยลดปริมาณพลาสติก รวมถึงสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกด้วย

ข้อมูลผลิตภัณฑ์กล้อง A7 IV

https://www.sony.co.th/th/electronics/interchangeable-lens-cameras/ilce-7m4?cpint=HOMEPAGE_TOPBANNER_ILCE7M4_1344

แคมเปญ “บิดสวิตช์ เพื่อชีวิตอีกด้าน”

พร้อมกันนี้ โซนี่ไทยยังได้สร้างสรรค์แคมเปญ “บิดสวิทซ์ เพื่อชีวิตอีกด้าน” เพื่อสื่อสาร และนำเสนอถึงจุดเด่น รวมถึงประสิทธิภาพของกล้อง Alpha 7 IV ในฐานะกล้อง Hybrid Full-Frame ที่พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ในการตอบรับการใช้งานถ่ายภาพนิ่ง ควบคู่กับคอนเทนต์วิดีโอคุณภาพสูงได้อย่างคล่องตัว และสะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงของกล้อง คุณภาพระดับ  ฟูลเฟรม รวมถึงการออกแบบตัวกล้อง ตำแหน่งการจัดวางของปุ่มฟังก์ชั่นใช้งาน ความเพียบพร้อมของลูกเล่นที่จัดมาอย่างครบครัน เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างตรงใจสูงสุด

แคมเปญ “บิดสวิทซ์ เพื่อชีวิตอีกด้าน” นี้ โซนี่ไทยได้จับมือกับ คอนเทนต์ ครีเอเตอร์กว่า 20 ท่าน  จากช่อง และเพจสายถ่ายภาพ ท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ ฯลฯ อาทิ กอล์ฟมาเยือน, Go Went go, The Gaijin Trips แบกเป้เที่ยวคนเดียว, Tavepong, I love to go, Lazy Coup, ที่ชอบ ที่ชอบ, Kirarista, แฟนเขียนเราถ่าย เป็นต้น โดยทุกท่านจะร่วมสร้างสรรค์ผลงานตามรูปแบบ และมุมมองเฉพาะตัว ด้วยกล้อง A7 IV เพื่อรีดคุณสมบัติ และแสดงศักยภาพของกล้อง Alpha 7 IV ออกมาในทุกรูปแบบ โดยคอนเทนต์ต่าง ๆ จะเริ่มโพสต์เผยแพร่ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 เป็นต้นไป จนถึงเดือนมีนาคม 2565 ผ่านทางหน้าเพจ และช่องทางการรับชมของ คอนเทนต์ ครีเอเตอร์ ทุกท่าน นอกจากนี้ ยังสามารถติดตามคอนเทนต์ผ่านหน้า Facebook Page ของ Sony Digital Camera Thailand รวมถึง #บิดสวิตช์เพื่อชีวิตอีกด้าน ด้วยเช่นกัน

อุปกรณ์ใหม่เสริมประสิทธิภาพการใช้งานกล้อง Alpha 7 IV

เลนส์ G Master FE 70-200mm F2.8 GM OSS II (SEL70200GM2)

เลนส์ FE70-200mm F2.8GM OSS II (SEL70200GM2) เป็นเลนส์เทเลโฟโต้ตัวใหม่ล่าสุดในตระกูล G Master ที่มาพร้อมรูรับแสงขนาดใหญ่และเบาที่สุดในโลกโดยเบากว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 29% ด้วยน้ำหนักเพียง 1,045 กรัม ซึ่งเป็นเลนส์ซูมระยะไกลที่มีทางยาวโฟกัสระยะ 70-200 มิลลิเมตร พร้อมรูรับแสงกว้าง f/2.8 จะมอบความละเอียดและโบเก้ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ด้วยประสิทธิภาพของระบบออโต้โฟกัส(AF) ที่เงียบรวดเร็ว และแม่นยำ ผสานการออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบา และให้การควบคุมที่ดีเยี่ยมในทุกสถานการณ์ รวมถึงสามารถจับคู่กับกล้อง E-Mount ของโซนี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่ให้คุณภาพแบบออพติคอลที่โดดเด่น และประสิทธิภาพของระบบออโต้โฟกัส(AF)ขั้นสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นเลนส์ซูม F2.8 70-200 มิลลิเมตร ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในโลก ทั้งยังให้อิสระและความยืดหยุ่นในการถ่ายภาพอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยโซนี่ยังคงเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจดิจิตอลอิมเมจจิ้งอย่างต่อเนื่องด้วยการเพิ่มเลนส์ใหม่ล่าสุดในกลุ่มมิเรอร์เลสที่มีให้เลือกมากที่สุดในตลาดซึ่งเป็นเลนส์ในลำดับที่ 65 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เลนส์ E-Mount

สำหรับเลนส์ FE70-200MM F2.8GM OSS II จะมอบคุณภาพของภาพที่ยอดเยี่ยม ด้วยความละเอียดและความคมชัดสูงตลอดช่วงซูมในทุกระยะ ด้วยโครงสร้างของชิ้นเลนส์ถึง 17 ชิ้น จัดเป็น 14 กลุ่มเลนส์ โดยมี  ชิ้นเลนส์พิเศษที่จัดเต็มมาตามสไตล์เลนส์ GM ได้แก่ Aspherical จำนวน 2 ชิ้น โดยจะมีชิ้นหนึ่งที่เป็นเลนส์ XA (Extreme Aspherical) จำนวน 1 ชิ้น เพื่อให้แน่ใจได้ว่าจะได้ความละเอียดสูงครอบคลุมพื้นที่ภาพ ในขณะเดียวกัน FE70-200MM F2.8GM OSS II ยังใช้ชิ้นกระจก ED (Extra-low Dispersion) จำนวน 2 ชิ้น และชิ้นกระจก Super ED จำนวน 2 ชิ้น และชิ้นเลนส์ ED จำนวน 1 ชิ้น เพื่อช่วยลดความคลาดเคลื่อนของสีได้เป็นอย่างดี ขณะที่ Nano AR Coating II จะสร้างสารเคลือบป้องกันแสงสะท้อนที่สม่ำเสมอกันบน     ผิวเลนส์ สามารถช่วยลดแสงสะท้อนและเงาให้น้อยที่สุด เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัด และคอนทราสต์สูง แม้ถ่ายในที่แสงน้อยก็ตาม

ด้วยรูรับแสงกว้าง F2.8 ขนาดใหญ่ผสานการทำงานกับรูรับแสงแบบใหม่ Blade Circular Aperture   11 ใบ ที่ได้รับการปรับปรุง ทำให้สามารถสร้างโบเก้ที่สวยงาม และนุ่มนวลยิ่งขึ้นจากการออกแบบออพติคอลขั้นสูงของเลนส์ รวมถึงชิ้นเลนส์ XA ที่ได้รับการออกแบบมาด้วยความแม่นยำของพื้นผิวในระดับ 0.01 ไมครอน จะช่วยลดโบเก้เส้นวงแหวน ทำให้เกิดโบเก้ทรงกลมที่เป็นธรรมชาติ รวมถึงสร้างโบเก้ระยะใกล้ได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน ด้วยระยะโฟกัสที่ต่ำสุดเพียง 15.7 นิ้ว (0.4 เมตร)ที่ 70 มิลลิเมตร และ 32.3 นิ้ว (0.82 เมตร)ที่ 200 มิลลิเมตร กำลังขยายสูงสุด 0.3x ในขณะเดียวกันยังสามารถจับคู่กับ Teleconverter 1.4x และ 2x ที่มีประสิทธิภาพสูงได้อย่างง่ายดาย เพื่อขยายทางยาวโฟกัสของเลนส์เป็น 400 มิลลิเมตร ที่รูรับแสง F5.6 โดยยังรักษาระดับ G Master ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้เลนส์ FE70-200MM F2.8GM OSS II  ยังใช้ระบบมอเตอร์โฟกัสแบบ XD (Extreme Dynamic) Linear Motor ถึง 4 ตัว ทำให้สามารถโฟกัสภาพได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำขึ้นถึง 4 เท่า และให้การติดตามโฟกัสดีขึ้น 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ทำให้สามารถเพิ่มโอกาสในการเก็บภาพได้มากยิ่งขึ้น ด้วย รูรับแสงกว้างคงที่ตลอดช่วงซูม F2.8 จะมอบประสิทธิภาพของระบบออโต้โฟกัสที่น่าทึ่ง และการควบคุมที่หลากหลาย รวมถึงยังเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับวิดีโอ ด้วยเทคโนโลยีเลนส์ล่าสุดที่สามารถลดความยาวโฟกัส การเลื่อนโฟกัสขณะซูม และการเลื่อนแนวแกนขณะซูม เพื่อไม่ให้มีการเคลื่อนไหวของภาพที่ไม่ต้องการ และมุมมองที่เปลี่ยนไป ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเลนส์ที่ให้การควบคุมแบบมืออาชีพอย่างเต็มรูปแบบ สำหรับการโฟกัส การซูม และรูรับแสง (ม่านแสง) ซึ่งจะช่วยให้การใช้งานด้วยตัวเองทำได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งมีสวิตซ์เปิด/ปิด แบบคลิกสำหรับรูรับแสงอีกด้วย รวมถึงมี Linear Response MF ซึ่งจะช่วยควบคุมโฟกัสแบบแมนนวลที่มี การตอบสนองและความล่าช้าต่ำ ทำผู้ใช้สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวด้วยมือได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ขณะที่หน้าเลนส์ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันให้เป็นทรงกลมนูนและเคลือบด้วยสารฟลูออรีน เพื่อป้องกันรอยนิ้วมือ และคราบน้ำเกาะผิวเลนส์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีช่องฟิลเตอร์อยู่ด้านหลังสำหรับลดแสงอีกด้วย

วิดีโอแนะนำและตัวอย่างภาพยนตร์เลนส์ SEL70200GM2

ข้อมูลผลิตภัณฑ์ SEL70200GM2

https://www.sony.co.th/th/electronics/camera-lenses/sel70200gm2

วิดีโอแนะนำผลิตภัณฑ์

https://www.youtube.com/watch?v=hsZnBaumeF0&feature=youtu.be

ตัวอย่างผลงาน

https://www.youtube.com/watch?v=jnePa4pONq4&feature=youtu.be

แฟลชรุ่น HVL-F60RM2 และรุ่น HVL-F46RM

HVL-F60RM2 พร้อมการควบคุม GN60 และระยะการซูมที่ 20-200 มม.  ในขณะที่ HVL-F46RM พร้อมการควบคุม GN46 และระยะการซูมที่ 24-105 มม.  โดยทั้งสองรุ่นนี้จัดได้ว่าเป็นแฟลชไร้สายอันทรงพลังที่ให้การควบคุมที่แม่นยำ อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยความเร็วสูงและใช้งานง่าย รวมถึงยังถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของช่างภาพระดับมืออาชีพได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นแฟลชทั้งสองรุ่นนี้ยังได้รับการปรับปรุงด้านการถ่ายภาพต่อเนื่องที่ให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น    โดย HVL-F60RM2 สามารถยิงแฟลชรัวได้ถึง 200 ครั้ง สำหรับการถ่ายภาพต่อเนื่องที่ 10 เฟรมต่อวินาที และเหลือ 60 ครั้ง สำหรับการถ่ายภาพแบบรัวด้วยความเร็วสูงสุด   10 เฟรมต่อวินาทีในรุ่น HVL-F46RM อีกทั้งการใช้วัสดุทนความร้อนและอัลกอริธึมของแฟลชที่เหมาะสม ทำให้มั่นใจได้ว่าคุณจะสามารถถ่ายภาพได้โดยที่แฟลชทั้งสองจะทนต่อความร้อนที่ไม่สูงเกินไป เพื่อการถ่ายภาพที่นานขึ้น อีกทั้งชุดแบตเตอรี่ Ni-MH จำนวน 4 ก้อนที่อยู่ใน HVL-F60RM2 จะสามารถให้พลังงานกระพริบต่อเนื่อง  ได้ถึง 240 แฟลช โดยใช้เวลารีไซเคิล 1.7 วินาที และสำหรับ HVL-F46RM จะสามารถให้พลังงานกระพริบต่อเนื่องได้สูงสุด 320 แฟลช โดยใช้เวลารีไซเคิล 2.0 วินาที เมื่อใช้งานร่วมกับกล้องในตระกูล Alpha จะช่วยให้ผู้ใช้สัมผัสกับประสบการณ์การสื่อสารที่เป็นเอกลักษณ์และประโยชน์ของระบบ Alpha Lighting System      ซึ่งกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับระบบไฟส่องสว่างของกล้องมิเรอร์เลส อาทิ ระบบวัดแสงที่อยู่ในกล้อง Alpha 7 IV จะทำหน้าที่ควบคุมแฟลช P-TTL ในโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องทั้ง Mid และ Hi ได้ นอกเหนือจากที่เมื่อก่อนทำได้     ที่โหมด Lo เท่านั้น รวมถึงเวลาหน่วงของการปล่อยแฟลชยังสั้นลง เพื่อจับภาพการแสดงออกทางสีหน้าชั่วขณะ และการเคลื่อนไหวของตัวแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในขณะที่แฟลชทั้ง 2 รุ่นนี้ให้ผู้ใช้สามารถซิงค์แฟลชได้สูงสุด 1/400 วินาที ทำให้สามารถลดความสว่างของฉากหลังในขณะใช้แฟลชเพื่อส่องวัตถุหลัก รวมถึงให้แสงสว่างแก่วัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวตัดกับฉากหลังที่สว่างได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เสียงของกล้อง ทำให้การถ่ายภาพด้วยแฟลชแบบไร้เสียงสามารถทำได้เมื่อต้องการความเงียบที่แท้จริง เท่านั้นยังไม่พอเมื่อใช้แฟลชทั้ง 2 รุ่นนี้กับกล้องในตระกูล Alpha Series ทำให้คุณสามารถควบคุมพารามิเตอร์แฟลชได้โดยตรงจากจอแสดงผลของกล้อง      ที่รองรับ และการควบคุมแฟลชที่เชื่อมโยงกับการตรวจจับใบหน้าของกล้อง เพื่อให้ได้แสงที่เหมาะสมกับวัตถุที่ต้องการถ่าย อีกทั้งการแก้ไขสมดุลแสงสีขาวแบบอัตโนมัติโดยการถ่ายโอนข้อมูลอุณหภูมิสีจากแฟลชไปยังกล้อง เพื่อการปรับสมดุลแสงสีขาวได้อย่างแม่นยำอีกด้วย

ด้วยการออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด ทำให้สามารถควบคุมการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย Metal Shoe Foot ผลิตจากโลหะพร้อมกรอบด้านข้างที่แข็งแรงและทนทานอย่างมาก  ทำหน้าที่ปกป้องขั้วสัมผัสไฟฟ้า เพิ่มความแข็งแรงจากการสั่นสะเทือน และการกระแทกจากทุกด้าน อีกทั้งยังสามารถกันฝุ่นและความชื้นได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อควบคุมการใช้งานแบบไร้สายด้วยคลื่นวิทยุที่เสถียรและสามารถควบคุมแฟลชหรือชุดรับสัญญาณได้สูงสุด15 ชุด ใน 5 กลุ่ม เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการควบคุมแสงได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย

กำหนดวันวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และราคา

กำหนดเปิดสั่งจองกล้อง Alpha 7 IV

โซนี่ไทยพร้อมเปิดให้ผู้สนใจได้สั่งจองกล้อง Alpha 7 IV ล่วงหน้า ได้ตั้งแต่วันที่ 15 ถึง 28 พฤศจิกายน 2564 พร้อมรับสิทธิ์ และของสมนาคุณพิเศษ โดยจะวางจำหน่ายด้วยกัน 2 แพ็คเกจ ดังนี้

  • ILCE-7M4 (Body) จำหน่ายราคา 82,990 บาท
  • ILCE-7M4K (Body + เลนส์ 28-70mm) จำหน่ายราคา 89,990 บาท

ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถรับสินค้าที่ทำการสั่งจองล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป

ของสมนาคุณพิเศษสำหรับผู้สั่งจองกล้อง A7 IV ในระหว่างวันที่ 15 ถึง 28 พฤศจิกายน 2564

***พิเศษสำหรับลูกค้าที่สั่งจองกล้อง Alpha 7 IV ทั้ง 2 แพ็คเกจล่วงหน้า จากร้านค้าที่ร่วมรายการภายในระยะเวลาที่กำหนดข้างต้น และได้ลงทะเบียนรับประกันสินค้าในระบบ My Sony พร้อมตอบแบบสอบถาม ILCE-7M4 Survey ครบถ้วนตามเวลาที่กำหนด จะได้รับของสมนาคุณพิเศษตามรายละเอียดดังนี้

1) รับฟรี SD Card รุ่น Tough SF-G64T มูลค่า 5,290 บาท จำนวน 1 ชิ้น

2) รับรหัสส่วนลดสินค้า มูลค่า 1,500 บาท ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นส่วนลดในการเลือกซื้ออุปกรณ์เสริม จำนวน 3 รายการ บน Sony Store Online ผ่านทางเว็บไซต์ https://store.sony.co.th/ ตามรายละเอียดดังนี้

แบตเตอรี่ รุ่น NP-FZ100 จากราคาปกติ 2,990 บาท หลังจากใช้รหัสส่วนลด 1,500 บาท เหลือเพียง 1,490 บาท

กริ๊ปถ่ายภาพ รุ่น GP-VPT2BT จากราคาปกติ 3,590 บาท หลังจากใช้รหัสส่วนลด 1,500 บาท เหลือเพียง 2,090 บาท

ไมโครโฟนไร้สาย รุ่น ECM-W2BT จากราคาปกติ 7,490 บาท หลังจากใช้รหัสส่วนลด 1,500 บาท เหลือเพียง 5,990 บาท

เลนส์ G Master รุ่น FE 70-200mm F2.8 GM OSS II (SEL70200GM2) วางจำหน่ายแล้วในราคา 90,990 บาท

แฟลชรุ่น HVL-F60RM2 และรุ่น HVL-F46RM  เริ่มวางจำหน่ายในเดือนธันวาคม ศกนี้ ในราคา 17,990 บาท และราคา 13,990 บาท ตามลำดับ

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลโซนี่ โทร. 0-2715-6100 หรือเยี่ยมชม www.sony.co.th และทดลองสัมผัสประสบการณ์ถ่ายภาพด้วยเทคโนโลยีได้ที่โชว์รูมโซนี่ สโตร์ ทุกสาขา ร้านโซนี่ เซ็นเตอร์ และร้านผู้แทนจำหน่ายกล้องชั้นนำที่เลือกสรร

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย iMod Crew