รีวิว MiPOW PlayBulb หลอดไฟอัจฉริยะปรับแสงสว่าง ตั้งเวลาปลุก ฟังเพลงได้

สวัสดีแฟนๆ ที่รักอีกครั้งวันนี้วันศุกร์วันทำงานสุดท้ายของสัปดาห์ก่อนที่จะหยุดช่วงวันแม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ วันนี้ผมมีอุปกรณ์อีกชิ้นมาแนะนำเป็นของเล่นใหม่ที่ไม่ค่อยได้เจอที่ไหนนะเห็นครั้งแล้วก็โดนใจไม่น้อยไม่รอช้าไปชมกันเลยกับ PlayBulb หลอดไฟที่เหมือนธรรมดาแต่มันไม่ธรรมดาจาก MiPow

คำนิยามสั้นๆ ของ PlayBulb คือ หลอดไฟ LED ที่ปรับความสว่าง, เปิด ปิด, มีลำโพงในตัว, โดยวสามารถควบคุมด้วยสมาร์ทโฟนผ่านบูลทูธ

มาเริ่มเล่นกันเลยแล้วกันนะดูกล่องก่อนตามระเบียบเวลาซื้อจะได้เห็นว่าของแท้เป็นอย่างไร(จริงๆ ถ้าสั่งจากที่ที่น่าเชื่อถือก็จะได้ของแท้ละแหละเดี๋ยวแจ้งให้ทราบอีกที)

กล่องที่มีมานั้นเป็นพลาสติกแข็งสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบตั้งและขอบมน กระดาษบอกรายละเอียดนั้นเป็นสีฟ้าผมเข้าใจว่าเขาต้องการสื่อว่าหลอดไปนี้เป็น LED การทำงานจะไม่ปล่อยความร้อนออกมาเยอะเท่าหลอดธรรมดา

แกะกล่องไปแล้วก็ดูของครับจะมีหลอด LED PlayBulb อยู่ 1 อันโดยขั้วเกลียวที่เชื่อมต่อกับแท่นของโคมไฟนั้นจะเป็นชนิด E27, E26 ซึ่งเป็นขนาดเดียวกันกับหลอดตะเกียบที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว สลับหลอดใหม่กับหลอดเดิมที่โคมไฟหัวเตียงเท่านี้ก็พร้อมใช้งานแล้ว

PlayBulb ตัวที่ได้มาทดสอบนี้เป็นแบบ LED มีแสงชนิด Warmlight หรือแสงเหลืองนวล กำลังไฟอยู่ที่ 5W (ไม่สว่างมากดังนั้นจึงเหมาะกับพื้นที่ที่ไม่ใหญ่มากและไม่ต้องการความสว่างสูง เหมาะสุดก็โคมไฟหัวเตียงครับ)

นี่เป็นขั้ว E27/E26 อย่างที่แจ้งครับ

นำไปติดตั้งใส่โคมไฟหัวเตียงนอนได้สบายๆ เลย (ส่วนโคมไฟใครใช้ขั้ว E14 นั้นต้องรออีกเวอร์ชันนึงนะครับดังนั้นต้องเช็คให้ดีก่อนว่าโคมไฟเราใช้ขั้วขนาดเท่าไหร่ก่อนที่จะเลือกซื้อหลอดครับ)

ติดตั้งเสร็จปุ๊บเปิดสวิทย์ก็พร้อมใช้งานได้ทันที

การใช้งาน PlayBulb

เริ่มด้วยการดาวน์โหลดแอป PLAYBULB จาก App Store ติดตั้งลงที่ iPhone ส่วนผู้ใช้งาน Android ก็ดาวน์โหลดได้ที่ Play Store ได้เช่นกันครับ

ติดตั้งลง iPhone เรียบร้อยแล้วก็เปิด Bluetooth ขึ้นมา

เมื่อเปิด Bluetooth แล้วจะเห็นอุปกรณ์ PlayBulb อยู่ในรายการและขึ้นว่า Not Paired (ยังไม่ได้จับคู่) ก็เลือกที่ PlayBulb ได้เลยนะ

รอสักพักให้ iPhone เชื่อมต่อกับ PlayBulb โดยสังเกตว่าจะขึ้น Connected นะครับก็เป็นอันเสร็จครับ

ส่วนการใช้งานแอป PLAYBULB

เมื่อจับคู่ iPhone กับหลอด PlayBulb แล้วให้เปิดแอปพลิเคชัน PLAYBULB ที่เราดาวน์โหลดไว้ขึ้นมาครับ เลือก Discovering ให้เป็นเปิด(สีเขียวตามรูป) จากนั้นหาก iPhone มองเห็นหลอดแล้วจะแสดง PLAYBULB ตามรูปด้านล่าง

แท็บเข้าไปที่ PLAYBULB เลยนะ

หน้าหลักการควบคุม PlayBulb

• Shake – เมื่อเปิด จะสามารถเขย่าเครื่องแล้วหลอด PlayBulb จะปรับความสว่างแต่ละระดับตามที่เราเขย่า
• Light – เมื่อเปิด หลอด PlayBulb จะสว่าง(ค่าเริ่มต้นจะไปที่สว่างสุด) ถ้าเลือกปิด ไฟที่หลอดก็จะถูกปิดลง มันเหมือนสวิทเปิด ปิดนั้นแหละ
• Control Wheel – ส่วนควบคุมความสว่างของแสงสามารถปรับหมุนได้ หมุนซ้ายสุดก็มืดสุด ขวาสุดก็สว่างสุดนะครับ
• Play bar – นั่นคือส่วนที่เล่นเพลง โดยเพลงนั้นจะมาจากแอป Music ที่มีในเครื่องเรา สามารถเลือกเปิดเพลงฟังได้ เสียงนั้นจะถูกส่งออกไปยัง PlayBulb ได้เลย เดี๋ยวมีตัวอย่างให้ดูด้านล่าง
• Settings – เป็นเมนูการตั้งค่าต่างๆ เช่น ตั้งเวลาปลุก, ตั้งโหมดประหยัดพลังงาน, ตั้ง Night Mode หรือ Sleep Mode การใช้งานนั้นดูด้านล่างต่อเลยนะ

การปรับความสว่าง PlayBulb ด้วย Control Wheel

ตัวอย่างนี้ผมทดสอบการปรับแสงสว่างให้ดูนะครับ โดยเริ่มต้นที่ระดับสว่างสุดก่อนคือที่ขวามือสุด

จากนั้นปรับมาที่ทางซ้ายหน่อยสัก 40% ก็จะมืดลงมา

ถ้าลงมาอีกสัก 20% ก็ยิ่งมืดลงไปอีก ถ้า 0% เลยก็จะมืดไปเลยครับ ง่ายๆ

เปิดเพลงให้ออกไปยัง PlayBulb

กดที่ตัว เล่น (เครื่องหมาย > ) เพื่อเล่นเพลง โดยเพลงที่จะเล่นนั้นเป็นเพลงปัจจุบันที่กำลังเล่นใน Music จากนั้นเราเลือกเปลี่ยนได้ตามต้องการ

ตรวจสอบเพื่อความแน่ใจว่าสัญญาณเสียงนั้นส่งออกไปที่ PlayBulb แล้ว โดยแท็บที่รูปไอคอน AirPlay (สีฟ้าที่เป็นรูปสามเหลี่ยมทับสี่เหลี่ยมอยู่) จะต้องมีเครื่องหมายเช็คถูกที่ PlayBulb จึงจะหมายความว่าเสียงนั้นถูกส่งไปที่อุปกรณ์นั้นแล้ว

การตั้งค่าในเมนู Settings

ในเมนูนี้จะมีให้เลือก 4 โหมดหลักได้แก่

1. Wake Up คือ ตั้งเวลาปลุก
2. Energy Saver คือ โหมดประหยัดพลังงาน
3. Night Mode คือ โหมดการใช้งานตอนกลางคืน
4. Sleep Mode คือ โหมดที่ใช้ตอนเวลาที่จะนอน

ตัวอย่างการใช้งานโหมด Wake Up

เลือกที่ Wake Up ที่หน้าเมนูหลักจากนั้นจะเข้าสู่หน้าตั้งค่า Wake Mode

•  เลือก Wake Mode ให้เป็น On (สีฟ้าดังรูป)
• Wake Up Time คือเวลาที่ต้องการให้ปลุก
• Wake Up Mode ส่วนนี้เลือกตั้งค่าให้หลอดได้ว่าจะแสดงแสงให้เป็นแบบไหน ค่าปกติจะอยู่ที่ Increasing Brighness หมายถึงการเพิ่มแสดงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงสว่างสุด มันก็เหมือนกันตื่นแล้วมาเปิดไฟนั่นแหละแต่อันนี้ PlayBulb มันจะเปิดไฟให้เลยเมื่อถึงเวลาที่ต้องการ
• Volume คือ ระดับเสียงที่ต้องการว่าจะให้เสียงปลุกนั้นดังขนาดไหน เสียงปลุกนั้นจะเป็นเพลงปัจจุบันที่กำลังเล่นอยู่ในแอป Music

เมื่อตั้งค่าเสร็จให้กด Save ที่มุมบนขวาจากนั้นก็จะมาอยู่ที่หน้าหลักของ Settings เราก็จะเห็นโหมด Wake Up มีสีฟ้าแสดงว่าเปิดโหมดนี้เรียบร้อยครับ

ส่วนในโหมดอื่นๆ ก็จะมีลักษณะการตั้งค่าที่คล้ายๆ กันนะครับ ลองนำไปเล่นเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ PlayBulb สามารถที่จะตั้งชื่อใหม่ให้หลอดได้ เช่น ห้องอาจจะติดตั้งสัก 3 หลอด ก็สามารถตั้งชื่อแยกกันได้ครับ

ภาพสุดท้ายเป็นการเปิด Shake mode ในการควมคุมอย่างที่แจ้งไปคือเมื่อเปิดโหมดนี้ก็สามารถที่จะเขย่าเครื่องเพื่อให้ปรับแสงของหลอดได้

สรุปช่วงท้ายในการริวิว PlayBulb

ผมได้เห็นหลอดไฟนี้ครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นมันเป็นอะไรที่ไม่ค่อยได้เจอมากนักที่อุปกรณ์ที่ใช้ในบ้านใกล้ตัวนั้นสามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้ PlayBulb สามารถนำไปใช้งานจริงได้ค่อยข้างเยอะไม่ใช่เพียงแค่ตั้งโชว์เฉยๆ

ไฟ LED ขนาด 5W กินไฟไม่เยอะไม่ค่อยมีความร้อนเท่าหลอดตะเกียบ แม้ว่าแสดงจะไม่ได้สว่างมากแต่ว่ามันเพียงพอกับบรรยากาศของห้องนอนที่เราไม่ต้องการแสงที่จ้าขนาดนั้น เปิดเพื่ออ่านหนังสือก่อนนอนหรือว่าพิมพ์งานจากแล็บท็อบก็ไม่มีปัญหา

เรื่องลำโพงนั้นถ้าถามว่ามันเสียงเทพไหมก็บอกเลยว่าไม่ครับ มันพอฟังได้ดีระดับนึงครับถ้าหวังจะได้คุณภาพลำโพงตึ๊บๆ เลยมันก็ไม่ใช่ครับ มันใช้ได้กับจะฟังเพลงคลอเบาสยายๆ ก่อนเข้านอนครับ ตั้งเวลาเปิดเพลงเบาๆ เอาไว้ให้ถึงเวลาที่ต้องการนอนมันก็จะปิดเพลงและปิดไฟให้พร้อมกันเลยเจ๋งไหมหละ

อีกสถานที่หนึ่งที่อยากแนะนำก็คือติดในห้องน้ำก็ได้เพราะบางคนชอบฟังเพลงระหว่างทำกิจกรรมในห้องน้ำด้วยสามารถติดแทนหลอดเก่าที่หน้ากระจกได้เลยหรือไม่ก็ถ้าไม่มีหลอดเดิมก็สามารถซื้อโคมหรือว่าแท่นหลอด E27 ราคาไม่กี่บาทมาติดตั้งแทนก็ได้แค่นี้ก็ฟินได้ละ

ราคาของ PlayBulb อยู่ที่ 1990 บาทถามว่าแพงไหมผมว่าราคาไม่ได้ถูกนะถ้ามันทำให้เพียงเปิดปิดอย่างเดียว แต่นี่มันทำได้ค่อยข้างหลายอย่างเลยไม่ว่าจะเป็น เพิ่มแสง ลดแสง มีลำโพง ตั้งโหมดปลุก ปิดเปิดต่างๆ แถมควบคุมไร้สายอีก ถือว่าคุ้มค่าครับและมี มอก. ให้ด้วยผู้ใช้งานจะได้วางใจนะครับ

หาซื้อ PlayBulb ได้ที่ไหนบ้าง?

มีจำหน่ายที่ iStudio by Copperwired, iStudio by Comseven, iStudio by SPVI, iStudio by Uficon, Jaymart, The Power by Home Pro, Dot Life, The Selected, Gizman, Lighting House และที่อื่นๆ

ส่วนท่านใดที่ไม่สะดวกเดินทางไปที่ร้านสามารถสั่งซื้อผ่านทาง iPhonemod ได้เช่นกัน(ติดต่อกับ MiPow ผู้นำเข้าโดยตรงของทุกชึ้นมีประกันให้ 1 ปี) สินค้าจะถูกจัดส่งให้ถึงบ้านเลยครับ

หากมีข้อมูลสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่คอมเมนต์ด้านล่างหรืออีเมล, ไลน์ มาถามในฟอร์มที่ให้เอาไว้นะครับ

ขอบคุณ MiPow สำหรับอุปกรณ์ในการทดสอบครั้งนี้ครับ

• Facebook
• Twitter
• Line