in

แอบส่อง Samsung Galaxy S8 มีเทคโนโลยีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ?

Galaxy S8 และ S8+ สมาร์ทโฟนจาก Samsung หลังจากที่พึ่งได้เปิดตัวไปเมื่อคืน พรีวิว 8 ความประทับใจแรกพบ ในฐานะสาวก iPhone ก็ยอมรับว่ามีนวัตกรรมหลายอย่างที่น่าสนใจเหมือนกัน ซึ่งในรอบนี้ Samsung ไม่ได้มาขายสเปคอีกต่อไป (แรงกว่า S7 เดิมแค่ 11%) ดังนั้นสิ่งที่ทำให้คนซื้อจะเหลือเพียง “ดีไซน์” และ “ฟีเจอร์” ซึ่งก็ดูเหมือนว่ารอบนี้จะทำการบ้านมาได้ดี

Samsung DeX
Samsung DeX

Samsung DeX

นี่ไม่ใช่แนวคิดแรก แต่เป็นการสานต่อทั้งความฝันของ Microsoft และ Google ซึ่งก็คือการเอาอุปกรณ์พกพามาวางบน Dock เพื่อใช้งานแทน PC โดยส่วนตัวคิดว่า Android เป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ได้ แต่เป็น Tablet ที่แย่มาก ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงการเป็น Desktop

Samsung ดัดแปลง Android 7.0 Nougat เพื่อให้ใช้งานเป็น Desktop

ตามทฤษฎีก็คือทุกแอปพลิเคชันที่ต่อออก Samsung DeX ก็ต้องเป็นแอปฯ ที่นักพัฒนาดัดแปลงมาให้รองรับ โดยในเบื้องต้นก็จะเป็นแอปฯ ของทาง Samsung และพันธมิตรอย่าง Microsoft Office, Adobe Lightroom, YouTube แต่ข้อเสียคือหากไม่ใช่แอปฯ ที่เขียนมาเฉพาะจะใช้งานไม่ได้

สำหรับวิธีการใช้งานจะค่อนข้างคล้ายกับ Desktop ที่เราคุ้นเคย สามารถต่อเมาส์และคีย์บอร์ด (รวมถึงสาย LAN) เพื่อใช้งานลากวางและคีย์ลัดได้ตามปกติ ตอนนี้ยังไม่รองรับพิมพ์ไทย หากใครใช้งานไม่หนักมาก็ถือว่าน่าสนใจอยู่เหมือนกัน

18.5 : 9
18.5 : 9

18.5 : 9

ตัวเลขด้านบนไม่ใช่หวยแต่อย่างใด แต่เป็นสัดส่วนหน้าจอที่ Samsung ตั้งมาตรฐาน (ตัวเอง) ขึ้นมาใหม่ จากเดิมที่เป็น 16 : 9 แต่เนื่องจากการออกแบบของ Galaxy S8 และ S8+ ต้องการทำให้พื้นที่ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น จนกระทั่งมีขนาดสูงถึง 80% ของหน้าจอ (ตัดปุ่มออกไปทั้งหมด) ส่วนปุ่ม Home ซ่อนไว้ใต้หน้าจอให้กดอารมณ์คล้าย 3D Touch

เมื่อใช้งานร่วมกับแบ่งสองหน้าจอ จอที่แบ่งออกจะไม่เล็กจนเกินไป

โดยหน้าจอแบบนี้ Samsung เรียกมันว่า “Infinity Display” เต็มจอแบบไร้กรอบด้านหน้า และยาวจรดขอบข้าง ข้อดีก็คือคุณจะได้หน้าจอขนาด 5.8″ (S8) หรือ 6.2″ (S8+) ในขนาดที่ไม่ได้ใหญ่โตนัก แต่ข้อเสียก็คือสัดส่วนแบบนี้อาจดูหนังและใช้งาน App ได้ไม่เต็มจอ รวมถึงยังต้องเผื่อพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้ทำปุ่มจำลองอยู่ดี

Iris Scanner
Iris Scanner

Iris Scanner

ได้ใช้กันเป็นรุ่นแรกหากไม่นับ Galaxy Note 7 ที่ยกเลิกการขายไปกลางคัน ส่วนตัวมองว่าเทคโนโลยีนี้ค่อนข้างล้ำและปลอดภัย เนื่องจากมันไม่ใช่แค่กล้องสแกนใบหน้า แต่เป็นการสแกนยันม่านตาที่ต้องใช้ IR LED ร่วมกับ Iris Camera ที่มีความสลับซับซ้อนไม่แพ้ลายนิ้วมือ และที่สำคัญคือมัน “เร็ว”

สแกนม่านตาสามารถใช้ได้ทั้งกับคนใส่แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์

ไม่หยุดเพียงแค่การปลดล็อคเครื่องเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้กับโฟลเดอร์ลับ (Secure Folder) รวมถึงใช้งานแทนรหัสผ่านร่วมกับ Samsung Pay หรือแอปพลิเคชันอื่นเพื่อต่อยอดไปอีก

Bluetooth 5.0
Bluetooth 5.0

Bluetooth 5.0

ถึงแม้ว่าจะยังไม่ค่อยมีอุปกรณ์รองรับเท่าไหร่ แต่สำหรับ Bluetooth 5.0 ก็เป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจ Samsung Galaxy S8 และ S8+ นับเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นสองรองลงมาจาก SONY Xperia XZ Premium ที่เลือกใช้ Bluetooth 5.0

  • เร็วขึ้น 2 เท่า
  • ไกลขึ้น 4 เท่า
  • ข้อมูลได้มากขึ้น 8 เท่า
  • การอยู่ร่วมกันแบบไร้สาย

หากใครไม่รู้จะเอาไปทำอะไรหนึ่งในนั้นก็คือการรองรับอนาคต IoT แต่ที่ใกล้ตัวที่สุดคงหนีไม่พ้น “ความเร็วโอนถ่าย” หรือแม้กระทั่งความสามารถอย่างรองรับหูฟังบลูทูธ เพื่อฟังเพลงพร้อมกันทั้ง 2 อุปกรณ์

Bixby
Bixby

Bixby

Apple ตอนนี้มี Siri ดังนั้น Samsung จึงขอสู้ด้วย Bixby ปัญญาประดิษฐ์สุดล้ำกับ 3 คุณสมบัติหลักที่ทำได้เหนือยิ่งกว่า Siri เสียอีก! (ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับความฉลาดของ AI และข้อมูลสารสนเทศ)

  1. Completeness : เป็นการสั่งงาน App ผ่านเสียงได้แทบจะทุกคำสั่งที่นิ้วมือใช้ได้ โดยมีเงื่อนไขคือ App ต้องเขียนมารองรับด้วยเช่นกัน
  2. Context Awareness : เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้งาน และนำเสนอสิ่งที่เหมาะสม เช่น หากเราชอบฟังเพลงไหนเป็นพิเศษก็จะเอามานำเสนอให้เลย
  3. Cognitive Tolerance : รับรู้คำสั่งโดยไม่ต้องเรียงลำดับประโยค รวมถึงการคาดเดาประโยคกรณีที่ได้ข้อมูลไม่ครบถ้วน

เบื้องต้นจะรองรับ 8 ภาษาด้วยกัน ไม่มีภาษาไทย ความน่าสนใจอยู่ตรงที่อนาคต Bixby จะไปอยู่ในหลายแอปพลิเคชันและอุปกรณ์ IoT และบังเอิญว่า Samsung เองก็เป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่เช่นกัน เราอาจได้เห็นเครื่องใช้ไฟฟ้าคุยกันเอง

นอกจากนี้ Bixby ยังทำงานร่วมกับกล้องได้ เพียงถ่ายรูปก็บอกได้ถึงสถานที่ หรือถ่ายสินค้าแล้วบอกชื่อสินค้าพร้อมแหล่งที่ซื้อ ฯลฯ ซึ่งทั้งหลายทั้งมวลนี้นั้นจะทำให้ QR Code หรือแปลภาษานั้นเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย

Mobile HDR Premium
Mobile HDR Premium

Mobile HDR Premium

Samsung Galaxy S8 และ S8+ เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่ได้รับการรับรองจาก Mobile HDR Premium เพื่อมอบประสบการณ์แห่งสีสันที่เหนือกว่า โดยปกติแล้วการถ่ายวิดีโอแบบ HDR หากจะรับชมหน้าจอก็ควรจำเป็นต้อง HDR ด้วยเช่นกัน

ซึ่งมาตรฐานที่ Mobile HDR Premium กำหนดคือต้องแสดงผลแบบ 10-Bit ให้ความสว่างได้ตั้งแต่ 0.0005 – 540 nits (ดำสนิท – ขาวสว่าง) และแสดงสีสันภายใต้มาตรฐาน DCI-P3 ได้อย่างน้อย 90% รวมถึงมีความละเอียดมากกว่า 60 Pixels/Degree

Samsung Exynos 10nm
Samsung Exynos 10nm

Samsung Exynos 10nm

ครั้งแรกของวงการ กับหน่วยประมวลผลบนสมาร์ทโฟนขนาด 10 นาโมเมตร ซึ่งมีการใช้เทคโนโลยี 3D Transistor Structure ทำให้ได้ประสิทธิภาพดีขึ้น 30% และกินไฟน้อยลง 27-40% ซึ่งถึงแม้ว่าทาง Samsung เองจะประกาศว่า Galaxy S8 และ S8+ จะเร็วกว่า S7 เพียงแค่ 11% ก็ตาม

ส่วนผลพลอยได้ของชิปเซ็ตก็คือรองรับ Gigabit LTE และ Gigabit Wi-Fi ในความเร็วระดับ 1 กิกะบิตต่อวินาที หากเครือข่ายหรืออุปกรณ์ไร้สายของเรารองรับ เท่ากับว่าการสตรีมมิ่งภาพยนตร์ 4K ก็ไม่ใช่อุปสรรคแต่อย่างใด

Samsung Galaxy S8 ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่คาดเดาว่าน่าจะอยู่ประมาณ 24,000-27,000 บาท (ไม่ยืนยัน) เมืองนอกขายวันที่ 21 เมษายน 2560 สำหรับเมืองไทยน่าจะเป็นระยะเวลาไล่เลี่ยกัน

อ้างอิง – samsungmobilepress.com

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย yugioh2500

หากตรงไหนแปลหรือเขียนผิดสามารถชี้แนะได้ครับ
ติดต่อ-สอบถาม-พูดคุย-แลกเปลี่ยนกันได้ที่
Twitter: @yugioh2500