Thitirath Kinaret
นักวิจัยเตือนว่าการให้เด็กใช้สมาร์ตโฟนเร็วเกินไป อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อพัฒนาการทางอารมณ์ การนอนหลับ และสุขภาพกาย
ผลการศึกษาชี้ เด็กที่ใช้มือถือก่อนอายุ 12 ปี เสี่ยงมีปัญหาด้านสุขภาพ
มีรายงานการวิจัยขนาดใหญ่ที่ศึกษากว่า 10,500 คนพบว่า สมาร์ตโฟนไม่ได้เป็นแค่อุปกรณ์ความบันเทิงสำหรับเด็กในยุคนี้ แต่กำลังเปลี่ยนแปลงสมองของเด็กเงียบ ๆ ในขณะที่สมองยังอยู่ในช่วงเรียนรู้การควบคุมอารมณ์ ความหิว และการพักผ่อน
การศึกษาวิจัย Adolescent Brain Cognitive Development Study ในสหรัฐอเมริกา ติดตามพัฒนาการของเด็กอายุ 9 ถึง 16 ปี ระหว่างปี 2016 ถึง 2022 โดยเน้นไปที่หนึ่งในผลลัพธ์สำคัญ:
“เด็กที่ใช้สมาร์ตโฟนก่อนอายุ 12 ปี มีปัญหาด้านสุขภาพมากกว่ากลุ่มที่ไม่มีเครื่อง” ซึ่งสถิติเหล่านี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญต้องให้ความสนใจอย่างจริงจัง
สำหรับความเสี่ยงด้านสุขภาพของเด็กที่ใช้สมาร์ตโฟนก่อนวัย มีดังนี้
เสี่ยงซึมเศร้าสูงขึ้น 30%
เด็กอายุ 12 ปีที่มีสมาร์ตโฟนมีแนวโน้ม “เป็นโรคซึมเศร้า” มากกว่ากลุ่มไม่มีถึง 30% ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นในโซเชียลมีเดีย การถูกกลั่นแกล้งทางออนไลน์ และความรู้สึกว่าถูกกีดกันจากกลุ่มสนทนาออนไลน์ และฟีดในโซเชียลกลายเป็นกระจกสะท้อนตัวตนของเด็ก
น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเร็ว
เด็กที่ใช้สมาร์ตโฟนมีความเสี่ยงอ้วนสูงขึ้นถึง 40% เพราะมักใช้ขณะทานของกินไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว แทนที่จะเล่นหรือวิ่งกลับนั่งเลื่อนหน้าจอ ยิ่งไปกว่านั้นการใช้เวลาหน้าจอที่ยาวนานร่วมกับเครื่องดื่มหวานยิ่งเป็น “ภัยเงียบ” ที่ทำให้เกิดความผิดปกติในระบบเผาผลาญ และอาจส่งผลต่อไปจนโต
คุณภาพการนอนลดลง
เด็กที่ใช้สมาร์ตโฟนตั้งแต่อายุยังน้อย มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับเพิ่มขึ้น 60% แสงสีฟ้าจากหน้าจอรบกวนการผลิตเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยกระตุ้นการนอน ข้อความแจ้งเตือนต่าง ๆ ยิ่งปลุกให้ตื่นอยู่แม้ควรจะพักผ่อน ส่งผลให้คุณภาพของการนอนลดลงอย่างหนัก
ทำไมอายุ 12 ปีจึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
อายุ 12 ปีคือช่วงเวลาที่สมองของวัยรุ่นเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ระบบประมวลอารมณ์มีความไวสูงเป็นพิเศษ ความต้องการได้รับการยอมรับจากกลุ่มเพื่อนมีความสำคัญเกินปกติ สมองที่ตอบสนองรวดเร็วต่อ “การแจ้งเตือน”, “ยอดไลก์”, และ “คำตอบจากเพื่อน”
ทำให้เด็กในวัยนี้มีความเปราะบางต่อผลกระทบจากโซเชียลมีเดีย หากให้เด็กใช้มือถือก่อนอายุ 12 ปี ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นปีละราว 10 เปอร์เซ็นต์ กล่าวคือ เด็กวัย 7 ปีที่มีมือถือจะมีความเสี่ยงสูงกว่าคนที่เริ่มใช้ตอนอายุ 10 ปีอย่างชัดเจน
ผู้ปกครองควรดูแล
จากผลวิจัยจะเห็นได้ว่าผู้ปกครองควรจำกัดการใช้งานสมาร์ตโฟนของเด็ก ๆ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพราะในโลกของความเป็นจริงสมาร์ตโฟนมีทั้งข้อดี ข้อเสีย และเราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าในยุคนี้สมาร์ตโฟนมีความจำเป็นต่อชีวิตมากแค่ไหน
ผู้ปกครองควรดูแล และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้สมาร์ตโฟนมากเกินไปว่าจะมีผลกระทบต่อชีวิตของเด็ก ๆ อย่างไรบ้าง เพื่อให้เด็กตระหนักถึงผลกระทบที่จะได้รับ หากใช้สมาร์ตโฟนมากเกินไป
ที่มา: economictimes.indiatimes
