Apple Watch Ultra 3 ถูกออกแบบมาให้เป็นนาฬิกาที่ล้ำหน้าที่สุด โดยเน้นคุณสมบัติด้านสุขภาพ, ฟิตเนส, ความปลอดภัย, และการเชื่อมต่อที่เหนือกว่าเดิม
สรุปสเปค Apple Watch Ultra 3 รองรับ 5G ในไทย ใช้ได้นาน 42 ชั่วโมง เริ่มต้น 29,900 บาท

หน้าจอใหญ่ขึ้น แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 42 ชั่วโมง
หน้าจอ:
- ขนาดใหญ่ที่สุด: ใช้เทคโนโลยีจอภาพ LTPO3 และ OLED แบบมุมกว้าง ทำให้เป็นหน้าจอที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน Apple Watch
- ขอบจอบางลง: ขอบจอบางลง 24% เพิ่มพื้นที่การแสดงผลโดยไม่ต้องขยายขนาดตัวเรือน
- สว่างและคมชัด: จอภาพสว่างและอ่านง่ายขึ้นแม้มองจากมุมด้านข้าง
- Always-On Display ที่ดีขึ้น: อัตรารีเฟรชเร็วขึ้นเป็นทุก 1 วินาที ทำให้เข็มวินาทีเคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวล
- หน้าปัดใหม่: มีหน้าปัด “จุดอ้างอิง” ที่มาพร้อมเข็มทิศแบบเรียลไทม์และโหมดกลางคืนเพื่อการมองเห็นในที่มืด
แบตเตอรี่ และการชาร์จ
- ใช้งานทั่วไป: สูงสุด 42 ชั่วโมง หากโหมดประหยัดพลังงานสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 72 ชั่วโมง
- ชาร์จเร็ว: ชาร์จเพียง 15 นาที สามารถใช้งานได้นานสูงสุด 12 ชั่วโมง
- ติดตามการออกกำลังกายกลางแจ้งต่อเนื่อง: สูงสุด 20 ชั่วโมง (ในโหมดประหยัดพลังงานพร้อม GPS และวัดอัตราการเต้นของหัวใจ)
ระบบเซลลูลาร์ 5G
มาพร้อมระบบเซลลูลาร์ 5G ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทำให้ดาวน์โหลดเพลง, พ็อดคาสท์ และแอปต่าง ๆ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และมีการใช้อัลกอริทึมขั้นสูงในการทำงานร่วมกับสายอากาศสองระบบพร้อมกัน เพื่อเพิ่มความแรงของสัญญาณในพื้นที่อับสัญญาณได้อย่างมีประสิธิภาพ
ฟีเจอร์การนอนหลับ
Apple Watch เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ “คะแนนการนอนหลับ” ใน watchOS 26 เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจคุณภาพการนอนของตนเองและรู้วิธีปรับปรุงให้ดีขึ้น
การทำงาน:
- Apple Watch จะติดตามข้อมูลการนอนหลับที่สำคัญหลายอย่าง เช่น ระยะเวลาการนอน, ความสม่ำเสมอ, ความถี่ในการตื่น, และเวลาที่ใช้ในแต่ละระดับการนอนหลับ
- ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาวิเคราะห์และสรุปเป็น “คะแนนการนอนหลับ” ที่เข้าใจง่าย เพื่อให้เห็นภาพรวมคุณภาพการนอนของตัวเอง
การแสดงผล:
- ทุกเช้าผู้ใช้จะเห็นคะแนนโดยรวมและคะแนนแยกตามปัจจัยต่างๆ ในแอป “นอนหลับ” บน Apple Watch และมีคำอธิบายที่ชัดเจนว่าควรปรับปรุงปัจจัยใดเป็นพิเศษ
- สามารถดูคะแนนได้อย่างรวดเร็วผ่านหน้าปัดนาฬิกาหรือวิดเจ็ต และดูข้อมูลย้อนหลังได้ในแอป “สุขภาพ” บน iPhone
อัลกอริทึมการให้คะแนนอ้างอิงจากแนวทางล่าสุดของสถาบันด้านการนอนหลับชั้นนำระดับโลกได้รับการพัฒนาและทดสอบจากข้อมูลการนอนหลับกว่า 5 ล้านคืนจาก Apple Heart and Movement Study
ฟีเจอร์ด้านฟิตเนสสุดล้ำ
watchOS 26 บน Apple Watch Ultra 3 ได้ยกระดับประสบการณ์การออกกำลังกายไปอีกขั้น โดยมีฟีเจอร์เด่นๆ ดังนี้:
1. Workout Buddy: ผู้ช่วยออกกำลังกายอัจฉริยะ
- เป็นประสบการณ์การออกกำลังกายที่ขับเคลื่อนด้วย Apple Intelligence เป็นครั้งแรก
- วิเคราะห์ข้อมูลการออกกำลังกายและประวัติความฟิตของผู้ใช้ เพื่อ ส่งเสียงสร้างแรงบันดาลใจที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ตลอดการออกกำลังกาย (เช่น กระตุ้นตามอัตราการเต้นของหัวใจ, เพซ, หรือระยะทาง)
- ในช่วงแรกจะเริ่มใช้งานในภาษาอังกฤษ และต้องใช้ร่วมกับหูฟัง Bluetooth และ iPhone ที่รองรับ Apple Intelligence
หมายเหตุ: ฟีเจอร์ดังกล่าวยังไม่รองรับในไทย
2. การปรับปรุงแอปออกกำลังกาย (Workout App)
ปรับแต่งดูง่ายขึ้นมีเลย์เอาท์ใหม่ที่ช่วยให้ปรับแต่งมุมมอง, สร้างการออกกำลังกายเอง, และตั้งค่าต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
สร้างบน iPhone: สามารถสร้าง “การออกกำลังกายแบบกำหนดเอง” ในแอปฟิตเนสบน iPhone แล้วซิงค์มาใช้บน Apple Watch ได้สะดวกยิ่งขึ้น
3. การผสานเพลงและพ็อดคาสท์
เล่นอัตโนมัติ: สามารถตั้งค่าให้เพลงหรือพ็อดคาสท์เล่นทันทีเมื่อเริ่มออกกำลังกาย
เลือกเพลงให้อัจฉริยะ: Apple Music สามารถเลือกเพลย์ลิสต์ที่เหมาะกับประเภทการออกกำลังกายและรสนิยมของผู้ใช้ได้โดยอัตโนมัติ
4. ฟีเจอร์เฉพาะสำหรับนักกีฬาแต่ละประเภท
- นักวิ่ง: มาพร้อม GPS ที่แม่นยำที่สุด, ปุ่ม Action ที่ปรับแต่งได้, ค่าชี้วัดขั้นสูง (ความยาวก้าว, การกระเด้งตัว), และฟีเจอร์ตรวจจับลู่วิ่งอัตโนมัติ
- นักปั่นจักรยาน: สามารถดูกิจกรรมการออกกำลังกายแบบสดๆ (Live Activity) บน iPhone และเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมผ่าน Bluetooth เพื่อดูค่าต่างๆ เช่น รอบขา หรือโซนกำลัง
- นักว่ายน้ำ: มีฟีเจอร์ตรวจจับท่าว่ายอัตโนมัติ, นับรอบ, คำนวณค่า SWOLF และดูอุณหภูมิน้ำได้ (กันน้ำระดับ WR100)
- นักเดินเขา: ใช้งานแผนที่ออฟไลน์พร้อมระบบนำทางแบบเลี้ยวต่อเลี้ยวได้
- นักดำน้ำ: เปลี่ยน Apple Watch ให้เป็นไดฟ์คอมพิวเตอร์ได้เมื่อใช้ร่วมกับแอป Oceanic+
- นักกอล์ฟ: ได้ประโยชน์จากหน้าจอที่สว่างและแบตเตอรี่ที่ยาวนาน พร้อมแอปเฉพาะทางที่ช่วยวิเคราะห์และปรับปรุงวงสวิงได้
ฟีเจอร์เพิ่มเติมบน watchOS 26
- ดีไซน์ใหม่: มาพร้อมลุคสดใหม่ในชื่อ Liquid Glass มีการเสนอวิดเจ็ตที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน ทำให้การโต้ตอบสะดวกยิ่งขึ้น
- แอปข้อความ (Messages): ได้รับการอัปเดตให้มี ฟีเจอร์ แปลภาษาสด และคำแนะนำอัจฉริยะตามบทสนทนา
- คำสั่งนิ้วใหม่: สามารถ “บิดข้อมือ” ด้วยมือเดียวเพื่อปิดการแจ้งเตือนได้อย่างง่ายดาย
คอลเลกชั่นสายใหม่:
- Trail Loop: ดีไซน์ใหม่ ถักด้วยเส้นด้ายสะท้อนแสงบริเวณขอบสาย
- Ocean Band และ Alpine Loop: มีโทนสีใหม่ๆ เพิ่มเติม
- Hermès: มี 2 สีใหม่สำหรับสาย En Mer และเปิดตัวสาย Scub’H Diving ที่ทำจากยางพร้อมหัวล็อคไทเทเนียม เหมาะกับไลฟ์สไตล์แอ็คทีฟ



ราคา และการวางจำหน่าย
- Apple Watch Ultra 3 ราคาเริ่มต้นที่ 29,900 บาท
- มีให้เลือก 2 สี คือ ไทเทเนียมธรรมชาติ และไทเทเนียมดำ
- Apple Watch Series 11, Ultra 3, SE 3 ยังไม่มีกำหนดวันสั่งซื้อ และวันจำหน่ายในไทย
ที่มา: Apple