in

iOS 5 และความเปลี่ยนแปลงที่จะตามมา

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา Apple ได้จัดงาน WWDC 2011 เปิดตัว OSX Lion, iOS 5 และ iCloud ซึ่งความสำคัญของบริการทั้ง 3 ตัวนี้ก็คือเพิ่มขีดความสามารถให้กับอุปกรณ์ iDevices, iMac และ Macbook ทุกรุ่นของ Apple นั่นเอง

ซึ่งวันนี้จะขอกล่าวถึงแนวคิดของ iOS 5 และความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ใช้ iDevices ทั้งหลายครับ

iOS 5 เป็น software รุ่นล่าสุดของ Apple ตอนนี้มีสถานะเป็น Beta และจะเปิดให้ดาวโหลดใช้งานได้จริงในช่วงเดือนกรกฏาคมที่จะถึงนี้ โดย Apple นั้น ได้นำเสนอ features ใหม่ ๆ ถึง 10 ตัวด้วยกัน แต่ในที่นี่ผมขอพูดถึงแค่ 5 ตัวที่สำคัญ ๆ นะครับ

1. Notification นี่คือระบบ notification ที่ผู้ใช้ iOS รอมานาน เพราะระบบ message alert รุ่นเก่านั้นบางครั้งก็เตือนผิดกาลเทศะไปนิด (เช่น ตอนเรากำลังเล่นเกม) Apple ได้ทำการแก้ไขโดยการสร้าง Notification center โดยมีแนวความคิดคือรวม notification ทั้งหมดไว้ที่เดียวกัน (บ้างก็แขวะ Apple ว่าลอกค่ายอื่นมา) โดยที่ผู้ใช้งานสามารถเรียกใช้ได้โดยการลากนิ้วลงมาจากตรงกลางจอครับ

2. iMessage เป็นบริการใหม่ที่ Apple นำเสนอโดยมีแนวคิดคล้าย ๆ BBM ของทาง Blackberry แต่ iMessage นั้นสามารถส่งได้ระหว่างผู้ใช้ iOS 5 ด้วยกันเท่านั้นครับ

3. PC free คราวนี้ Apple ได้ตัดสินใจอนุญาตให้ iDevices สามารถทำการซิงค์ข้อมูล backup ต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้สายเคเบิลแล้ว เพียงแค่เราเสียบสายชาร์จเข้ากับ iDevices ของเรา iTunes ก็จะทำการซิงค์เก็บค่า backup ให้อัตโนมัติผ่าน WiFi

4. Volume Button as Shutter Button คงจะมีผู้ใช้ iOS หลาย ๆ ท่านบ่นว่าการถ่ายรูปโดยกดปุ่มบนหน้าจอนั้นทำได้ไม่สะดวก Apple ได้ปรับเปลี่ยนให้ปุ่มเพิ่มเสียงกลายเป็นปุ่ม Shutter เมื่อฟังก์ชัน Camera ถูกเรียกใช้งาน

5. OTA (Over The Air) เป็นระบบอัปเดต firmware แบบใหม่ของ Apple ซึ่งทำให้เราไม่ต้องโหลด Firmware และทำการอัปเดตผ่านทาง iTunes อีกต่อไป

บทวิเคราะห์และวิจารณ์

iOS 5 นั้นมีฟีเจอร์หลาย ๆ อย่างทีเดียวที่เหมือนกับค่ายอื่นโดยไม่บังเอิญอย่างแน่นอน ซึ่งไอเดียบางอย่างก็ไม่ได้ใหม่สำหรับชาวเจลเบรกอยู่แล้ว  Apple มีจุดประสงค์อะไรในการทำแบบนี้

  1. Apple ต้องการลดความอยากในการเจลเบรกลง โดยไปเลือก tweak บางตัวจาก Cydia มาเปิดให้ใช้งานได้บน iOS 5 ได้อัตโนมัติ
  2. Apple คงอยากจะป้องกันการเจลเบรกให้ได้มากที่สุด โดยเลือกใช้การ Update แบบ OTA นั่นหมายความว่าเครื่อง iDevice ทุกเครื่องอาจจะถูกบังคับให้อัปเดต firmware อัตโนมัติ (ยังไม่ได้รับการยืนยันเรื่องการอัปเดตอัตโนมัติ แต่มีแนวโน้มสูง)
  3. Apple ต้องการลดทอนศักยภาพของคู่แข่งรายอื่น ๆ ไปในตัวโดยเฉพาะ iMessage ที่มีผลกระทบโดยตรงกับ BBM ของ RIM โดยตรง
  4. รองรับ iDevices ตัวใหม่ ๆ ที่จะตามมา

สรุป

ส่วนตัวผมนั้นไม่ได้ตื่นเต้นกับ iOS (4.)5 สักเท่าไรนักแถมผิดหวังนิด ๆ เพราะ app Tweak หลายตัวนั้นได้เคยลองใช้งานมาบ้างแล้วจาก Cydia แต่เป้าหมายของ Apple ครั้งนี้คงจะเป็นการเพิ่มศักยภาพให้ iOS ขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันกับ Android และเป็นการต่อสู้กับการเจลเบรกโดยตรง โดยหากเราคำนวณเล่น ๆ ถึงรายได้ที่ Apple สูญเสียไปจากการเจลเบรกอาจจะมีมูลค่าถึงหลายร้อยล้านเหรีญเลยทีเดียว และแน่นอนว่าการอัปเดต iOS 5 ครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณว่า iPhone 5 นั้นอยู่ไม่ไกลจากนี้แล้ว 🙂

คราวหน้าจะกล่าวถึง iCloud ครับ

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย alcanfane

15 Comments

  1. เป้าหมายของ Apple ครั้งนี้คงจะเป็นการเพิ่มศักยภาพให้ iOS ขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันกับ Android !!!!!!

    • เนื่องจาก Android เป็น open source หลาย ๆ features ได้แซง iOS ไปแล้วครับ แม้แต่ notification รุ่นใหม่นี้ ก็ได้มาจาก Android แน่นอน ก่อนหน้านี้ผมก็คิดว่า Apple ยังเป็นต่ออยู่บ้าง แต่หลังจาก Android อัปเดต 2.3.4 ผมว่า

      Android = iPhone ที่เจลเบรกแล้ว

      นั่นหมายความว่าถ้าเราไม่เจลเบรก iOS ยังประสิทธิภาพด้อยกว่าครับ เพราะกั๊กฟังก์ชันไว้เยอะเกินไป

      ปล. ความเห็นส่วนตัวทั้งหมดคับ

  2. สิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง ios กับ droid คือ ระบบที่เปิดและปิด
    การทำฟีเจอร์ที่คล้ายกันถามว่าลอกกันหรือไม่นั้น? ก็มีส่วนนะแต่เราไม่รู้หรอกว่าระบบข้างในลึกๆนั้นเหมือนกันหรือเปล่า

    มีหลายสิ่งที่ apple ทำการ R&D (Research & Develop) จนหลายค่ายเอาไปทำตาม บางสิ่งที่ Apple ทำการ C&D (Copy % Dev) ทำให้ดีขึ้น ซึ่งผมว่ามันก็เป็นแค่คอนเซ็บ

    เห็นด้วยกับ mod-k ครับ Android is iOS Jailbroken ^^

    ขอบคุณสำหรับบทความครับ

  3. ผมเคยตั้งคำถามกับเพื่อน ว่าบางตัวพี่เพิ่มขึ้นมาในios5 มันเหมือนที่ขายอยุ่ใน Cydia แบบนี้ ไม่ถือเป็นลิขสิทธิ์ทางปัญญา หรอครับ หรือเพราะว่าเครื่องเป็น ขอAppleเองทางนั้นเจลเบรกโดยไม่รับอนุญาต ประมานนั้นหรือปล่าว

    • ผมคิดว่าแอปเปิ้ลเป็นเจ้าของ iOS แต่เพียงผู้เดียวนะครับ

      • ถือว่าเป็นการปรับ ปรุง ปรับแต่ง ios เลยถือว่า แอปเปิ้ลเป็นเจ้าของ iOS แต่เพียงผู้เดียว หรอครับ

        • ผมงงตรงที่ ไม่ถือว่าคนที่คนที่ทำในขายCydia เป็นเจ้าของความคิดหรอครับ หรือว่าของที่ขาย ในCydiaมันจดทะเบียอะไรไม่ได้

          • ผมก็ไม่ทราบรายละเอียดเบื่องลึกนะครับ แต่ปกตินั้น Apple ไม่อนุญาตให้ทำการแก้ไขปรับแต่งไอโฟนอยู่แล้ว แต่พอมีกฎหมายใหม่ที่อนุญาตให้เจลเบรกได้ คดีก็พลิกกลับกัน

            จดลิขสิทธิ์แนวคิด จดเรื่องอะไรก็ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องมาจาก Cydia

            เช่นครั้งนึง Apple ถูกตัดสินให้แพ้คดีเกียวกับการแสดงผลแบบเป็นปกที่เรียกว่า Cover Flow บน ipod/iphone เพราะเคยมีคนอื่นจดไว้ก่อนแล้ว จึงต้องจ่ายค่าชดเชยไป

            ในกรณีนี้ผมคิดว่าเจ้าของแอปมีสิทธิ์ฟ้องร้อง Apple ได้ครับ ถ้าเค้าเคยจดสิทธิบัตรและพิสูจน์ได้ว่า Apple ไปลอกแนวคิดนี้มา แต่ในทางกลับกันผมคิดว่า Apple นั้นมี feature พวกนี้อยู่นานแล้วแต่กั๊กไว้น่ะครับ เพราะ App ใน Cydia ส่วนมากก็เคยส่งให้ทาง Apple รับรองเพื่อวางขายใน App Store เพียงแต่ไม่ผ่านการรับรองเลยมาลงใน Cydia ครับ

  4. Android is iOS Jailbroken ^^ << ไม่เคยจะศึกษา Android เลยครับ แต่ถ้าเป็นยังงั้นจริง ผมต้องปรับทัศนคติกับค่ายนี้ใหม่แล้ว ถือว่าเปิดโลกทัศน์น่ะครับ?

  5. เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ครับ
    —————–
    Dooappdd.com | รีวิว app iPhone & Android แจ่มๆ และน่าสนใจ

  6. ผมคิดกลับกันอีกทางว่าที่ Apply ขาย iPhone และ iPad ได้เยอะ เพราะมัน jailbreak ได้นี่แหละ

    • คนเจลเบรกเพียงแค่ 10% จาก iDevices ครับ สถิติของ Cydia เค้าบอกมาแบบนั้น