in ,

รีวิว – (สัมผัสแรก) LG Optimus 2X ผู้ท้าชนคนใหม่ของ iPhone4

ณ ปัจจุบันพูดถึงสมาร์ทโฟนใคร ๆ ก็ต่างนึกถึง iPhone4 มองไปแห่งหนตำบลใดก็พบแต่ iPhone4 (จริงบ้าง จีนบ้างปน ๆ กันไป) โทรศัพท์ยุค Generation นี้ยังไงก็คงเป็นเป็นยุค Touch Phone ถึงแม้ RIM เอง (Black Berry) ก็ยังมี Touch Screen ออกมาเป็นระยะ ๆ ส่วนเรื่องของระบบปฏิบัติการเท่าที่แข่งกันหลัก ๆ ก็มีอยู่ 4 เจ้า คือ Windows Phone 7 (อันนี้เกาะบุญเก่าอยู่), RIM (นิยมมาก ๆ โดยเฉพาะในประเทศไทย), iOS (วางแผนดี อนาคตไกล) และน้องใหม่ที่เติบโตเร็วสุด ๆ อย่าง Android (เปิดกว้างสุด ๆ ที่สำคัญฟรี) ส่วน Symbian, Bada หรืออื่น ๆ ผมยังไม่ขอพูดถึงแล้วกันครับ โดยการ Review 2 ตัวนี้ผมจะพยายามไม่เน้น OS มากเพราะมันข้าม OS กัน โดยจะมองในฐานะ User มากกว่า บัดนี้ … ขอเริ่มการ Review LG Optimus 2X ของผู้ท้าชนคนใหม่ของ iPhone ได้ ณ บัดนาว

เกริ่นนำ

iPhone : iOS ของ Apple นั้นมีข้อดีตรงที่เป็นระบบปิด ซึ่งไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ไปกระทำการใด ๆ ในเครื่องได้ (ถึงแม้บล๊อกเราจะเข้าไปแคะแกะเกากันอยู่บ่อย ๆ ก็เถอะ) ด้วยความที่เป็นระบบปิด จึงทำให้ง่ายต่อการควบคุมของ Apple เอง อีกทั้ง Devices ยังมีอยู่แค่ไม่กี่รุ่นง่ายต่อการพัฒนา ในเมืองเป็นผู้ผลิตเองทั้ง OS, Hardware ก็ย่อมจะทำให้ดึงประสิทธิภาพของ Devices ออกมาได้ค่อนข้างมากกว่าเจ้าอื่น ๆ

Optimus 2X : พูดถึงระบบ Android แล้วในความเป็นจริงแล้วแต่ละ Devices คงยังไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ เพราะไส้ในก็เหมือน ๆ กันคือ Android (ส่วนเวอร์ชั่นเท่าไหร่ค่อยว่ากันอีกที) จะต่างกันก็ตรงด้าน Hardware ที่แต่ละแบรนด์เลือกใช้ หรือ UI ต่าง ๆ ที่แถมมากับเครื่อง ฯลฯ

ในวันนี้จึงขอนำ Android ระดับ Hight END อีกตัวหนึ่ง ซึ่งอาจจะพูดได้ว่าเป็นคู่แข่งของ iPhone4 ก็ไม่ปาน เพื่อเป็น User Guide ให้กับผู้ที่กำลังคิดจะซื้อ Smart Phone ในเร็ว ๆ นี้ได้ตัดสินใจกัน และแน่นอนว่าถึงเราจะเป็นบล๊อก iPhone แต่ก็จะทำตัวในฐานะสื่อฯ ที่ดีในการนำเสนอความจริงและวิจารณ์กันด้วยความยุติธรรมโดยปราศจากอคติ

การออกแบบ

ผมค่อนข้างแปลกใจมาก ๆ ที่เห็นหลาย ๆ เว็บดังในเมืองไทยเวลาเขียนไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการออกแบบ รูปทรง และวัสดุกันเอาซะเลย จ้องแต่จะทดสอบ Benmark กันอย่างเดียว ใช่ครับ การทดสอบภายใน Hardware มันทำให้เราทราบถึงประสิทธิภาพหริอ Performance ของเครื่อง แต่ก่อนหน้าที่เราจะไปถึงจขั้นนั้นโทรศัพท์มันต้องทำหน้าที่ของมันได้ครบถ้วนเสียก่อน (เช่น สัญญาณไม่หาย เสียงชัด ฯลฯ) นอกจากความสามารถพื้นฐานแล้วนั้นวัสดุก็สำคัญไม่แพ้กันโดยเฉพาะอย่างยิ่งโทรศัพท์ระดับ Hight END ที่มีราคาสูงลิบลิ่วแล้วล่ะก็ อยากให้ทุกคนหยิบเอาเรื่องนี้มาคิดกันครับ ไม่งั้นคุณอาจจะใช้โทรศัพท์ไปอย่างไม่มีความสุขได้

ทันทีพริบตาแรกที่แรกเห็นผมก็คิดในใจก็คิดเลยว่า “ทำไมมือถือยุคนี้มันคล้าย ๆ กันไปหมดเลย” แต่ก็เข้าใจว่ามันเป็น Generation นี้มันเป็น Touch Phone ดีไซน์จึงต้องออกแนวคล้าย ๆ กันไปหมด เพราะด้วยข้อจำกัดในหลาย ๆ ด้าน เช่นเดียวกับ Honda และ TOYOTA ที่เป็นรถ 4 ล้อ 4 ประตูเหมือนกัน คงจะกล่าวหาว่าลอกกันคงจะไม่ถูกนัก

 

จากตาราง (เล็ก ๆ) ที่ผมทำเองด้านบน จะเห็นได้ว่าขนาดของโทรศัพท์ทั้ง 2 ค่อนข้างใกล้ ๆ กัน น้ำหนักนี่แยกกันไม่ออกเลย หากได้พิจารณาถึงความเล็กกระทัดรัดและความสะดวกในการพกพาผมว่า iPhone4 จะเล็กกว่านิดหน่อย แต่เรื่องความถนัดและกระชับมือผมยกให้ Optimus 2X เพราะมันค่อนข้างที่จะลงล็อคมือมากกว่า รูปแบบความโค้งของฝาหลังและหน้าจอไม่เหลี่ยมจัดเหมือน iPhone4 ซึ่งหลุดมือได้ง่ายมาก โดยปัญหาเหล่านี้จะหมดไปหากใส่ Bumper (ซึ่งเครื่องทั้งหมดในตอนนี้ต้องซื้อ)

ภาพด้านบนจะเป็นการวางซ้อนกันเพื่อให้เห็นถึงความหนานะครับ ไม่ต้องอธิบายเลยว่า iPhone4 จะบางกว่า และเล็กกว่าในทุก ๆ ด้าน หากใครชอบใส่โทรศัพท์ลงในประเป๋ากางเกงเหมือนผมก็คงจะชอบ iPhone4 มากกว่า แต่บางคนอาจจะไม่ซีเรียสเรื่องนี้มากนัก และแน่นอนครับในความคิดของผมยังจะยืนยันว่า Optimus 2X นั้นง่ายต่อการจับและถือคุยมากกว่า

ภาพในอีกมุมหนึ่งจะว่าต่างกันก็ว่าได้สำหรับความหนาที่ห่างกันเกือบ 2 มิลลิเมตร จะว่าไปพูดถึงวัสดุล่ะก็ด้านหลังของ iPhone4 นั้นจะใช้เป็นกระจกเฮลิคอปเตอร์ซึ่งกันรอยและขนแมวได้เป็นอย่างดี (แต่ผมก็ไม่เคยเห็นเฮลิคอปเตอร์ลำไหนตกแล้วกระจกไม่แตกนะ) ส่วนของ Optimus 2X เป็นพลาสติกเหนียวยืดหยุ่นสูงครับ เท่าที่ลองสัมผัสดูจะติด ๆ นิ้วดีคล้าย ๆ จับยาง แต่มันเป็นพลาสติก (งง… มั้ย) เท่าที่ลองทดสอบมาหลายวัน ใช้เปลือย ๆ ไม่ใส่เคสอะไร (แต่ก็รักษาของพอสมควร) ยังไม่พบขนแมวและรอยนิ้วมือครับ

ด้านหลังของ Optimus 2X ตรงกลางมีดีไซน์เป็นเหล็กเส้นยาวแนวตั้งเกือบสุดแนว พร้อมกับสลักลายเป็นคำว่า “With Google” ส่วนด้านล่างเป็นโลโก้ LG เพียงหนึ่งเดียวของเครื่อง ซึ่งน่าแปลกมาก ๆ โดยปกติเขาจะมีหน้าเครื่องกันด้วย แต่สำหรับตัวนี้ไม่มี ให้ความรู้สึกโล่ง ๆ พิกล ค่อนข้างแปลกใจพอสมควร บริเวณกล้องอยู่ตรงกลางพอดีเป๊ะ … ซึ่งต่างจาก iPhone4 ที่มีกล้องเอียงซะเกือบซ้ายสุด ตรงนี้ตอนแรกผมคิดว่าคงไม่ต่าง แต่พอเอาให้แฟนใช้งานเข้าจริง ๆ แฟนกลับบอกว่าชอบ Optimus 2X มากกว่าเพราะกล้องอยู่ตรงกลางเวลาถ่ายรูปตัวเองตั้งเล็งได้ง่ายมาก (ข้อนี้ผมคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ นะเนี่ย) ถัดมาเป็นแฟลชครับดวงใหญ่กว่า iPhone4 หลายเท่าและก็สว่างมาก ๆ เสียด้วย คุณภาพกล้อง 8M แต่เท่าที่ลองไม่สามารถสู้คุณภาพกล้องของ iPhone4 ที่ 5M ได้เลย (จะกล่าวในบทความหน้า) แต่ดีตรงที่ว่าได้ไฟล์ที่ขนาดใหญ่กว่าและละเอียดกว่า อีกทั้งยังมีผลพลอยได้ทำให้ซูมได้มากกว่าโดยที่คูณภาพไม่แตกด้วย

ด้านบนของเครื่อง Optimus 2X คล้าย ๆ กับ iPhone4 แต่ต่างกันตรงที่ตรงกลางของ Optimus 2X ซึ่งมีพอร์ท HDMI เข้ามา (จุดขาย) ซึ่งจุดนี้ขอบอกว่าการใช้งานจริง ๆ ของปุ่ม เปิด-ปิด และหูฟังไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก แต่ความรู้สึกของผมว่า iPhone4 ปุ่มใหญ่กว่ากดง่ายกว่านิดนึง (ยังจะเอามาเทียบอีกเนอะ – -*) ส่วนของ iPhone ถึงแม้จะต่อออกจอแบบ HDMI ไม่ได้แต่ก็สามารถซื้ออุปกรณ์เสริมมาต่อได้ (ซึ่งก็เสียตังค์อีกนั่นแหล่ะ ผมขอ +1)

อันนี้เป็นตัวต่อ HDMI ที่ว่า (ต่ำกว่า iPhone4 หมดสิทธิครับ) ความสามารถในการเล่นภาพยนต์เต็มที่คือ 720P ด้วยข้อจำกัดทางด้าน Hardware และด้วยข้อจำกัดทางด้าน Software ทำให้ iPhone4 ไม่สามารถต่อออกจอเพื่อใช้กับทุก App ได้ยกเว้นจะ Jailbreak แล้วลง DisplayOut ก็จะออกทุกอย่างครับ ซึ่งตรงนี้ให้คะแนน Optimus 2X ที่จะสามารถให้ประสบการณ์ความบันเทิงทางด้าน Multimedia ได้มากกว่า

ทางด้านท้ายเครื่องช่างคล้ายกันยิ่งนัก ถ้าหากมีน็อต 2 ตัวนี่ใช่เลย แต่ก็เข้าใจว่าลำโพงหากไม่ไว้ด้านล่างก็มีด้านหลัง (ซึ่งเสียงไม่เวิร์คเลย) ครั้นจะเอาช่องเสียบ Micro USB ไปไว้ด้านซ้ายหรือขวามันก็คงจะดูกวนตีนเกินไป (หัวเราะ) คงไม่ค่อยแตกต่างกันมากระหว่าง 2 เครื่องนี้ แต่ถ้าหากจะให้วิจารณ์กันลึก ๆ แล้วล่ะก็ช่องลำโพงของ Optimus 2X ดูจะใหญ่กว่า และก็เป็นไปดังคาดเพราะว่าเสียงจากเครื่อง Optimus 2X แม้ความดังของเสียงจะพอ ๆ กับ iPhone4 แต่เรื่องความไพเราะ เสนาะหู มากกว่าเพราะมีมิติของเสียงที่มากกว่า ยิ่งเปิดฟีเจอร์ Virtual Surround ที่มีอยู่เฉพาะใน Optimus 2X ยิ่งให้อรรถรสยิ่งนัก เสมือนจำลองลำโพง 5.1 มาไว้ตรงหน้าเลย ต่างจากที่ฟังผ่าน iPhone4 อย่างลิบลับ และอีกเรื่องคือพอร์ทที่ใช้ในการเชื่อมต่อคอมฯ หรือชาร์จไฟนั้น ของ iPhone4 เป็นสายเฉพาะของตนเองซึ่งมีใช้เฉพาะในชนกลุ่มน้อย เวลาฉุกเฉินหากไม่เจอสาวก Apple อยู่ใกล้ ๆ จริง ๆ คงจะพึ่งพาอะไรไม่ได้ ส่วนของ Optimus 2X นั้นเป็นแบบ Micro USB ซึ่งหาได้ง่ายมาก และใช้ในโทรศัพท์ยุคนี้เกือบทุกเครื่อง สายกล้องเอย หรือแม้กระทั่ว HDD Ext. บางตัวอย่างอย่าง WD บางตัวก็ยังเลือกใช้ เพราะเนื่องจากทาง EU พยายามดันให้ MicroUSB กลายเป็นมาตรฐานของ Devices ต่าง ๆ ที่จะทำตลาดใน EU สาเหตุส่วนหนึ่งก็ด้วยเหตุผลลดโลกร้อน (เดี๋ยวนี้เราซื้อโทรศัพท์แล้วสาย Sync และที่ชาร์จจึงมักรวมกัน) ตรงจุดนี้ผมว่าผู้บริโภคได้ประโยชน์เต็ม ๆ เพราะไม่ต้องซื้อสายสำรอง หรือหาเพิ่มให้วุ่นวาย ดีไม่ดีบางทียืมมันทั้งที่ชาร์จและสายของเครื่องอื่นไปเลย เพราะส่วนใหญ่จ่ายไฟไล่ ๆ กันได้อยู่แล้ว ตรงนี้ผมให้ Optimus 2X ชนะน็อค iPhone4 ไปเลยครับ

ว่ากันไปถึงหน้าจอตรงจุดนี้ผมมองว่ามีเรื่องให้วิจารณ์กันเยอะพอสมควร จนผมก็ไม่แน่ใจว่าจะเอาไปลง (Sneak Review) ดีหรือปล่าว? หรือว่าเก็บไว้ลงบทถัดไปดี? แต่แล้วผมก็อดไม่ได้ขอลงมันเลยก็แล้วกัน ก่อนจะวิจารณ์เรามาดูสเปคหน้าจอของแต่ละตัวเปรียบเทียบกันดีกว่าครับ

จากตาราง (เล็ก ๆ) ที่ผมทำเองด้านบน จะเห็นได้ว่าทั้ง Optimus 2X มีขนาดจอที่ใหญ่กว่า ซึ่งแน่นอนว่าสามารถดูภาพยนตร์ รูปภาพ หรือแม้กระทั่งเว็บไซต์ได้ดีกว่า สามารถดูไกล ๆ หน่อยได้ จากประสบการณ์ใช้ iPhone4 ของผมเคยให้ชื่อว่าเป็น “โทรศัพท์ที่ท่องเว็บได้ดีที่สุด” เนื่องจากความไหลลื่นของมัน บวกกับขนาดจอที่ไม่เล็กมากนัก เมื่อเทียบกับโทรศัพท์ที่สาว ๆ ถือกัน แต่ผมก็ต้องยอมรับความจริงว่าสิ่งที่เคยเรียกว่าถนัดแล้ว ที่ว่าใหญ่แล้ว พอได้ลองกับมือถือที่ใหญ่กว่า มันก็ดูเว็บได้สะดวกกว่าจริง ๆ เรื่องขนาด Optimus 2X ชนะไปเลยครับ (เพราะด้วยเรื่องขนาดจอที่ใหญ่จึงทำให้ตัวเครื่องก็ใหญ่ตามด้วย แต่ก็ไม่ถึงหรือใกล้เคียงคำว่า “เทอะทะ” มากนัก)

แต่ ! อย่าพึ่งดีใจไป iPhone4 ยังมีไม้เด็ดอยู่ที่ความละเอียดของหน้าจอ ที่มากกว่า (ถึงแม้จอจะเล็กกว่า) ทำให้ดูทุกสิ่งทุกอย่างได้คมชัดมากกว่า ในระดับจุดที่ละเอียดมากกว่า ทำให้มีความรู้สึกว่า “เนียล” มากกว่า หากใครนึกไม่ออกให้ลองนึกถึงเวลาขยายไฟล์รูปใน Photoshop ดูครับ ถึงใหญ่กว่าแต่ละเอียดน้อยกว่า (ไม่ถึงกับภาพแตกนะ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่) เรื่องความละเอียดอันนี้ iPhone4 ชนะไป จริง ๆ แล้วจอของ Optimus 2X ไม่ใช่จอคุณภาพต่ำหรือไม่ดีหรอกครับ เพียงแต่ Retina Display ที่ Apple พัฒนามันใช้เทคโนโลยีสูงกว่าเท่านั้น (เรียกว่าล้ำไปไกลกว่าชาวบ้านเขา) สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ผมจึงได้ลองถ่ายมาเปรียบเทียบกันให้ดูครับ ว่ามันจะจริงอย่างที่หลายคนจินตนาการอยู่หรือปล่าว หรือว่าสำหรับบางคนมันอาจจะ “ไม่ค่อยต่าง”

(Optimus 2X ด้านบน และ iPhone4 ด้านล่าง) จากภาพด้านบนถึงแม้จะความละเอียดของ iPhone4 จะมากกว่าแต่ผมกลับพบว่าความสดของเม็ดสีหรือ Contrast เมื่อมองดูจาก Optimus 2X กลับมากกว่า จริงอยู่ตรงที่ว่ามันอาจจะไปเร่ง Contrast จนทำให้สีเพี๊ยน แต่ก็ต้องยอมรับว่าสีมันดูฉูดฉาด และดึงดูดกว่าจริง ๆ บางคนคิดอีกด้านคือสีเพี๊ยนแล้วไงแค่เราชอบก็พอ เพราะว่าเราไม่ได้เอาไปทำงานกราฟฟิกหรือแต่งรูปเหมือนจอคอมฯ ซักหน่อย อันนี้ก็ต้องแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนครับ

(Optimus 2X ด้านบน และ iPhone4 ด้านล่าง) หลังจากดูตารางสีที่แสนจะปวดตาและซีเรียสกันมาแล้ว เราก็มาพักผ่อนสายตาให้ผู้อ่านกันครับ (หัวเราะ) ครับอีกเรื่องที่ผมยังไม่ได้พูดถึงคือเรื่อง “ความสว่าง” หรือ Brightness ที่ผมว่ายังไง iPhone4 ก็ยังให้แสงที่สว่างมากกว่า (รวมถึงสู้แสงด้วย) อันนี้หากใครอยากได้สว่างแบบไม่น้อยหน้า iPhone4 คงจะต้องรอ Optimus Black ที่มีความสว่างถึง 700nit (หน่วยวัดความสว่าง) ซึ่งกำหนดขายน่าจะลงพร้อม ๆ กับ Optimus 2X ครับ เดี๋ยวผมจะนำมา Review ให้ชมแน่นอน พูดถึงเรื่อง Contrast ต่อถึงแม้ Optimus 2X จะมีความสว่างน้อยกว่า แต่สังเกตที่กางเกงสีแดงดูครับจะเห็นได้ว่าความสดไม่แพ้เลย ทั้ง ๆ ที่ความสว่างน้อยกว่าแท้ ๆ (ผมทดสอบด้วยความสว่างสูงสุดของทั้ง 2 เครื่องครับ แต่ 2 รูปแรกในตอนเช้าเปิดเซ็นเซอร์วัดแสงแบบอัตโนมัติ)

อีกเรื่องที่ผมยังไม่ได้พูดถึงนั่นก็คือ 4 ปุ่มมหัศจรรย์ Android นี้จะมีไฟสว่างระหว่างกดด้วย ซึ่งหล่อมากเลยทีเดียวหากเรากำลังอยู่ในที่มืด ๆ เช่น ผับ แต่อาจดูไม่หล่อนักหากนำไปกดเล่นในโรงหนัง (หัวเราะ) เสียอย่างเดียวคือแสงไฟนั้นดับออกจะเร็วไปนิด ซึ่งจริง ๆ แล้วมันสมควรที่จะดับพร้อมหน้าจอด้วยซ้ำ ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยถูกต้องนัก

จุดเด่นของ Optimius 2X

– ขนาด 123.9 x 63.2 x 10.9 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x หนา)
– รองรับเครือข่าย GSM 850/900/1800/1900
– รองรับ 3G 900/1900/2100 MHz
– ระบบปฏิบัติการ Android 2.2 Froyo (อัพเป็น 2.3 ได้)
– เซ็นเซอร์จับความเคลื่อนไหว 3 แกน (Gyrosensor) — ที่พัฒนาขึ้นจาก LG โดยเฉพาะ
– หมุนหน้าจออัตโนมัติ (Accelerometer)
– ปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ (Ambient Sensor)
– เซ็นเตอร์ตรวจจับหน้าจอ (Proximity)
– ซีพียู Dual-core processor NVIDIA Tegra 2 ความเร็ว 1 Ghz — เร็วที่สุดเป็นตัวแรกของโลก
– เชื่อมต่อ WiFi (802.11 b/g/n) รองรับ WiFi Direct (DLNA)
– รองรับ Flash Player
– กล้อง 8MP แฟลช LED พร้อมรองรับการถ่ายวีดีโอ HD1080p (1920×1080 พิคเซล, 24 เฟรม/วินาที)
– สามารถเล่นวีดีโอ HD1080p พร้อมต่อออกจอผ่าน HDMI และ DLNA — ประสบการณ์ความบันเทิงแบบใหม่

*** มี Review เชิงลึกต่อภาค 2 ครับ ***

ส่วนเรื่องราคายังไม่ทราบครับ ทางทีมงานจึงอยากสอบถามท่านผู้อ่านอย่างเป็นส่วนตัวว่า

“สำหรับมือถือ DualCore เครื่องแรกนี้ ท่านยินดีจ่ายที่เท่าไหร่?”

ขอขอบคุณ LG Mobile (ประเทศไทย) สำหรับเครื่อง Optimus 2X

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย yugioh2500

หากตรงไหนแปลหรือเขียนผิดสามารถชี้แนะได้ครับ
ติดต่อ-สอบถาม-พูดคุย-แลกเปลี่ยนกันได้ที่
Twitter: @yugioh2500

7 Comments

  1. ชอบบทความนี้มาก เพราะดิฉันสนใจเรื่องของการออกแบบมากกว่าความสามารถของเครื่อง โดยเฉพาะไม่มีโลโก้อยู่ด้านหน้าเครื่อง ดิฉันยินดีจ่าย 20000 บวกอีกนิดหน่อยค่ะ

  2. แล้วเรื่องเกมส์เยอะไหมครับดีไหม๊ แล้วมีเกมส์มาเรื่อยๆรึป่าวครับ

    • เกมมีพอสมควรครับ สนุก ๆ ทั้งนั้นเลยใน tegra zone

  3. พูดได้ถูกต้องครับ จะลองไปปรับปรุงดูครับ

  4. LG ไม่สามารถ forward message ได้ครับ