in ,

iPhone 11 และ iPhone SE 3 ซื้อรุ่นไหนดี ?

iPhone SE 3 และ iPhone 11 เป็น iPhone รุ่นที่มีราคาไม่เกิน 20,000 บาท หลายคนคงลังเลอยู่ว่า ระหว่างสองรุ่นจะซื้อรุ่นไหนดี ? มาดูการเปรียบเทียบกันเลย

iPhone 11 vs iPhone SE 3 ซื้อรุ่นไหนดี ?

หลายคนคงกำลังตัดสินใจว่า ระหว่าง iPhone 11 และ iPhone SE 3 ที่พึ่งเปิดตัวมาใหม่ จะเลือกซื้อรุ่นไหนดี? แต่ละรุ่นมีข้อดี หรือข้อแตกต่างกันยังไง ทีมงานได้รวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว

สำหรับ iPhone 11 นั้น เปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายนปี 2019 ส่วน iPhone SE 3 เปิดตัวมาล่าสุดในวันที่ 8 มีนาคม 2022 จะเห็นว่าจะมียะยะเวลาการเปิดตัวที่ค่อนข้างห่างกัน

iPhone 11 และ iPhone SE 3 มีราคาเริ่มต้นต่างกันอยู่ที่ 3,600 บาท (เทียบราคาความจุ 64GB) มาดูกันว่าในราคาที่ต่างกันนี้ iPhone ทั้งสองรุ่นมีจุดเด่นและข้อแตกต่างกันอย่างไรบ้าง มาดูการเปรียบเทียบสเปคกันเลย

หน้าจอและการยืนยันตัวตน 

iPhone 11 และ iPhone SE 3 ใช้หน้าจอแบบ LCD เหมือนกัน (ต่างกันแค่ชื่อ) ด้วยความที่ iPhone 11 ใช้ดีไซน์ตัวเครื่องแบบใหม่กว่า จึงมีหน้าจอแบบเต็มจอขนาด 6.1″ และใช้กันยืนยันตัวตนแบบ Face ID

ส่วน iPhone SE 3 ที่ใช้ตัวเครื่องดีไซน์แบบเก่า ยังคงมีปุ่มโฮม เป็นจอแสดงผลขนาด 4.7″ และยังคงใช้ Touch ID ในการยืนยันตัวตน

จอภาพ

ความละเอียดจอของ iPhone 11 และ iPhone SE 3 ไม่ความละเอียดจอที่ไม่ต่างกันมาก โดยความสามารถในการแสดงผลของก็ก็เหมือนกัน คือการแสดงผลแบบ True Tone จอภาพขอบเขตสีกว้างแบบ P3 รองรับการแตะค้างแบบสั่น (Haptic Touch) และมีความสว่างจอสูงสุดที่ 625 นิตเท่ากัน

การเชื่อมต่อ

iPhone SE 3 รองรับการเชื่อมต่อกับสัญญาณ 5G ส่วน iPhone 11 รองรับแค่ 4G เท่านั้น ในด้านการเชื่อมต่อไร้สายอื่น ๆ ก็เหมือนกัน เพราะทั้งสองรุ่นรองรับ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.0 แบบเดียวกัน

ประสิทธิภาพ

iPhone SE 3 ใช้ชิป A15 Bionic (แบบเดียวกันกับ iPhone 13) มีจำนวนคอร์ของ CPU เท่ากับ ชิป A13 Bionic ใน iPhone 11 แต่สิ่งที่ชิป A15 Bionic เหนือกว่าคือ ถึงแม้จะมีจำนวนคอร์ GPU เท่ากันที่ 4 คอร์ แต่ GPU ในชิป A15 เป็น GPU แบบ 4-core ใหม่ โดย Apple บอกว่า GPU ในชิป A15 Bionic เร็วกว่าชิป A13 Bionic ถึง 1.2 เท่า

ด้าน Neural Engine ที่เป็นพลังงานการประมวลผล AI ใน iPhone SE 3 ที่ใช้ชิป A15 Bionic นั้นมีอยู่ทั้งหมด 16-core แบบใหม่ (iPhone 11 มี Neural Engine 8-core) ทำให้ iPhone SE 3 ใช้งานฟีเจอร์ที่ซับซ้อนได้ดีกว่า

แบตเตอรี่

ด้วยขนาดตัวเครื่องของ iPhone 11 ที่ใหญ่กว่า จึงมีพื้นที่ให้จุแบตเตอรี่ได้มากกว่า ทำให้ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ของ iPhone 11 มากกว่า iPhone SE 3 ซึ่งในการเล่นวิดีโอนั้น iPhone 11 สามารถเล่นวิดีโอได้สูงสุด 17 ชั่วโมง ส่วน iPhone SE 3 ทำได้ 15 ชั่วโมง (เพิ่มขึ้นจากรุ่นเก่า 2 ชั่วโมง เพราะประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานของชิป A15 Bionic)

ความทนทาน

  • iPhone 11 มีมาตรฐานการทนน้ำทนฝุ่นระดับ IP68 สามารถทนน้ำลึกไม่เกิน 2 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที
  • iPhone SE 3 มีมาตรฐานการทนน้ำทนฝุ่นระดับ IP67 สามารถทนน้ำลึกไม่เกิน 1 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที

กล้องหลัง

iPhone 11 ให้กล้องหลังมา 2 ตัว คือกล้องไวด์และอัลตร้าไวด์ ความละเอียด 12MP รองรับการถ่ายภาพโหมดกลางคืน ทำให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีกว่า

ด้าน iPhone SE 3 มีกล้องหลังเพียงตัวเดียว ซึ่งเป็นกล่องไวด์ ความละเอียด 12MP ไม่รองรับโหมดกลางคืน แต่ด้วยประสิทธิภาพของชิป A15 Bionic จึงทำให้มีเทคโนโลยีการถ่ายภาพที่ทันสมัยกว่า มีการถ่ายภาพแบบ Deep Fusion ที่ดีกว่า มาพร้อม HDR อัจฉริยะ 4 ตัวใหม่ และยังมีคุณสมบัติ “สไตล์ภาพถ่าย” เหมือนกับ iPhone 13 อีกด้วย

กล้องหน้า

กล้องหน้าของ iPhone 11 เป็นกล้อง TrueDepth ความละเอียด 12MP มีเทคโนโลยี HDR อัจฉริยะเจนเนอเรชั่นถัดไปสำหรับภาพถ่าย

iPhone SE 3 ถึงแม้จะเป็นกล้อง FaceTime HD ความละเอียด 7MP แต่มีเทคโนโลยีการถ่ายภาพจากกล้องหน้าที่ดีกว่า เพราะมีทั้ง HDR อัจฉริยะ 4 และยังรองรับ Deep Fusion ที่กล้องหน้าด้วย (iPhone 11 ไม่รองรับ)

การถ่ายวิดีโอ

iPhone 11 และ iPhone SE 3 รองรับการถ่ายวิดีโอที่กล้องหลังในความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรม เท่ากัน แต่ iPhone 11 สามารถถ่ายวิดีโอ 4K 60 เฟรมที่กล้องหน้าได้ด้วย

การเล่นเสียงและวิดีโอ

ด้านระบบเสียงนั้น iPhone 11 ใช้เทคโนโลยีการเล่นเสียงที่ใหม่กว่า รองรับการเล่นเสียงตามตำแหน่ง และยังรองรับระบบเสียงแบบ Dolby Atmos อีกด้วย ส่วน iPhone SE 3 ยังเป็นระบบเสียงแบบสเตอริโอเท่านั้น

ในส่องของการชมคอนเท้นต์ ทั้งสองรุ่นรองรับ Dolby Vision, HDR10 และ HLG เหมือนกัน

ซิมการ์ด

ทั้ง iPhone 11 และ iPhone SE 3 รองรับระบบซิมคู่ โดยสามารถใส่ Nano-SIM ได้ 1 ซิม และรองรับ eSIM อีก 1 ซิม

สีและความจุ

iPhone 11 ในตอนนี้ ยังมีวางขายทั้งหมด 6 สีด้วยกัน ได้แก่ สีเขียว ม่วง ขาว เหลือง ดำ และสีแดง (PRODUCT RED) โดยมี 2 ความจุให้เลือกซื้อ ได้แก่ ความจุ 64GB และ 128GB

iPhone SE 3 มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีมิดไนท์ สตาร์ไลท์ และสีแดง (PRODUCT RED) แต่ iPhone SE 3 มีความจุให้เลือกมากกว่า มี 3 ความจุด้วยกัน ได้แก่ ความจุ 64GB 128GB และ 256GB

ราคา

ราคา iPhone 11 

  • ความจุ 64GB ราคา ฿19,500
  • ความจุ 128GB ราคา ฿21,500

🛒 สั่งซื้อได้ ที่นี่

ราคา iPhone SE 3 

  • ความจุ 64GB ราคา ฿15,900
  • ความจุ 128GB ราคา ฿17,900
  • ความจุ 256GB ราคา ฿21,900

🛒 สั่งซื้อได้ ที่นี่

สรุป

สิ่งที่ iPhone SE 3 ทำได้ดีกว่าคือ

  • มีชิปประมวลผลที่เร็วกว่า มี GPU ที่เร็วกว่า 1.2 เท่า มีจำนวนคอร์ของ Neural Engine ที่มากกว่า จึงให้ประสิทธิภาพในเรื่องการประมวลผลกราฟิกและ AI ที่ดีกว่า เช่น การเล่นเกม การถ่ายรูปที่มีฟีเจอร์ดีๆ มากกว่า เพราะรองรับ HDR อัจฉริยพ 4 และมีคุณสมบัติสไตล์ภาพถ่ายในทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
  • การเชื่อมต่อที่รวดเร็วกว่า เพราะรองรับ 5G
  • การรองรับซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ เพราะเปิดตัวมาทีหลัง

ทั้งนี้การตัดสินใจในการซื้อก็ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งาน ความชอบ และงบในการซื้อ เมื่อดูการเปรียบเทียบสเปคในบทความนี้แล้วอาจจจะช่วยในการตัดสินใจซื้อได้ไม่มากก็น้อยค่ะ

ดูข้อมูลการเปรียบเทียบอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ ที่นี่

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Nooknick Yanika

Humanities, English Literature
Chiangmai University