Sasithakan Sritonthip
รัสเซียสั่งบล็อกแอป FaceTime ของ Apple เพิ่มเติมจากแอปอื่น ๆ ที่เคยแบนไปแล้ว อ้างใช้ก่ออาชญากรรมและก่อการร้ายในประเทศ
รัสเซียแบนแอป FaceTime ของ Apple ท่ามกลางการกวาดล้างแอปสื่อสารเข้ารหัส
รัสเซียได้สั่งบล็อกการใช้งานแอปวิดีโอคอล FaceTime ของ Apple อย่างเป็นทางการ ในความพยายามต่อเนื่องในการกำจัดช่องทางการสื่อสารแบบส่วนตัว รายงานจาก Reuters ระบุว่า รัสเซียอ้างว่า FaceTime ถูกใช้เพื่อกิจกรรมอาชญากรรม และการแบนดังกล่าวถือเป็นมาตรการบังคับใช้กฎหมายโดยชอบธรรม
นอกจากนี้ ยังมีการแบนแอปโซเชียลมีเดีย Snapchat และแพลตฟอร์มเกม Roblox ในสัปดาห์เดียวกัน
แอปและบริการอื่น ๆ ที่เคยถูกแบนในรัสเซียก่อนหน้านี้ ได้แก่ Facebook, Instagram, Twitter, Discord และ LinkedIn ซึ่งทั้งหมดไม่สามารถเข้าถึงได้หากไม่มีการใช้ VPN
รัสเซียยังจำกัดการเข้าถึง YouTube จนใช้งานได้ยาก และตั้งแต่ปี 2022 TikTok ให้บริการเฉพาะเนื้อหาภายในประเทศเท่านั้น ไม่แสดงเนื้อหาจากต่างประเทศ
แอป Viber และ Signal ก็ถูกแบนในประเทศเช่นกัน ขณะที่ WhatsApp และ Telegram ไม่อนุญาตให้ใช้งานฟีเจอร์การโทรอีกต่อไปตั้งแต่ต้นปีนี้ และการส่งข้อความในแอปเหล่านี้ก็ถูกจำกัด
Roskomnadzor ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านสื่อของรัสเซียให้แถลงกับ Reuters ว่า:
“ตามข้อมูลจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย FaceTime ถูกใช้ในการวางแผนและปฏิบัติการก่อการร้ายในประเทศ สรรหาผู้กระทำความผิด และก่ออาชญากรรมอื่น ๆ ต่อประชาชนรัสเซีย”
FaceTime ขณะนี้ถูกจำกัดการใช้งานทั่วประเทศ ซึ่งน่าจะถูกบล็อกในระดับเครือข่าย แต่ยังอาจเข้าถึงได้ผ่านการใช้ VPN
ผู้อยู่อาศัยในกรุงมอสโกพบข้อความแสดงว่า “User unavailable” เมื่อพยายามใช้ FaceTime ซึ่งเป็นข้อความที่ปรากฏเมื่อไม่สามารถเชื่อมต่อระหว่างการโทรได้ อย่างไรก็ตาม ตัวแอปยังสามารถเปิดและใช้งานได้ปกติ Apple ยังไม่ได้ถอดถอนแอปออกจากระบบ
รัสเซียอ้างว่าแอปนี้ใช้ในการประสานงานกิจกรรมผิดกฎหมาย และไม่มีทางให้ Federal Security Service (FSB) เข้าตรวจสอบการโทรได้ Apple ปฏิเสธที่จะให้ FSB เข้าถึงข้อมูลการใช้งาน FaceTime และยังคงรักษาระบบเข้ารหัสแบบ end-to-end
ความเป็นไปได้ที่ FaceTime ไม่ถูกแบนก่อนหน้านี้ อาจเนื่องจากรัฐบาลมุ่งเป้าที่แอปยอดนิยมอย่าง WhatsApp และ Telegram ก่อน เมื่อการโทรด้วยเสียงและวิดีโอถูกแบนในแอปเหล่านั้น ผู้ใช้ในรัสเซียจึงหันมาใช้ FaceTime แทน จึงตกเป็นเป้าหมายของภาครัฐในเวลาต่อมา
ที่มา: MacRumors
