สำหรับปัจจุบันที่กระแส smartphone กำลังมาแรง โดยเฉพาะ iPhone ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ด้วยลูกเล่นมากมาย และจุดน่าสนใจก็เยอะ อีกทั้งยังมีโปร 3G ที่น่าสนใจ ทำให้เราเพลิดเพลินกับมันได้อย่างเต็มที่ แต่ปัญหาที่ลูกเล่นและจุดน่าสนใจเยอะก็คือ แบตหมดไวครับ หลายๆท่านที่ทำงานก็อาจจะมีปัญหานี้บ่อยอยู่นะครับ และผมเชื่อว่าหลายๆท่านก็รูจัก แบตเตอรี่พกพาอย่างแน่นอน เมื่อก่อนก็จะมีความจุต่ำๆอยู่นะครับ แต่พัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีได้ก้าวไกลยิ่งขึ้น ทำให้ปัจจุบัน แบตเตอรี่พกพามีความจุถึง 10,000 ma เลยล่ะครับ!
ก่อนจะเข้าสู่เรื่องของ แบตเตอรี่พกพา เราก็มาดูความจุของ iDevice ในแต่ละรุ่นกันก่อนนะครับ
- iPhone 2G – 1400 mAh
- iPhone 3G – 1150 mAh
- iPhone 3GS – 1219 mAh
- iPhone 4 – 1420 mAh
- iPhone 4S – 1430 mAh
- iPod touch Gen 1 – 900 mAh
- iPod touch Gen 2 – 800 mAh
- iPod touch Gen 3 – 789 mAh
- iPod touch Gen 4 – 930 mAh
- iPad 1 – 6600 mAh
- iPad 2 – 6930 mAh
- The new iPad – 11,560mAh
แต่ผมเชื่อว่า หลายๆท่านอาจจะเคยคิดว่า แบตเตอรี่พกพาความจุเท่าไหร่ดีจึงจะเหมาะกับตนเอง เวลาเดินเข้าไปตาม iSudio ก็ด้อมๆมองๆกันนานทีเดียว เพราะไม่รู้ว่าความจุเท่าไหร่หนอ จึงจะพอดีกับการใช้ในแต่ละวันของเรา
สมมติ ว่าผมรู้แล้วว่า วันหนึ่ง ผมต้องใช้ iPhone 4 ที่ต้องการแบตถึง 4 เท่าตัวคือ 1420 x 4 = 5680 mah / วัน ดังนั้น ผมต้องหาไฟ หรือแบตเตอรี่สำรองที่ต้องการไฟเพิ่มอีก 4260 (กรณีนี้คือมีไฟใน iPhone4 อยู่แล้วที่ 1420 mah) แล้วเมื่อผมเดินเข้าไปใน shop แห่งหนึ่ง เจอแบตเตอรี้ขนาด 5000 mah ซึ่ง ผมต้องการเพียงอีก 4260 เท่านั้น ผมก็จัดการซื้อมาเลย แต่มันไม่ใช่แค่นั้นครับ
ยกตัวอย่างอีกหรณีหนึ่ง ผมก็เดินไป shop แห่งหนึ่งอีกเช่นเคย แล้วเห็น battery ความจุ 5000 mah ผมก็จับหารด้วยความจุไฟของ iPhone 4 เลยก็คือ
5000/1420 = 3.52
คิดง่ายๆคือ ตัวเลข 3.52 นี้คือตัวเลขที่บอกว่า แบตเตอรี่ตัวนี้สามารถชาร์จไฟได้กี่ครั้ง ซึ่งผลที่ออกมาคือ 3.52…. ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ครับ ในกรณีที่เราต้องการรู้จริงๆ เราห้ามลืมคิดค่า Loss ครับ
ค่า loss คืออะไร?
ข้างแบตเตอรี่พกพา ก็มี battery อยู่ข้างในอีกทีครับ โดยส่วนมาก ปัจจุบันที่ใช้จะเป็น Lithium-Ion และหลักการในการ input ไฟเข้าไปคือ การแปลงพลังงานไฟฟ้าในส่วนของการ input ไปเป็นพลังงานทางเคมี (อ้างอิง wiki.answer EN) และเมื่อมีการคลายพลังงานออก (output) ก็จะต้องเสียค่าในการแปลงพลังงาน และดันไฟออกไปเช่นกัน โดยค่าที่เสียไปนี้เราจะเรียกว่า loss โดยปกติค่า loss ของ external battery จะอยู่เฉลี่ยราวๆ 30% ครับ (ตามอุณหภูมิเฉลี่ยในประเทศไทย)
ดังนั้น เราสามารถตั้งสมการของค่า loss ได้ดังนี้ครับ
[(ความจุของแบตเตอรี่พกพา x 70) / 100 = ความจุที่สามารถใช้ได้จริงของแบตพกพา] / ความจุของ iDevice = จำนวนรอบที่สามารถชาร์จได้
ยกตัวอย่างนะครับ
external battery 12,000 mah โดนค่า loss 30% = (12,000 x 70) / 100 = 8,400 mah
นำค่าความจุที่ได้จากการเสียค่า loss มาหารความจุ iPhone อีกทีก็จะได้แล้วครับ
8,400 / 1420 = 5.91 รอบ
และนี่คือวิธีการคิดค่า loss ของแบตเตอรี่พกพาครับ เพียงท่านนำสูตรนี้ไปคำนวน ท่านก็จะทราบได้ว่า แบตเตอรี่พกพาที่ท่านกำลังเล็ง มีความจุเท่านี้ แต่จะใช้ได้จริงที่เท่าไหร่ครับ หวังว่า บทความนี้ จะมีประโยชน์สำหรับหลายๆท่านครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณ Wikipedia