Thitirath Kinaret
Gartner เผยว่าช่วงปลายปี 2020, Apple ขายสมาร์ตโฟนได้มากกว่า Samsung เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016 เพราะ iPhone 12 ขายดี
Apple ขายสมาร์ตโฟนได้มากกว่า Samsung
รายงานเผยว่าไตรมาสสุดท้ายของปี 2020 นั้น, Apple ขาย iPhone ไปได้ 80 ล้านเครื่องโดยนักวิเคราะห์เผยว่าเพราะการมาของ iPhone 12 รองรับ 5G ช่วยดันยอดขาย iPhone ได้มากขึ้น
เมื่อเทียบกับปี 2019 พบว่า Apple ขาย iPhone ได้เพิ่มขึ้น 10 ล้านเครื่อง ส่วนแบ่งตลาดเติบโตขึ้นราว ๆ 15%, Samsung มีส่วนแบ่งตลาดลดลง 11.8% ขายสมาร์ตโฟนได้น้อยลงราว ๆ 8 ล้านเครื่อง
นักวิเคราะห์เผยว่าส่วนแบ่งตลาดสมาร์ตโฟนของ Apple ที่เพิ่มขึ้น 15% นั้นถือว่าเป็น “รอบการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” นอกจากนั้นในไตรมาส 1 ปี 2021 นั้น (ไตรมาส 4 ปี 2020 ของบริษัทอื่น) iPhone ทำสถิติสร้างรายได้มากที่สุด และ Tim Cook เผยว่าเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่ด้วย โดยในไตรมาสนั้น Apple ทำรายได้จาก iPhone ไปมากถึง 65,597 ล้านดอลลาร์
ในภาพรวมนั้นตลาดสมาร์ตโฟนเติบโตลดลง 12.5% ในปี 2020 แต่เมื่อดู 5 อันดับแรกของแบรนด์สมาร์ตโฟนขายดีพบว่า Apple กับ Xiaomi เท่านั้นที่มียอดเติบโตไปในเชิงบวก ซึ่งการเติบโตของ Apple นั้นส่วนหนึ่งก็มาจากการวางจำหน่าย iPhone 12 ที่ช้ากว่าจากปกติ ที่ Apple มักขาย iPhone รุ่นใหม่ในเดือนก.ย. เพราะเหตุผลเรื่องสถานการณ์ COVID-19
สมาร์ตโฟน 5G เป็นที่ต้องการมากขึ้น
การเติบโตและความพร้อมของ 5G ทั่วโลกที่มากขึ้นก็ส่งผลต่อความต้องการสมาร์ตโฟน 5G ด่วยเช่นกัน ประกอบกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของโลกที่ยากลำบากทำให้ลูกค้ามองหาสมาร์ตโฟน 5G ราคาย่อมเยา แต่ไม่ใช่กับ iPhone 12 mini ที่เป็น iPhone รุ่น 5G ราคาถูกที่สุดแต่ทำยอดขายไม่ค่อยได้ แต่ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันเรื่องปริมาณการขาย iPhone ให้สูงกว่าสมาร์ตโฟนของ Samsung ได้ด้วย
สำหรับปี 2021 นี้, Gartner คาดว่าสมาร์ตโฟน 5G อย่าง iPhone 12 mini จะเริ่มมีบทบาทและผลักดันให้ผู้ใช้สมาร์ตโฟนรุ่นเก่าเปลี่ยนมาใช้สมาร์ตโฟน 5G มากขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ Apple จะยังเปิดตัว iPhone รุ่น mini ต่อไปอย่าง iPhone 13 ที่ลือว่าจะมีการอัปเกรดเรื่องจอ กล้อง และ Touch ID ที่หน้าจอด้วย
ที่มา – macrumors
