รีวิว Synology DS215j อุปกรณ์ NAS สำหรับเก็บข้อมูลสร้าง Cloud ส่วนตัว

บทความรีวิวฉบับนี้จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับอุปกรณ์สำหรับเก็บข้อมูลซึ่งจำทำหน้าที่ “เป็นพื้นที่สำรองข้อมูลทั้งจากคอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน, แท็บเลต ฯลฯ และสามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ที่มีอินเตอร์เน็ตใช้งาน” ที่เรารู้จักกันในนาม Network Attached Storage หรือเรียกชื่อเล่นติดปากกันว่า NAS (ออกเสียงว่า แนส)

ทำไมต้อง NAS

ทำไมต้องใช้ NAS หละ? ปกติใช้ฮาร์ดดิส USB ในการสำรองข้อมูลก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ?

ตอบ – แบบนั้นก็สำรองข้อมูลได้แล้วตามความต้องการพื้นฐานของเรา หากต้องการลูกเล่นเพียงเท่านั้นก็พอครับ ประหยัดและใช้งานง่าย แค่แกะกล่องต่อเข้าคอม ก๊อบไฟล์ลงฮาร์ดดิสก็จบละ จะเอาไปใช้เครื่องไหนก็ไปเสียบเครื่องนั้น

แต่ข้อจำกัดของวิธีนี้คือ ใช้ได้คนเดียว ณ ช่วงนั้นๆ จะต้องพกอุปกรณ์ไปด้วยตลอดเวลาและเสี่ยงต่อการติดไวรัสหากนำไปเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสอยู่แล้วซึ่งอาจจะทำให้ข้อมูลสูญหายและโดยเฉลี่ยแล้วอายุการใช้งานของฮาร์ดดิสประเภทนี้มันไม่ยาวนาน

แล้ว NAS ดียังไง?

หลักการทำงานของ NAS คือ ฮาร์ดดิสที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายได้และเข้าถึงจากที่ใดก็ได้ในโลกเพียงใช้อินเทอร์เน็ต นั่นคือจุดเด่นหลักที่หากพูดถึงคำว่า  NAS แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าโดยลึกๆ แล้ว  NAS  มันทำอะไรได้มากกว่านั้น

NAS สามารถที่จะใส่ฮาร์ดดิสเข้าไปหลายลูกเพื่อเพิ่มความจุให้มากเท่าที่  NAS แต่ละรุ่นกำหนดเอาไว้ได้, NAS  จะมีซอฟต์แวร์ไว้บริหารจัดการทั้งการจำกัดสิทธิ์ผู้ใช้งาน การจัดการระบบเครือข่าย, การเข้าถึงไฟล์ อ่าน เขียน ข้อมูลต่างๆ ได้, สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันลงใน NAS และใช้งานในรูปแบบต่างๆ ได้ เช่น ใช้สำหรับเป็น Download Manager เพื่อดาวน์โหลดไฟล์จากอินเทอร์เน็ต, สำหรับทำไฟล์เซิร์ฟเวอร์เพื่อสำรองข้อมูล, เป็นคลังภาพสำหรับเก็บรูปถ่ายและวีดีโอ หรือแม้กระทั่งเป็นพื้นที่สำหรับเก็บข้อมูลจากล้องวงจรปิดอีกต่างหาก

โดยหลักๆ แล้ว NAS จะเหมาะสำหรับการใช้งานที่มีผู้ใช้มากกว่า 1 คนขึ้นไปและจะพบทั่วไปในออฟฟิตขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่

ยังไม่เข้าใจอยู่ดี อธิบายให้เห็นภาพหน่อยสิ!!

ชมคลิปแนะนำ NAS จาก Synology แล้วจะทำให้เห็นภาพมากขึ้นครับ

ยกตัวอย่าง ติดตั้งระบบ NAS  ไว้ที่บ้านโดยเชื่อมต่อกับเครือข่ายของเน็ตบ้านที่ใช้งาน จากนั้นอัปเดตไฟล์เอกสารรายงาน, การประชุมหรือรูปภาพ เพลง ฯลฯ ขึ้นไปเก็บไว้ที่ NAS

เมื่ออยู่บ้าน ก็ใช้คอมพิวเตอร์หรือสสมาร์ทโฟนเชื่อมต่อเข้า  Wifi ที่บ้านก็สามารถดูข้อมูลไฟล์ต่างๆ เหล่านั้นได้ ไม่ว่าจะแก้ไขไฟล์ สร้างหรือลบก็สุดแล้วแต่

หากต้องเดินทางไปประชุมอาจจะต่างจังหวัดแล้วเกิดลืมว่า “ไฟล์เตรียมการประชุมนั้นเก็บไว้ที่คอมฯ ที่บ้าน” เมื่อเดินทางมาถึงที่ประชุมแล้วต้องการใช้ไฟล์นั้นแต่ไม่สามารถที่จะขับรถกลับมาก๊อบไฟล์จากที่บ้านได้ โชคดีว่าไฟล์นั้นอัปโหลดเก็บไว้ที่ NAS เรื่องง่ายก็เกิดขึ้น คือ เพียงใช้คอมพิวเตอร์เชื่อมกับกับ Wifi  ที่โรงแรมหรือห้องประชุม จากนั้นล็อคอินเข้าระบบ NAS ที่ตั้งค่าไว้ ก็สามารถที่จะเข้าไปดาวน์โหลดไฟล์เหล่านั้นมาใช้งานได้แล้ว

พอจะมองภาพออกแล้วแหละแต่ไฟล์เล็กๆ แบบนั้นส่งเข้าอีเมลก็ได้นี่?

ใช่ครับ ไฟล์เล็กๆ ส่งเข้าอีเมลได้ไม่ผิดหรืออัปโหลดไว้ที่  Cloud อื่นๆ ก็ได้เช่นกัน แต่หากลองคิดว่าไฟล์นั้นขนาดใหญ่เป็น GB หรือจำนวนรูปภาพเป็นพันๆ รูปและเนื้อที่รวมกันหลาย 10GB และจะอัปโหลดยังไงไหว? นั่นแหละครับประเด็น ไฟล์ขนาดใหญ่เหล่านี้หากต้องใช้ไฟล์ร่วมกัน แชร์ไปมาหากันมันสะดวกและปลอดภัยกว่ามากๆ และมันสะดวกกว่า ยืดหยุ่นกว่าทั้งยังสามารถจัดการระบบได้ด้วยเราเองที่สำคัญราคานั้นไม่แพงอย่างที่คิด

เปรียบเทียบ iCloud vs. NAS

Apple ให้เนื้อที่บน iCloud จำนวน 5GB สำหรับผู้ใช้งานทุกคน นอกจากนี้สามารถเช่าเนื้อที่เพิ่มเติมซึ่งต้องจ่ายเป็นตั้งแต่ $0.99 – $19.99 USD ซึ่งได้เนื้อที่สูงสุดที่ 1TB

หน้าที่หลักของ iCloud คือใช้สำรองข้อมูลจาก iPhone, iPad, iPod touch จำพวก รายชื่อ โน้ต อีเมล รูปภาพ วีดีโอและแอปพลิเคชันซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆ สำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน เพราะเป็นการป้องกันไม่ให้ข้อมูลที่อยู่ในเครื่องนั้นเสียหายหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดกับ  iPhone, iPad ของเรา แต่ iCloud นั้นก็มีข้อจำกัดที่เราสามารถใช้บริการได้เท่านั้น เท่าที่ Apple ได้กดหนดเอาไว้ให้เอง

เทียบกับ NAS เราสามารถเพิ่มเนื้อที่ของฮาร์ดดิสเท่าไหร่ก็ได้ หากมีเนื้อที่เยอะสามารถแบ่งให้ญาติในบ้านสามารถใช้เนื้อที่เหล่านั้นได้ด้วย, เนื้อที่ใน NAS สามารถที่จะเก็บได้ทุกอย่างเสมือนฮาร์ดดิสในคอมพิวเตอร์ที่อยากจะยัดอะไรลงไปก็ได้ตามความต้องการ, นอกจากนี้ NAS ยังสามารถติดตั้งแอปพลิเคชันข้างในและสามารถใช้  NAS เป็น Download manager  ไว้ดาวน์โหลดหนัง การ์ตูนเอาไว้ชมตามความต้องการได้, หากจะสำรองข้อมูลพวกรูปถ่าย วีดีโอที่ถ่ายจาก iPhone ก็สามารถทำได้เช่นกันและตั้ง Auto Backup  รูปได้ด้วย ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าข้อมูลรุปถ่ายต่างๆ ของเราจะปลอดภัยอย่างแน่นอน…..

 

ทำความรู้จักกับ Synology NAS

NAS ของ Synology นั้นมีหลายรุ่นซึ่งออกแบบไว้ให้เลือกตามความต้องการของผู้ใช้งานที่มีขนาดเล็กใช้ส่วนตัวในบ้านไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ไว้ใช้งานหลายคนพร้อมกัน สามารถดูข้อมูลของแต่รุ่นทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์ของทางผู้ผลิตได้เลย

เกริ่นมาก็นานแล้ว ต่อไปจะเข้าสู่ช่วงรีวิวอุปกรณ์ NAS รุ่น DS215j ให้ได้ชมกันแล้ว

Synology DS215j เป็น NAS ที่ออกแบบมาให้ใช้งานตามบ้านหรือออฟฟิตขนาดเล็ก รองรับการติดตั้งฮาร์ดดิสได้สูงสุด 2 ลูก หากดูจากชื่อรุ่น DS215j เลข 2 หมายถึงจำนวนฮาร์ดดิสที่ติดตั้งเข้าได้ไปและ 15 หมายถึงปีที่ผลิตนั่นคือ 2015 ส่วนเครื่องหมายต่อท้ายนั้นบอกถึงประสิทธิภาพของแต่ละซีรี่

ข้อมูลทางเทคนิคของ DS215j

สเปคของ DS215j ตัวนี้สามารถดูเบื้องต้นได้จากตารางด้านล่างส่วนหากต้องการดูเพิ่มเติมทั้งหมดนั้นให้คลิกที่นี่

สรุปฟีเจอร์เด่นของ DS215j

• NAS ขนาด 2-bay รองรับความจุสูงสุด 16TB (2x8TB)
• ซีพียูแบบ Dual core
• Share file server – เหมาะสำหรับการทำเป็นเซิร์ฟิเวอร์ในการแชร์ไฟล์
• Backup server – เหมาะสำหรับใช้เป็นเซิร์ฟเวอร์ในการสำรองข้อมูลจากทั้ง Mac, Windows, iOS และ Android ที่สามารถตั้งค่าให้อุปกรณ์ต่างๆ สำรองข้อมูลมายัง NAS ตัวนี้ โดยหมดกังวลเรื่องข้อมูลสูญหายได้
• Media server – สำหรับการเก็บไฟล์มีเดียร์ วีดีโอ ภาพยนต์ เพลง ซึ่งสามารถเป็นโฮสและชมผ่านคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนได้เลย
• Rich Software – ระบบปฏิบัติการภายในของ Synology NAS นั้นเจ๋งมาก ใช้งานง่ายและแถมฟีเจอร์ก็มีหลากหลาย เช่น ติดตั้งแอปเพื่อใช้ให้ NAS เป็น Download Station สำหรับการดาวน์โหลดไฟล์(สั่งดาวน์โหลดจากคอมฯ หรือสมาร์ทโฟนโดยตรงก็ได้), ตั้งค่าให้เป็น NAS สามารถติดต่อเชื่อมต่อผ่านทาง WAN ฯลฯ ซึ่ง ฟีเจอร์เหล่านี้มองดูเหมือนจะใช้งานยาก แต่สำหรับ Synology นั้นสามารถทำได้เพียงปลายนิ้วคลิก

แกะกล่อง DS215j

เกริ่นซะนานเลยตามประสาเขียนให้คนที่ไม่รู้อ่าน…. 😀 มาถึงช่วงแกะกล่องสินค้ามาดูกันซิว่าเจ้า DS215j นี้หน้าตาเป็นอย่างไร

รูปแรกเป็นกล่องสีดำใบใหญ่ของ Synology DS215j  ขนาดกล่องประมาณ 28x25x12 ซม.

เปิดกล่องภายในจะพบ Synology NAS DS215j พร้อมกับกล่องอุปกรณ์ต่อพ่วง

ซึ่งประกอบไปด้วย

• กล่อง NAS DS215j (ไม่มีฮาร์ดดิสภายในซึ่งผู้ใช้ต้องซื้อเพิ่มเอง แนะนำว่าควรเลือกซื้อฮาร์ดดิสที่ออกแบบมาสำหรับ NAS โดยเฉพาะ)
• อะแดปเตอร์พร้อมสาย AC power
• สาย Ethernet LAN สำหรับเชื่อม NAS เข้ากับ Router ที่บ้าน
• คู่มือ Quick Start

ชมตัวอย่างภาพแต่ละมุมของ DS215j

ด้านหน้ามีไฟล์ LED อยู่ทั้งหมด 4 ดวง

• Status บอกสถานะการทำงานของ NAS
• LAN บอกสถานะของการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายของ LAN กับ Router
• Disk 1 บอกสถานะของฮาร์ดดิสลูกที่ 1
• Disk 2 บอกสถานะของฮาร์ดดิสลูกที่ 2

ด้านข้างจะเป็นโลโก้ยี่ห้อของ DS215j นั่นก็คือ Synology โดยตัวโลโก้จะช่องระบายซึ่งอากาศจะสามารถผ่านเข้าออกได้

ด้านหลังมีพัดลมระบายอากาศที่จะช่วยลดความร้อนที่เกิดขึ้นกับฮาร์ดดิส และนอกจากนี้จะมีพอร์ตสำหรับการเชื่อมต่อ ได้แก่ USB 2.0, USB 3.0 สำหรับการเชื่อมต่อ External Harddisk เข้าไปได้อีกและสามารถที่จะคัดลอกข้อมูลจาก External Harddisk ลงที่ NAS ได้เลย

มีพอร์ต Ethernet LAN RJ-45 สำหรับเชื่อมต่อเข้ากับ Router พร้อมด้วยพอร์ตที่เอาไว้ล้อคตัวเคสของ NAS ไม่ให้ถูกขโมย และสุดท้ายก็จะเป็นพอร์ตสำหรับเสียบ AC Power Adapter เพื่อจ่ายกระแสไฟให้ NAS

รุ่น DS215j นี้สามารถติดตั้งฮาร์ดดิสเข้าไปได้ทั้งหมด 2 ตัวโดยความจุสูงสุดที่รับได้คือ 16TB แบ่งเป็น 8TBx2 การเปิดกล่อง NAS นั้นให้นอนตะแคงข้างแล้วดันหน้ากากออกไปทางด้านหน้า

จากนั้นก็จะสามารถติดตั้งฮาร์ดดิสเข้าไปที่ NAS ได้

ตัวอย่างนี้ติดตั้งเข้าไปทั้ง 2-bay ซึ่งเต็มความจุของ DS215j ที่รองรับ ทั้งนี้วิธีการติดตั้งนั้นสามารถดูได้จาก Quick Installation Guide ที่แนบมาให้ได้เลย ทำง่ายๆ ไม่ยากเลยครับ

ฮาร์ดดิสที่ใช้กับ DS215j

สามารถใช้กับฮาร์ดดิสได้ทั้งขนาด 3.5 นิ้ว และ 2.5 นิ้ว แต่ว่าหากต้องการใช้รุ่น 2.5 นิ้วนั้นจะต้องซื้อ Disk Holder เพิ่มเติมอีกต่างหาก

ถ้าให้แนะนำควรใช้ขนาด 3.5 นิ้วและเป็นฮาร์ดดิสที่ออกแบบมาสำหรับใช้งานกับ NAS เพราะว่ามันจะทนทานกว่าฮาร์ดดิสทั่วไป ตัวอย่างรุ่นที่แนะนำเช่น Seagate NAS Harddisk หรือ WD Red เป็นต้น

การเชื่อมต่อ Synology DS215j เข้ากับเร้าเตอร์

เชื่อมต่อสายเสร็จแล้วก็เปิดเครื่อง NAS ได้เลย

รอให้ NAS ทำการรันระบบสักครู่จากนั้นสามารถที่จะเข้าไปตั้งค่า NAS ได้ตามต้องการ โดยวิธีการนั้นสามารถชมได้จากวีดีโอด้านล่างได้เลย

การใช้งาน Synology NAS

สำหรับการใช้งานระบบของ NAS จาก Synology นั้นหลังจากผมทดสอบใช้งานได้สักพักใหญ่ๆ แล้วค่อนข้างที่จะสะดวกเพราะสามารถใช้งานผ่านอุปกรณ์ได้หลากหลายทั้งคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่ทาง Synology ได้พัฒนาแอปพลิเคชันมาไว้ให้ใช้งานพร้อมครบหมดแล้ว

ทางเลือกสำหรับการใช้งานเพื่อดึงข้อมูลจาก NAS

• คอมพิวเตอร์ ใช้งานผ่านทางเว็บบราวเซอร์และยังมีแอปพลิเคชันจำพวก Utilities สำหรับติดตั้งลงที่คอมฯ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เช่น แอป Cloud Station ที่ทำหน้าที่ใช้ซิงก์ข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์กับ NAS ได้อย่างอัตโนมัติ
• สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต รองรับทั้ง iOS และ Android สามารถเข้าไปดาวน์โหลดที่  App Store และ Google Play Store จากนั้นก็สามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ใน NAS ได้
  • DS File เสมือน File Explorer เพื่อเลือกดูไฟล์ต่างๆ ได้อย่างสะดวก
  • DS Photo ใช้สำหรับจัดการรูป เช่น อัปโหลดรูปจาก iPhone ขึ้นไปเก็บที่ NAS, ตั้งค่าให้ Auto backup รูปขึ้นไปเก็บที่ NAS, ใช้ดูรูปถ่ายหรือดาวน์โหลดรูปจาก NAS ลงที่  Photos ของ iPhone ได้เลย
  • DS Audio สำหรับเล่นไฟล์เพลงที่อยู่ใน NAS
  • DS Video เล่นไฟล์วีดีโอนามสกุลต่างๆ
  • DS Download สำหรับจัดการการดาวน์โหลดไฟล์ลงที่ NAS

ชมตัวอย่างการใช้งาน Synology NAS บนคอมพิวเตอร์และ iPhone 

Synology NAS โซลูชันสำหรับผู้ใช้ Apple iPhone, Mac

หากว่าคุณเป็นสาวก Apple ตัวจริงที่ใช้งาน Mac, iPhone, iPad หรือแม้แต่กระทั่ง Apple TV หากเพิ่ม NAS ของ Synology เข้าไปอีกชิ้นรับรองว่าจะสนุกยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน สิ่งที่คุณจะได้รับคือ

 

สำหรับผู้ที่รักการถ่ายรูป

หากคุณเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปและวีดีโอด้วย iPhone แล้วพบว่ารูปนั้นมีจำนวนที่มากจนเต็มความจุของ iPhone เสียแล้ว ทางแก้ไขโดยคุณสามารถใช้แอป DS Photo จากนั้นตั้งค่าให้สำรองข้อมูลพวกรูปถ่ายและวีดีโอให้อัปโหลดขึ้นไปเว็บไว้ที่ NAS ได้ สิ่งที่ได้คือ รูปจะถูกสำรองเก็บไว้ใน NAS อย่างปลอดภัยและสามารถดูรูปเหล่านั้นผ่านคอมพิวเตอร์ได้เลย

 

ผู้ที่ชื่นชอบการฟังเพลง

หากคุณมีคลังเพลงส่วนตัวที่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วอยากจะสร้าง media server สำหรับการฟังเพลงส่วนตัวก็ทำได้ง่ายๆ เพียงย้ายเพลงเหล่านั้นไปเก็บไว้ที่ NAS จากนั้นเปิดใช้แอป DS Audio เพื่อเลือกฟังเพลงจาก NAS โดยสามารถฟังได้จากทุกที่ทั่วโลกและไม่ต้องกังวลว่าไฟล์เหล่านั้นจะหายหรือพุพังไปตามกาลเวลาอีกต่อไป

คอหนัง

วีดีโอ ภาพยนต์ในคลังของคุณหากย้ายมาเก็บไว้ที่ NAS แล้วเรียกดูผ่าน DS Video สิ่งที่จะได้คือ ระบบจะทำการดึงหน้าปกหรือ Cover ของภาพยนต์เรื่องนั้นมาให้ ค้นหาซับไตเติลมาให้และสามารถรับชมผ่านระบบเครือข่ายทั้ง Lan/Wilress ในบ้านและผ่านอินเทอร์เน็ตได้เลย

และถ้าหากมี Apple TV อยู่ที่บ้านแล้วหละก็ยังสามารถเปิดสตรีมไฟล์ดังกล่าวให้แสดงที่ทีวีความละเอียดสูงได้อีกด้วย

เปรียบเทียบ Synology NAS vs. Apple Airport Time Capsule

หากใครได้อ่านรีวิว Airport Time Capsule ไปแล้วและสงสัยว่าเหมือนหรือต่างกับ NAS ตัวนี้อย่างไร ขออธิบายให้ฟังดังนี้ครับ

Airport Time Capsule นั้นเป็น Wifi router + Harddisk สำหรับเก็บข้อมูลที่สามารถสำรองข้อมูลได้เหมือนกับ NAS หาก Mac, iPhone, iPad เชื่อมต่อเข้า Airport Time Capsule ก็จะสามารถล็อคอินเข้าถึงเพื่อดูไฟล์เนื้อหาต่างๆ ในนั้นได้ (ใน iPhone, iPad จำเป็นต้องติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มอย่าง File Explorer เพื่อล็อคอินเข้าระบบถึงดูเนื้อหาได้)

แต่ส่วนที่แตกต่างกับ NAS คือ Airport Time Capsule จะไม่สามารถเข้าถึงไฟล์ผ่านอินเทอร์เน็ตจากภายนอกได้ (ผ่านได้เฉพาะการเชื่อมต่อแบบ LAN เท่านั้น) และเราไม่สามารถติดตั้งส่วนเสริมเพิ่มเติมให้กับ Airport Time Capsule ได้ โดยสรุปแล้ว NAS แบบด้านบนนั้นจะมีความยืดหยุ่นในการใช้งานที่มากกว่านั่นเอง

สรุปส่งท้าย

Synology DS215j เหมาะสำหรับผู้ใช้งานระบบ Medium ไปจนถึง Advance User ที่มีความต้องการการใช้พื้นที่ในการเก็บข้อมูลและต้องการให้ข้อมูลเหล่านั้นปลอดภัยแถมยังสามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ที่ต้องการ  ไม่ว่าจะเป็นช่างภาพมือสมัครเล่น ตากล้องถ่ายวีดีโอและตัดต่อฝึกหัดที่อาจจะเพิ่มเริ่มต้นรับงาน, นักออกแบบในทุกวงการหรือแม้กระทั่งในครอบครัวเดียวกันที่อยากใช้ NAS เป็นศูนย์การการจัดเก็บข้อมูลของสมาชิกในครอบครัว เพื่อป้องกันปัญหา ข้อมูลหายหลังจากอุปกรณ์สูญหายหรือเสียหายจากเหตุการณ์ต่างๆ เหมาะมากครับหรับยุคปัจจุบัน

สำหรับ NAS จาก Synology ตัวนี้เมื่อครั้งที่ยังไม่ได้ทดสอบใช้งานจริงจังก็ไม่รู้สึกว่าอยากจะได้แต่อย่างใดเพราะมี Airport Time Capsule อยู่แล้วก็ไม่รู้จะเอามาทำไม, แต่ความคิดนั้นเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ลองเล่นและใช้งานอย่างจริงจัง ผมเห็นประโยชน์ของมันอย่างมากเหลือ เพราะโดยส่วนตัวแล้วทั้งงานถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอ งานตัดต่อก็กินเนื้อที่ไปเยอะแล้วแถมบางครั้งต้องการเข้าถึงข้อมูลจากที่อื่นแต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากข้อจำกัดของ Airport Time Capsule

การออกแบบภายนอก NAS ตัวนี้ดีไซด์สวยงาม, การใช้งานที่ง่ายและมีซอฟต์แวร์จัดการไว้พร้อมสรรพมือใหม่อย่างผมยังสามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็วนี่แหละทำให้ผมหลงรัก NAS ตัวนี้ไปแล้ว  ส่วนเรื่องประสิทธิภาพของ DS215j นั้นถือว่าอยู่ในระกับเริ่มต้นอาจจะไม่แรงเท่ากับการคัดลอกผ่าน USB 3.0 โดยตรงแต่มันสะดวกมากกว่าเป็นไหนๆ

เนื่องด้วย CPU และ RAM ของ DS215j ที่มีไม่มากนักให้มาตามราคาค่าตัวของมัน จุดนี้เลยอาจจะยังฉุดตัวมันเอาไว้หน่อย หากใครมองเรื่อง Performance เป็นหลักนั้นขอให้ข้ามรุ่นนี้ไปเล่นที่สูงกว่า แต่หากใครเป็นผู้เริ่มต้นและต้องการที่อยากจะลองเล่นกับ NAS ที่ดีและคุ้มค่ากับการใช้งาน Synology DS215j ตัวนี้ถือว่าเหมาะกับคุณ

ซื้อ Synology ได้ที่ไหน?

Synology DS215j ราคาอยู่ที่ 7,900 บาท (ไม่รวมฮาร์ดดิส) สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่  http://www.beenas.net ทั้งนี้จะมีทีมงานคอยให้คำปรึกษาเรื่องการเลือก NAS รุ่นไหนให้เหมาะสำหรับคุณและแนะนำการติดตั้งใช้งาน NAS และแอปพลิเคชันต่างๆ ให้ด้วยเช่นกัน รับประกันสินค้าจาก บ.ดิจิตอลคอม จำกัด

ขอบคุณ ข้อมูลและรูปภาพ, วีดีโอประกอบจาก Synology

• Facebook
• Twitter
• Line