in , ,

รีวิว – Patchworks Alloy X "อลูมิเนียมต่างดาว"

นับว่าเป็นบุญตาอย่างยิ่งสำหรับการรีวิวครั้งนี้ ที่ผมได้รับ Alloy X มารีวิวซึ่งเป็น Bumper และเคสที่แพงที่สุดเท่าที่ผมเคยได้รับมาเลยทีเดียว ถามว่าปัจจุบันผมใช้เคสแพงไหม? ก็อยู่ราคากลาง ๆ ครับ ประมาณ 700-1,000 นิด ๆ แล้วแต่วัสดุงานและคุณภาพ โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่าเมื่อเราซื้อ iPhone มาเครื่องละสองหมื่นกว่าบาท เราก็ควรจะมีเคสที่ดีครับ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุอะไรมันไม่คุ้มกันเลย

Patchworks - Alloy X (2)

“Patchworks Alloy X” สามารถสั่งซื้อได้ที่ Mr.Caseman By Rajah Phoenix หรือดูสถานที่ซื้อได้ ที่นี่ สำหรับราคาจะอยู่ที่ 3,200 บาท

Patchworks - Alloy X (1)

สำหรับสีก็มีให้เลือกทั้งหมด 5 สีนะครับ ตามภาพด้านบนเลยโดยในวันนี้เราจะมารีวิวสีแดงกันครับ สำหรับราคาหลาย ๆ คนคงจะแปลกใจว่า “ผมพิมพ์ผิดหรือปล่าว?” จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้พิมพ์ผิดหรอกครับ ซึ่งผมเองก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมมันแพงจัง แต่จริง ๆ แล้วมันมีเหตุผลของมันครับลองอ่านรีวิวไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวจะกระจ่างเอง (มั้ง)

Patchworks - Alloy X (3)

โปรดระวังของปลอม !!!

ด้านหลังมีสติกเกอร์โฮโลแกรมสำหรับตรวจสอบว่าเป็นของแท้หรือของปลอมครับ หากใครซื้อจากร้านเล็กเห็นราคาถูก ๆ ก็ขอให้ระมัดระวังหน่อยแล้วกันครับ อาจเป็นของปลอมได้

Patchworks - Alloy X (4)

เคสตัวนี้ผลิตที่ประเทศเกาหลีครับ โดยวัสดุนั้นก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียวเป็นอลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้บนอากาศยาน โดยจุดเด่นของมันคือแข็งแรงมากและยังคงไว้ซึ่งน้ำหนักเบาแบบสุด ๆ

Patchworks - Alloy X (5)

นำเข้าและรับประกันโดย Rajah Phoenix สังเกตได้จากสติกเกอร์รูปนกนางแอ่น เอ๊ย !!! รูปนกฟินิกส์ด้านขวาบนครับ

Patchworks - Alloy X (6)

รุ่นนี้ผลิตมาสำหรับ iPhone 5 สำหรับใครที่กำลังหาซื้อสำหรับ iPhone 4/4S ก็คงต้องดูรุ่นเก่า ๆ ไปครับ (เช็คก่อนซื้ออีกที) สำหรับภายในมีน็อตและไขควงมาให้พร้อมสำหรับใส่เคส

Patchworks - Alloy X (7)

วัสดุที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง

อ่ะปิ้ว ๆ ๆ !!! นี่ไม่ใช่สไปเดอร์แมนแต่อย่างใดครับ แต่คำตอบของคำว่า “ชิ้นแค่เนี้ยสามพันกว่าบาท” เพื่อไม่ให้คนที่บ้านเราบ่นเล่นเราต้องพูดถึงเหตุผลของมันครับ สำหรับวัสดุอย่างอลูมิเนียมที่ไม่ใช่อลูมิเนียมบ้าน ๆ ทั่วไป (ภาษาวิศวกรเขาเรียกว่าอะไรผมก็ไม่ทราบ)

Patchworks - Alloy X (8)

โดยเจ้าเคสตัวนี้ต้องทำด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มีความแม่นยำมากในการแกะสลัก ซึ่งจะมีความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 0.001 มิลลิเมตรเท่านั้น เป็นเครื่องเดียวกับที่ใช้แกะนาฬิกาแบรนด์หรู หรือแม้กระทั่งตัว iPhone 5 เอง ถ้าไม่ใช้เจ้าเครื่องนี่จะไม่มีทางทำความบางได้ขนาดนี้ โดยหลักฐานก็คือ “ไม่มีโทรศัพท์รุ่นไหนในโลกนอกจาก iPhone 5 ที่แกะแบบเครื่องอลูมิเนียมออกมาได้บางเท่านี้”

Patchworks - Alloy X (9)

ดังนั้นผลที่ได้ของ Patchworks Alloy X ก็คือได้บรรลุความบางที่สุดที่ 1.2 มิลลิเมตร (โดยที่ยังแข็งแรงอยู่) และได้น้ำหนักเพียง 5 กรัมเท่านั้น (ลูกอมฮอล์ล 1 เม็ด หนัก 3.5 กรัม) ซึ่งเป็น Bumper ที่เบาที่สุดในจักรวาล ณ ตอนนี้

Patchworks - Alloy X (10)

สำหรับเหตุผลที่ว่าทำไมต้องแพงทางผู้ผลิตอ้างว่านอกจากวัสดุของมันที่แพงแล้ว การแกะสลัก Bumper ให้ได้ 1 ชิ้นต้องใช้เวลามากกว่า 4 ชั่วโมง !!! ซึ่งกระบวนการถึงจะช้าแต่เราอยากให้มันออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด มันคงไม่ดีนักถ้าทำออกมาแล้วเล็กกว่าขนาดจริง 1 มิลลิเมตรจนทำให้ยัด iPhone 5 ลงไปไม่ได้ (ตัวเคสมันไม่ยืดหยุ่นเหมือนพลาสติก) หรือว่าใส่ไปแล้วเครื่องหลวมก๊อกแก๊กก็ตาม

Patchworks - Alloy X (11)

กลัวเครื่องเป็นรอยหรอ? อย่าห่วงเลย

สำหรับด้านในเครื่องที่หลาย ๆ คนกังวลว่ามันจะเสียดจนทำให้เกิดรอย ตรงนี้ขอบอกว่าหายห่วงได้เลยเพราะด้านในมีวัสดุกันกระแทกอยู่รอบด้าน ซึ่งตรงนี้เก็บงานทั้งหมดด้วยมืออย่างปราณีตและเรียบร้อยมาก ๆ ครับ

Patchworks - Alloy X (12)

เวลาใส่เคสก็ง่าย ๆ ครับ สไลด์เข้าไปจากด้านล่าง ไม่ต้องง้างนะครับเพราะเคสมันแข็งมาก พอดัน ๆ ได้สุดก็ขันน็อตฝั่งละนิดสองฝั่งไล่กันไปจนสุด จะเห็นได้ว่ามันจะพอดีระดับ 0.1 มิลลิเมตรเลยทีเดียว

Patchworks - Alloy X (13)

ด้านหลังดูออกมาสวยมาก ๆ ครับ จับแล้วรู้สึกกระชับมือดี หากใครกลัวจะเป็นรอยยังไงหาฟิล์มมาติดอีกชั้นเพื่อความอุ่นใจก็ได้ แต่สำหรับผมคงจะไม่ล่ะครับเพราะเดิมทีเคสมันก็ยกระดับจากพื้นมาหน่อยอยู่แล้ว ถึงวางก็ไม่โดนพื้นอยู่ดี

Patchworks - Alloy X (14)

ด้านข้างเว้นให้กดปุ่มปรับเสียงได้ถนัดดีครับ แถมมีรูไว้ให้ร้อยที่ห้อยมือถืออะไรเล่น ๆ ได้อีก (แต่เชื่อว่าสาวก iPhone ส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบห้อยอะไรกัน)

Patchworks - Alloy X (15)

ปุ่มล็อคเครื่องด้านบนก็มีการโค้งเว้าลงให้สามารถสัมผัสได้โดยงาน เวลาอยู่ในที่มืดคลำ ๆ เอาก็สะดวกมากยิ่งขึ้น

Patchworks - Alloy X (16)

ใส่เคสมีน็อตแกะซิมลำบากจริงหรือ?

ปัญหาเดิม ๆ สำหรับคนที่เคสใช้เคสอลูมิเนียมไม่ว่าจะเป็นของ Vapor ก็ดีหรือแบรนด์อื่น ๆ ก็ดี จะพบปัญหาเรื่องการแกะซิมออกลำบากเพราะต้องไขน็อตออก ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใดทาง Patchworks ได้แก้ปัญหาโดยการเจาะรูสำหรับแกะซิมมันซะเลย ซึ่งก็สะดวกดีครับ

Patchworks - Alloy X (17)

ด้านล่างเจาะรูขนาดใหญ่ตรงช่องหูฟังทำให้สามารถใช้งานกับแจ็คหูฟังขนาดใหญ่ได้ และยังได้เก็บรายละเอียดในส่วนของช่องเสียบสาย Lighting ได้ดีอีกด้วย งานเนี๊ยบไม่มีที่ติจริง ๆ

Patchworks - Alloy X (18)

ปัญหาที่ (เคย) พบในเคสอลูมิเนียม

ปัญหาที่ผมเคยประสบด้วยตัวเองจากเคส Vapor Pro แท้อันละสี่พันกว่าบาท (ไม่ทราบรุ่นเหมือนกันยืมเพื่อนมา) สมัยใช้กับ iPhone 4 เจอเรื่องสัญญาณดรอปมากถึงมากที่สุด ส่วนเรื่อง GPS ถึงกับรวนหาตำแหน่งไม่ได้เลย ซึ่งในตัวของ Alloy X นับว่าเป็นเรื่องโชคดีเหลือเกินเพราะไม่พบปัญหาดังกล่าวเลย (ฟ้องด้วยภาพแล้วกันครับ สัญญาณเต็มทุกขีด)

สรุป : เป็นเคสประเภท Bumper ที่ราคาแพงเวอร์ ๆ อันนึง ที่วัสดุดีมากถึงที่สุดและน้ำหนักเบา เก็บรายละเอียดได้เรียบร้อยดี แต่ขาด “สเน่ห์” ไปอย่างครับ คือผมถือแล้วมันไม่ให้อารมณ์เท่ห์หรือสปอร์ตเหมือนถือ Vapor เลย (ไม่รู้ว่าเป็นเฉพาะผมคนเดียวหรือปล่าว) แต่งานประกอบไม่ได้ยอนะครับบางและเบาดีชนิดที่ว่าหาในแบรนด์อื่นไม่ได้จริง ๆ (ใครที่ชอบเคสสไตล์นี้ยังไงลองเก็บไว้เป็นหนึ่งตัวเลือกก็ไม่เลวครับ แต่ถ้าราคาพันกลาย ๆ หรือสองพันนิด ๆ จะทำให้ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว

ขอขอบคุณ : Mr.Caseman By Rajah Phoenix ที่เอิ้อเฟื้อฟิล์มคุณภาพมาให้ทีมงานได้ทดสอบ
หากท่านสนใจสินค้าตัวที่ทีมงานรีวิวนี้สามารถดูสถานที่ซื้อได้ที่

Mr.Caseman Shop [ Be trend ]

  • เดอะมอล์ ท่าพระ
  • เดอะมอล์ บางกะปิ
  • เดอะมอล์ บางแค
  • เดอะมอล์ งามวงศ์วาน
  • สยามพารากอน
  • เอ็มโพเรียม

iStudio by Copperwired และ .iLife

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย yugioh2500

หากตรงไหนแปลหรือเขียนผิดสามารถชี้แนะได้ครับ
ติดต่อ-สอบถาม-พูดคุย-แลกเปลี่ยนกันได้ที่
Twitter: @yugioh2500