in ,

Exclusive Review : The New iPad (iPad 3) โดยทีมงาน iPhonemod

สวัสดีครับสมาชิก iPM ทุกท่าน ๆ หลังจากที่รอคอยกันมาสักพัก Apple ก็ทำการเปิดตัว iPad รุ่นที่ 3 (3rd Generation) ไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา และจำหน่ายจริงในวันที่ 16 มีนาคม (ตามเวลาท้องถิ่นในอเมริกา) หลังจากปีที่แล้วผมได้ไปเข้าแถวรอ แล้วก็พลาดไปหลายครั้งทีเดียว (ชมภาพบรรยากาศเข้าแถวรอซื้อ iPad 2) ปีนี้จึงได้ทำการสั่งจากเวปไซต์ของ Apple แทนครับ

โดยสินค้ามาส่งถึงวันนี้ (16 มีนาคม) ตามกำหนดการเปิดตัวครับ ของที่มีในกล่องประกอบด้วย

  • iPad 3 
  • ที่ชาร์จ
  • คู่มือการใช้งาน

ฮาร์ดแวร์

ก่อนอื่นขอกล่าวถึงข้อมูลสเปคของ iPad 3 กันก่อนครับ (จะขอเรียก iPad 3 ไปตลอดบทความนะครับ)

  • CPU ใช้ชิป A5X  Dual core ความเร็ว GHz เท่าเดิม แต่เพิ่มประสิทธิภาพหน่วยประมวลผลกราฟิก
  • Ram 1 GB เพิ่มขึ้นจาก iPad 2 ซึ่งมีแค่เพียง 512 MB ครับ
  • จอ Retina Display มี Resolution 2048 x 1536 จำนวนพิกเซลโดยรวมไม่ถึง 300 ppi (263 ppi) แต่ Apple คำนวนโดยระยะห่างการถือ iPad ซึ่งทำให้จอ iPad เป็น Retina Display เช่นกัน
  • ขนาดเท่ากับ iPad 2 ครับ แต่ iPad 3 หนาขึ้น 0.8 มิลลิเมตร
  • น้ำหนักรุ่น WiFi 650 กรัม (iPad 2 604 กรัม) รุ่น 4G 660 กรัม (613 กรัม สำหรับ iPad 2)
  • กล้องหลังความคมชัด 5 ล้านพิกเซล และถ่ายวิดีโอคมชัดระดับ 1080p
  • กล้องหน้า 3 แสนพิกเซล (เท่ากับ iPad 2)
  • รองรับเทคโนโลยี 4G LTE สำหรับเครือข่าย AT&T และ Verizon ในอเมริกา
  • ไม่มี Siri

เปรียบเทียบระหว่าง iPad 2 และ iPad 3 

หากมองดูจากภายนอกมองเผิน ๆ แล้ว iPad 3 นี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจาก iPad 2 เลยครับ แต่ถ้านำมาวางซ้อนกันจะเห็นว่า iPad 3 หนากว่านิดหน่อยครับ  (ดูรูปประกอบ)

ด้านซ้ายคือ iPad 3

ด้านบนคือ iPad 2 ด้านล่างคือ iPad 3

ด้านซ้ายคือ iPad 2 ด้านขวาคือ iPad 3 ครับ จะเห็นได้ว่า iPad 3 เหลื่อมกว่าเล็กน้อย

 

กล้องถ่ายรูป

กล้องความคมชัด 5 ล้าน แน่นอนว่าชัดขึ้นมาก ๆ ครับเมื่อเทียบกับ iPad 2 ที่มีความคมชัดแค่ระดับ 7 แสนพิกเซล

รูปจากกล้อง iPad 2

รูปจากกล้อง iPad 3

รูปจาก iPhone 4S

Retina Display

สิ่งที่เป็นจุดขายของ iPad 3 ในรอบนี้คือจอ Retina Display ซึ่งในตอนแรกผมไม่คิดว่าจะแตกต่างกันมากนัก แต่เมื่อลองเทียบกันกับ iPad 2 กลับเห็นได้ชัดว่าแตกต่างกันแบบชัดเจนจริง ๆ ผมนั่งคิดว่าจะทำ Video Review แต่ถ้ามองจากระยะไกล ๆ ก็ไม่ทำให้เห็นความแตกต่างอยู่ดี จะยกตัวอย่างให้ใกล้เคียงที่สุดคือ การเปรียบเทียบหน้าจอของ iPhone 3GS กับ iPhone 4 ซึ่งจะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน

คลิกที่รูปเพื่อดูภาพขนาดจริงนะครับ นี่เป็นรูปหน้าเวป iPhonemod ด้านบนเป็น iPad 2 และด้านล่างเป็นรูป iPad 3 ตัวหนังสือที่ดูชัดมากใน iPad 2 ดูไม่ชัดทันทีเมื่อเปรียบเทียบกับ iPad 3

ภาพหน้า Home Screen เปรียบเทียบกันของ iPad 2 (บน) และ iPad 3 (ล่าง)

ลองสังเกตตรงตัวเลขบอกเวลา จะเห็นได้ชัดว่า iPad 3 (ล่าง) ชัดกว่า iPad 2 (บน) ที่เห็นรอยแตกของเส้น

รายละเอียดอื่น ๆ ของ iPad 3 

iPad 3 มาพร้อมกับ iOS 5.1 ซึ่งไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจาก iOS 5.0.1 มากนักนอกจากระบบ Word Dictation (ไม่รองรับภาษาไทย) ที่เพิ่มเข้ามา โดย Apple ยังได้ตั้งราคาเท่าเดิม  คือ

  • รุ่น WiFi 16 GB ราคาขายอยู่ที่ $499
  • รุ่น WiFi 32 GB ราคาขายอยู่ที่ $599
  • รุ่น WiFi 64 GB ราคาขายอยู่ที่ $699
  • รุ่น WiFi + 4g 16 GB ราคาขายอยู่ที่่ $629
  • รุ่น WiFi + 4g 32 GB ราคาขายอยู่ที่่ $729
  • รุ่น WiFi + 4g 64 GB ราคาขายอยู่ที่่ $829

หมายเหตุ : ราคาขายยังไม่รวมภาษีที่เปลี่ยนแปลงไปตามมลรัฐ

ความรู้สึกในการใช้งาน iPad 3 เทียบกับ iPad 2

  • โดยส่วนตัวผมแล้วนั้นไม่ได้รู้สึกเปลี่ยนแปลงในด้านความเร็วครับ จากการใช้งานจริงจะรู้สึกเหมือน iPad 2 มาก แต่สิ่งที่ผมประทับใจใน iPad 3 แน่นอนว่าคือจอ Retina นั้นเองครับ
  • น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของ iPad 3 ไม่ได้ทำให้รู้สึกแตกต่างจากเดิมมากนัก
  • การใช้งานทั่วไปพบว่าแบตเตอรี่ยังคงสามารถอยู่ได้ประมาณ 9-10 ชั่วโมงตามที่ Apple นำเสนอไว้

Application ที่ยังไม่อัปเดต สามารถใช้งานบนจอ Retina ได้หรือไม่

คำถามนี้คงเป็นที่สงสัยของหลาย ๆ คน เนื่องจากมีแอปบางตัวที่ได้รับการอัปเดตให้รองรับกับจอ Retina อยู่แล้ว จึงทำให้แอปเหล่านี้มีความคมชัดสูงมาก โดยสามารถดูรายชื่อ App ที่รองรับหน้าจอ Retina Display โดยการกดลิงค์เลยครับ ส่วนแอปอื่น ๆ ที่ยังไม่ทำการอัปเดต ก็จะแสดงผลในความคมชัดเท่ากับ iPad 2 แต่ไม่ได้รู้สึกว่าภาพแตกครับ

เครื่องรุ่น 4G ใช้งานที่ประเทศไทยได้หรือไม่ 

สำหรับท่านที่สนใจจะซื้อเครื่องรุ่น 4G แล้วนำกลับมาใช้งานที่ประเทศไทย หรือประเทศอื่น ๆ นอกจากอเมริกา เบื้องต้นมีข้อมูลแจ้งว่า iPad รุ่น 4G นั้นจะสามารถทำงานได้บนเครือข่ายของ 4G ของ AT&T และ Verizon เท่านั้น หากนำไปใช้งานที่ประเทศอื่นที่คลื่นความถี่ไม่ตรงกันกับของ AT&T หรือ ไม่รองรับ 4G ก็จะยังคงใช้งาน 3G ได้ปกติครับ ( iPad  รุ่น GSM ไม่มีเครื่องล๊อค)
หมายเหตุ : เครือง Verizon 4G สามารถใช้งาน 3G บนระบบ GSM ได้ครับ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

ไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศที่วางขาย iPad 3 จะสั่งซื้อได้หรือไม่

ตอนนี้ iPad 3 มีวางขายโดยตรงผ่านหน้าเวปไซต์ของ Apple หรือตามร้าน Apple Retail Store ที่อยู่ในกลุ่มประเทศแรกเท่านั้น สำหรับประเทศไทย ที่ไม่ได้อยู่ในข่ายนี้ไม่สามารถสั่งผ่านหน้าเวปได้ครับ คงต้องซื้อเครื่องหิ้วกันไปก่อน ส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะเป็นช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงจะเข้าไทยอย่างเป็นทางการครับ

ข้อดีของ iPad 3

  • รองรับระบบ 4G LTE (ในอเมริกา)
  • หน้าจอ Retina Display ที่ชัดขึ้นกว่าเดิมมาก
  • ราคาเท่าเดิม แต่ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

ข้อเสียของ iPad 3

  • จอเหลืองมาก (เทียบกับ iPhone 4S ที่ผมคิดว่าเหลืองแล้ว iPad 3 กลับซีดไปกว่านั้นอีก)
  • เหมือนเดิมคือไม่รองรับ Flash และรองรับอุปกรณ์ต่อพ่วงของ Apple เท่านั้น

บทสรุป

หากคิดถึงในแง่ของผู้ใช้งาน iPad 3 นี้ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลย (เหมือนเดิม 99%) หรือจะพูดง่าย ๆ ก็คือ iPad 2 แต่เพิ่มจอเป็น Retina Display เท่านั้น หากใครที่มี iPad 2 ไว้ใช้งานอยู่แล้ว ส่วนตัวผมก็คิดว่าคงจะไม่คุ้มนักหากจะอัปเกรดไปยัง iPad 3 หากใครยังไม่มี iPad ผมคิดว่าก็คุ้มค่าแล้วที่จะซื้อ เพราะ iPad 3 นี้ได้รวมจุดเด่นทุก ๆ อย่างไว้ด้วยกันแล้ว ถ้าหากเปรียบเทียบกับ tablet เจ้าอื่นในตลาดผมก็ยังคิดว่า iPad น่าจะนำเสนอประสปการณ์การใช้งานที่ค่อนข้างดีกว่าเจ้าอื่น ๆ ในตลาด รวมไปถึงคอนเทนต์ที่ครบถ้วนของ iTunes และ App Store  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่การตัดสินใจและกระเป๋าตังของแต่ละคนครับ  🙂

ในวันที่ 23 มีนาคม Apple จะทำการวางขาย iPad เพิ่มอีก 25 ประเทศครับ (แต่ยังไม่มีประเทศไทย) รอติดตามข่าวกันต่อไปครับ

ชมรูปภาพอื่น ๆ ประกอบ

หน้าแรกมีภาษาไทยด้วย

รูปจากจอ Retina

ใครต้องการทราบข้อมูลด้านไหนเพิ่มเติม สอบถามได้ที่คอมเม้นด้านล่างนะครับ 🙂

ใครกอปไปทำลิงค์กลับมาให้ด้วยนะครับ ใจเขาใจเรานะ 🙂

อ่านบทความ : iPad 3 สำคัญกับ Apple อย่างไร 

อ้างอิง : iPad Wikipedia,Apple , Macrumors

Update: เพิ่มเติมวีดีโอจาก iDB

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย alcanfane